การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 213

212
wall
Q
คื
อ อั
ตราการถ่
ายเทความร้
อนชั่
วขณะจากบริ
เวณภายในห้
องเย็
นผ่
านทางผนั
งห้
องสู่
แหล่
งความร้
อน
รอบนอก ที่
มี
อุ
ณหภู
มิ
ต่
าภายในระบบ ซึ่
งมี
หน่
วยเป็
นวั
ตต์
i
U
และ
f
U
คื
อพลั
งงานภายในของระบบ ณ ตาแหน่
งเริ่
มต้
นและ
ตาแหน่
งสุ
ดท้
ายภายในช่
วงของการเปลี่
ยนแปลงเวลา
t
จากการวิ
เคราะห์
เครื
อข่
ายความต้
านทานทางความร้
อนของระบบ
เราสามารถคานวณหาค่
าการถ่
ายเทความร้
อนผ่
านผนั
wall
Q
ได้
จากสมการดั
งนี้
,int
,
,
,
,
sur
sur ext
wall
wall wall
conv ext
rad ext
conv int
wall
T T
Q k A
Q Q Q
 
(2)
เมื่
อนาค่
าที่
ได้
ต่
างๆที่
ได้
จากการทดลอง ซึ่
งได้
เลื
อกผลการทดลองที่
เหมาะสมที่
สุ
ดมาใช้
หลั
งจากนาค่
าไปแทนใน
สมการต่
างๆแล้
ว เราได้
ค่
าความสามารถในการทาความเย็
นได้
ดั
งภาพที่
3
จากภาพที่
3 เป็
นการแสดงให้
เห็
นถึ
งความสามารถในการทาความเย็
นของระบบการทาความเย็
นแบบดู
ดกลื
น โดยได้
ทดลองที่
อุ
ณหภู
มิ
ของเจนเนอเรเตอร์
ที่
300 ºC ซึ่
งเป็
นตาแหน่
งที่
ให้
ความสามารถในการทาความเย็
นมากที่
สุ
ดเมื่
อเปรี
ยบเที
ยบ
ที่
อุ
ณหภู
มิ
อื่
นๆ จากผลการทดลองที่
ได้
แสดงในภาพที่
3 แสดงให้
เห็
นว่
า ความสามารถของระบบจะเพิ่
มสู
งขึ้
นอย่
างรวดเร็
ในช่
วงเริ่
มต้
น กล่
าวคื
อ จะสู
งขึ้
นจาก 10 วั
ตต์
ในตาแหน่
งที่
30 นาที
หลั
งจากนั้
นก็
เพิ่
มเป็
น 55 วั
ตต์
ภายในหนึ
งชั่
วโมงของการ
ทางาน หลั
งจากนั้
น ความสามารถในการทาความเย็
นจะเพิ่
มขึ้
นอย่
างเล็
กน้
อย จนกระทั้
งมี
ค่
าคงที่
อยู่
ที่
85 วั
ตต์
เมื่
อเวลาผ่
านไป
3 ชั่
วโมง
Time (min)
0
50
100 150 200 250 300 350 400
Cooling capacity (W)
0
10
20
30
40
50
60
70
80
90
100
T
gen
= 300
o
C
Cooling capacity(W)
Time (min)
0
50
100 150 200 250 300 350 400
Instantaneous Coefficient Of Performance ( COP
instant
)
0.00
.01
.02
.03
.04
.05
.06
.07
.08
T
gen
= 300
o
C
COP
instant
ภาพที่
3
Cooling capacity
ภาพที่
4
Instant Coefficient of Performance
สมรรถนะชั่
วขณะของระบบการทาความเย็
นแบบดู
ดกลื
จากผลการทดลองจะเห็
นได้
ว่
าระบบการทาความเย็
นแบบนี้
จะทางานได้
ก็
ต่
อเมื่
ออุ
ณหภู
มิ
ของเจนเนอเรเตอร์
ต้
องมี
ค่
าประมาณ 300 ºC ดั
งนั้
นในส่
วนของการคานวณหาค่
าสมรรถนะของระบบจึ
งสามารถหาได้
ในช่
วงของอุ
ณหภู
มิ
นี้
เท่
านั
น แต่
เนื่
องจากการทดลองมี
การเก็
บผลที่
เวลาต่
างๆ จากตาแหน่
งเริ่
มต้
น ดั
งนั้
นจึ
งใช้
นิ
ยามของการหาสมรรถนะของระบบเป็
สมรรถนะชั่
วขณะแทน ซึ่
งได้
นิ
ยามตั
วแปรและวิ
ธี
การต่
างๆ แล้
วในวิ
ธี
การทดลอง ซึ่
งการคานวณหาค่
าสมรรถนะการทาความ
เย็
นชั่
วขณะของเครื่
องทาความเย็
นแบบดู
ดกลื
น สามารถคานวณได้
จากสมการดั
งนี้
ref
abs,int
gen
Q
COP
Q
(3)
1...,203,204,205,206,207,208,209,210,211,212 214,215,216,217,218,219,220,221,222,223,...300
Powered by FlippingBook