การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 214

213
เมื่
ref
Q
คื
อ อั
ตราการดู
ดกลื
นความเย็
นชั่
วขณะภายในระบบ ซึ่
งมี
หน่
วยเป็
นวั
ตต์
gen
Q
คื
อ อั
ตราการถ่
ายเทความร้
อนจากแหล่
งความร้
อนไปสู่
เจนเนอร์
เรเตอร์
จากผลการคานวณที่
ได้
แสดงในภาพที่
4 ซึ่
งมี
แนวโน้
มที่
ใกล้
เคี
ยงกั
นกั
บผลที่
ได้
แสดงในภาพที่
3 นั่
นคื
อสมรรถนะของ
การทาความเย็
นจะเพิ่
มอย่
างรวดเร็
วในช่
วงเวลาแรกและจะเพิ่
มขึ้
นเล็
กน้
อยและเข้
าสู่
สภาวะเสถี
ยรเมื่
อเวลาผ่
านไป 3 ชั่
วโมง ซึ่
จะให้
ค่
าสมรรถนะชั่
วขณะของระบบการทาความเย็
นนี้
ที่
0.05 ซึ่
งตั
วเลขนี้
ถื
อว่
ามี
ค่
าที่
น้
อยมากเมื่
อเปรี
ยบเที
ยบกั
บระบบการทา
ความเย็
นแบบอั
ดไอ แต่
ระบบนี้
มี
ข้
อดี
ที่
เด่
นชั
ดอยู่
คื
อสามารถนาความร้
อนทิ้
งจากแหล่
งต่
างๆมาใช้
งานได้
ไม่
เฉพาะจากแก๊
ชี
วภาพเท่
านั้
สรุ
ปผลการวิ
จั
งานวิ
จั
ยนี้
มี
วั
ตถุ
ประสงค์
เพื่
อออกแบบและสร้
างต้
นแบบของเครื่
องปรั
บอากาศโดยใช้
หลั
กการทางานของการทาความ
เย็
นแบบดู
ดกลื
นโดยใช้
แก๊
สชี
วภาพเป็
นแหล่
งพลั
งงาน เพื่
อวิ
เคราะห์
สมรรถนะของระบบการทาความเย็
นที่
ได้
ทาการศึ
กษา และ
เพื่
อใช้
เป็
นแนวทางในระบบการทาความเย็
นให้
กั
บเกษตรเลี้
ยงสุ
กรรายย่
อยที่
มี
ศั
กยภาพในการผลิ
ตแก๊
สชี
วภาพในพื้
นที่
จั
งหวั
พั
ทลุ
จากการได้
ออกแบบและสร้
างชุ
ดทดลองและได้
ทาการทดสอบระบบ สามารถสรุ
ปเป็
นประเด็
นต่
างๆได้
ดั
งนี้
1.
ที่
อุ
ณหภู
มิ
100 ºC และ 200 ºC ไม่
มี
ผลต่
อการเปลี่
ยนแปลงของอุ
ณหภู
มิ
ในอี
วาปอเร
ตอร์
และที่
อุ
ณหภู
มิ
ของเจน
เนอร์
เรเตอร์
350 ºC อุ
ณหภู
มิ
ของอิ
วาปอเรเตอร์
จะลดลงมาอย่
างรวดเร็
วในช่
วงชั
วโมงแรกและลดลงอย่
างต่
อเนื่
อง
เป็
นแนวเส้
นตรง แต่
เมื่
อเวลาผ่
านไป - ชั่
วโมง อุ
ณหภู
มิ
ของอี
วาปอเรเตอร์
ก็
ยั
งคงมี
ค่
าอยู่
ที่
-3 ºC ซึ่
งแสดงให้
เห็
นว่
าที่
อุ
ณหภู
มิ
350 ºC นี้
ระบบการทาความเย็
นก็
สามารถทางานได้
แต่
ความสามารถในการทางานได้
ไม่
ดี
ไม่
เมื่
เปรี
ยบเที
ยบกั
บผลการทดลองที่
อุ
ณหภู
มิ
ของเจนเนอเรเตอร์
ที่
300 ºC ดั
งนั้
นเราจึ
งสามารถสรุ
ปได้
ว่
า อุ
ณหภู
มิ
ที่
เหมาะสมของเจนเนอเรเตอร์
สาหรั
บการทดลองนี้
จะอยู่
ที่
300 ºC
2.
จากผลการทดลองที่
อุ
ณหภู
มิ
ที่
300 ºC แสดงให้
เห็
นว่
าความสามารถของระบบจะเพิ่
มสู
งขึ้
นอย่
างรวดเร็
วในช่
วง
เริ่
มต้
น จะสู
งขึ้
นจาก 10 วั
ตต์
ในตาแหน่
งที่
30 นาที
หลั
งจากนั้
นก็
เพิ่
มเป็
น 55 วั
ตต์
ภายในหนึ่
งชั่
วโมงของการทางาน
หลั
งจากนั้
น ความสามารถในการทาความเย็
นจะเพิ่
มขึ้
นอย่
างเล็
กน้
อย จนกระทั้
งมี
ค่
าคงที่
อยู่
ที่
85 วั
ตต์
เมื่
อเวลาผ่
าน
ไป 3 ชั่
วโมง
3.
สมรรถนะของการทาความเย็
นจะเพิ่
มอย่
างรวดเร็
วในช่
วงเวลาแรกและจะเพิ่
มขึ้
นเล็
กน้
อยและเข้
าสู่
สภาวะเสถี
ยรเมื่
เวลาผ่
านไป 3 ชั่
วโมง ซึ่
งจะให้
ค่
าสมรรถนะชั่
วขณะของระบบการทาความเย็
นนี้
ที่
0.05
คาขอบคุ
คณะผู้
วิ
จั
ยขอขอบคุ
ณสถาบั
นวิ
จั
ยและพั
ฒนา มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ สาหรั
บทุ
นวิ
จั
ย และขอขอบคุ
ณสาขาวิ
ชาฟิ
สิ
กส์
คณะวิ
ทยาศาสตร์
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณที่
ให้
ความสะดวกในเรื่
องสถานที่
และสนั
บสนุ
นงบประมาณบางส่
วนในการทาวิ
จั
1...,204,205,206,207,208,209,210,211,212,213 215,216,217,218,219,220,221,222,223,224,...300
Powered by FlippingBook