การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 264

263
บทนำ
สารสนเทศทางด้
านกฎหมายมี
บทบาทช่
วยส่
งเสริ
มให้
ประชาชนเกิ
ดความเข้
าใจในข้
อกฎหมายหรื
อกฎเกณฑ์
การ
อยู่
ร่
วมกั
นในสั
งคม ซึ่
งปั
จจุ
บั
นนี้
มี
สารสนเทศทางด้
านกฎหมายในรู
ปแบบของสื่
ออิ
เล็
กทรอนิ
กส์
จานวนมากขึ้
น ทาให้
ต้
องใช้
เวลาในการค้
นหาและอาจได้
รั
บข้
อมู
ลที่
ไม่
ตรงกั
บความต้
องการของผู้
ใช้
ดั
งนั้
นการพั
ฒนาระบบค้
นคื
นสารสนเทศทางด้
าน
กฎหมาย จึ
งมี
ความจาเป็
นต่
อผู้
ที่
ต้
องการศึ
กษาข้
อมู
ลทางด้
านกฎหมาย ซึ่
งช่
วยให้
ผู้
ใช้
สามารถเข้
าถึ
งข้
อมู
ลได้
อย่
างรวดเร็
และสามารถคั
ดกรองข้
อมู
ลได้
ตรงกั
บความต้
องการ
คาพิ
พากษาศาลฎี
กา เป็
นการนาหลั
กกฎหมายที่
บั
ญญั
ติ
ไว้
มาประยุ
กต์
ใช้
กั
บเหตุ
การณ์
ที่
เกิ
ดขึ้
นจริ
งในสั
งคม [1]
ซึ่
งเขี
ยนโดยผู้
พิ
พากษาที่
มี
ประสบการณ์
สู
ง ผ่
านการตรวจสอบหลายขั้
นตอน เป็
นงานเขี
ยนที่
ใช้
ถ้
อยคาที่
กระชั
บ ตรง
ประเด็
นและได้
ใจความ เหมาะสาหรั
บการนามาศึ
กษา เป็
นแนวทางและสร้
างความเข้
าใจในการนาหลั
กกฎหมายมา
ประยุ
กต์
ใช้
กั
บเหตุ
การณ์
ที่
เกิ
ดขึ้
นจริ
งในชี
วิ
ตประจาวั
นได้
อย่
างมี
เหตุ
ผล
จากการศึ
กษาระบบสื
บค้
นคาพิ
พากษา คาสั่
งคาร้
องและคาวิ
นิ
จฉั
ยศาลฎี
กา ที่
ถู
กพั
ฒนาโดยศู
นย์
เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่
อสารของศาลฎี
กา [2] พบว่
าระบบสามารถค้
นคื
นคาพิ
พากษาศาลฎี
กาได้
โดยใช้
หมายเลขมาตรา
(Section) และคาค้
น (Keyword) ซึ่
งในส่
วนของการค้
นหาโดยการป้
อนหมายเลขมาตรา (Section) นั้
น ระบบไม่
สามารถ
เปลี่
ยนหมายเลขมาตราให้
เป็
นหมายเลขมาตราอื่
นที่
มี
เนื้
อความกฎหมายที่
สอดคล้
องกั
น ในกรณี
ที่
มี
การบั
ญญั
ติ
กฎหมาย
ฉบั
บใหม่
ได้
ทาให้
เมื่
อป้
อนคาค้
นด้
วยหมายเลขมาตราใดๆ แล้
ว ระบบจะใช้
เพี
ยงหมายเลขมาตรานั้
นในการค้
นคื
นคา
พิ
พากษาศาลฎี
กา โดยผลที่
ได้
จากการค้
นคื
นจะประกอบไปด้
วยคาพิ
พากษาศาลฎี
กาที่
ถู
กตั
ดสิ
นด้
วยหมายเลขมาตรา
ดั
งกล่
าว ซึ่
งอาจได้
คาพิ
พากษาที่
มี
เนื้
อความไม่
ใช่
เรื่
องเดี
ยวกั
น เนื่
องจากในกรณี
ที่
มี
การบั
ญญั
ติ
กฎหมายฉบั
บใหม่
ทาให้
บาง
หมายเลขมาตรา ซึ่
งเป็
นหมายเลขมาตราเดี
ยวกั
น แต่
มี
เนื้
อความกฎหมายที่
ไม่
สอดคล้
องกั
นหรื
อไม่
ได้
เป็
นเรื่
องราวเดี
ยวกั
การค้
นคื
นสารสนเทศ (Information Retrieval) (ศุ
ภชั
ย ตั้
งวงศ์
ศานต์
. 2551 : 4) เป็
นกระบวนการค้
นหาข้
อมู
หรื
อสารสนเทศต่
างๆ ทั้
งที่
เป็
นข้
อความ ภาพหรื
อเสี
ยง ในยุ
คที่
เทคโนโลยี
มี
ความเจริ
ญก้
าวหน้
า มี
การพั
ฒนาระบบค้
นคื
สารสนเทศ (Information Retrieval System) อย่
างแพร่
หลาย ซึ่
งแบบจาลองที่
นามาประยุ
กต์
ใช้
ในการพั
ฒนาระบบค้
คื
นสารสนเทศ เช่
น แบบจาลองบู
ลี
น (Boolean Model) แบบจาลองเวกเตอร์
สเปซ (Vector space Model) และ
แบบจาลองความน่
าจะเป็
น (Probabilistic Model) เป็
นต้
น โดยในงานวิ
จั
ยนี้
ผู้
วิ
จั
ยได้
เลื
อกใช้
วิ
ธี
การของแบบจาลอง
เวกเตอร์
สเปซสาหรั
บค้
นคื
นคาพิ
พากษาศาลฎี
กา เนื่
องจากแบบจาลองเวกเตอร์
สเปซมี
ความยื
ดหยุ่
นต่
อผู้
ใช้
งาน มี
กระบวนการหาค่
าความคล้
ายคลึ
งระหว่
างเอกสารกั
บคาค้
น ซึ่
งสอดคล้
องกั
บแนวคิ
ดของผู้
วิ
จั
ยที่
ต้
องการหาความคล้
ายคลึ
ระหว่
างเนื้
อความกฎหมายของหมายเลขมาตราที่
สนใจกั
บเนื้
อความกฎหมายของหมายเลขมาตราอื่
นๆ ในแต่
ละปี
โดยเฉพาะอย่
างยิ่
งในปี
ที่
มี
การบั
ญญั
ติ
กฎหมายฉบั
บใหม่
ซึ่
งผลลั
พธ์
ที่
ต้
องการ คื
อ หมายเลขมาตราที่
มี
เนื้
อความกฎหมายที่
สอดคล้
องกั
นหรื
อเนื้
อความกฎหมายที่
คล้
ายคลึ
งกั
น แม้
ว่
าลาดั
บหมายเลขมาตราจะมี
การเปลี่
ยนแปลงไปก็
ตาม
ทฤษฎี
ที่
เกี่
ยวข้
อง
1. การค้
นคื
นสารสนเทศ (Information Retrieval) เป็
นศาสตร์
ของการค้
นหาข้
อมู
ลหรื
อสารสนเทศ [3] ที่
มี
ความหลากหลาย โดยระบบการค้
นคื
นสารสนเทศที่
ดี
ต้
องสามารถดึ
งเอาสารสนเทศที่
เกี่
ยวข้
องกั
บสิ่
งที่
ผู้
ใช้
ต้
องการออกมา
ได้
อย่
างรวดเร็
ว ถู
กต้
อง แม่
นยา และครบถ้
วนสมบู
รณ์
แบบจาลองที่
นามาประยุ
กต์
ใช้
ในการพั
ฒนาระบบค้
นคื
นสารสนเทศ
อย่
างแพร่
หลาย เช่
น แบบจาลองบู
ลี
น แบบจาลองเวกเตอร์
สเปซ และแบบจาลองความน่
าจะเป็
น เป็
นต้
น ซึ่
งได้
เปรี
ยบเที
ยบความแตกต่
างของแบบจาลองสารสนเทศดั
งกล่
าว [4,5] แสดงดั
งตารางที่
1
2. แบบจาลองเวกเตอร์
สเปซ (Vector Space Model) เป็
นการแทนค่
าข้
อมู
ลคาค้
น (Query) และข้
อมู
ลเอกสาร
(Document) ที่
มี
อยู่
ในฐานข้
อมู
ลทั้
งหมดให้
อยู่
ในรู
ปแบบของเวกเตอร์
ที่
เรี
ยกว่
า เวกเตอร์
ของคา (Vector of Terms) โดย
คาที่
อยู่
ในเวกเตอร์
ของคานั้
น คื
อคา (Terms) ที่
ปรากฏอยู่
ในทุ
กๆ เอกสาร และถู
กแทนค่
าด้
วยค่
าน้
าหนั
กของคา (Weight
of Term) จากนั้
นทาการหาความคล้
ายคลึ
ง (Similarity Measurement) ระหว่
างเวกเตอร์
ของเอกสารกั
บเวกเตอร์
ของ
ข้
อมู
ลคาค้
น โดยการหาค่
าสั
มประสิ
ทธิ์
โคไซน์
ของมุ
มระหว่
างเวกเตอร์
ซึ่
งจะมี
ค่
าอยู่
ระหว่
าง 0 ถึ
ง 1 ถ้
าค่
าโคไซน์
(Cosine)
มี
ค่
าใกล้
0 หมายถึ
ง เอกสารไม่
มี
ความคล้
ายคลึ
งกั
นเลย และถ้
าค่
าโคไซน์
มี
ค่
าใกล้
1 หมายถึ
ง เอกสารมี
ความคล้
ายคลึ
งกั
มาก [6]
1...,254,255,256,257,258,259,260,261,262,263 265,266,267,268,269,270,271,272,273,274,...300
Powered by FlippingBook