การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 273

272
บทนำ
โรงพยาบาลเป็
นสถานที่
สาหรั
บให้
บริ
การด้
านสุ
ขภาพที่
มี
การทางานตลอดเวลาโดยบุ
คลากรทางการแพทย์
และสาธารณสุ
ในแต่
ละสาขาวิ
ชาชี
พ จึ
งจาเป็
นต้
องมี
การหมุ
นเวี
ยนการทางาน เพื่
อให้
สามารถดาเนิ
นการให้
บริ
การอย่
างต่
อเนื่
องและมี
ประสิ
ทธิ
ภาพ
ทั้
งนี้
พยาบาลวิ
ชาชี
พเป็
นบุ
คลากรทางการแพทย์
ในระบบบริ
การสุ
ขภาพที่
มี
จานวนมากที่
สุ
ดถึ
งร้
อยละ 70 - 80 ของบุ
คลากรทางด้
าน
สุ
ขภาพทั้
งหมด พยาบาลวิ
ชาชี
พมี
บทบาทหน้
าที่
ต้
องรั
บผิ
ดชอบในด้
านการพยาบาลแก่
ผู้
รั
บบริ
การเพื่
อให้
ตอบสนองต่
อปั
ญหาและ
ความต้
องการของประชาชน [1] ลั
กษณะการทางานของพยาบาลเป็
นงานที่
ต้
องให้
การช่
วยเหลื
อผู
ป่
วยตลอดเวลา 24 ชั่
วโมง ในการ
บริ
หารจั
ดการนิ
ยมจั
ดช่
วงเวลาการผลั
ดเปลี่
ยนกั
นทางานออกเป็
น 3 ช่
วงเวลา คื
อ ช่
วงเช้
า บ่
ายและดึ
ก โดยแต่
ละช่
วงเวลามี
การจั
บุ
คลากรในปริ
มาณที่
แตกต่
างกั
นตามปริ
มาณงาน ในบางครั้
งการจั
ดกาลั
งคนขึ้
นปฏิ
บั
ติ
งานอาจไม่
สอดคล้
องกั
บปริ
มาณงานที่
ต้
องทาใน
ช่
วงเวลานั้
นๆ เพราะไม่
สามารถคาดการณ์
ลั
กษณะอาการและความต้
องการการเปลี่
ยนแปลงของผู้
ป่
วยแต่
ละคนได้
ในสถานการณ์
ที่
มี
การรั
บผู้
ป่
วยจานวนมากหรื
อผู้
ป่
วยที่
มี
การเปลี่
ยนแปลงและต้
องการการดู
แลช่
วยเหลื
ออย่
างรี
บด่
วน ทาให้
พยาบาลต้
องปฏิ
บั
ติ
งาน
อย่
างเร่
งรี
บในขณะเข้
าเวร ด้
วยเหตุ
นี้
ภาระงานและลั
กษณะของพยาบาลจะมี
ความแตกต่
างกั
นไปในช่
วงเวลา ประกอบกั
บอาชี
พยาบาลถื
อว่
าเป็
นอาชี
พที่
มี
ความเครี
ยดและความล้
าอยู่
ในระดั
บสู
ง [2] งานอุ
บั
ติ
เหตุ
และฉุ
กเฉิ
นเป็
นบริ
การด่
านแรกที่
สาคั
ญของการ
ให้
บริ
การรั
กษาพยาบาลผู้
บาดเจ็
บและป่
วยฉุ
กเฉิ
นต้
องการการบริ
การที่
รวดเร็
วและถู
กต้
อง การพยาบาลในงานอุ
บั
ติ
เหตุ
และฉุ
กเฉิ
เป็
นการให้
การพยาบาลผู้
รั
บบริ
การที่
อยู่
ในภาวะฉุ
กเฉิ
นและวิ
กฤต พยาบาลที่
ปฏิ
บั
ติ
งานในแผนกฉุ
กเฉิ
นจึ
งต้
องเป็
นผู้
ที่
มี
ความรู้
ความสามารถในการประยุ
กต์
ใช้
ความรู้
ได้
อย่
างแม่
นยาพร้
อมให้
การดู
แลผู้
รั
บบริ
การ ณ จุ
ดเกิ
ดเหตุ
และในหน่
วยงานอุ
บั
ติ
เหตุ
[3] และ
จากลั
กษณะงานในหอผู้
ป่
วยวิ
กฤตศั
ลยกรรมที่
ต้
องปฏิ
บั
ติ
งานอย่
างรี
บเร่
งระมั
ดระวั
งและรอบคอบ แม้
มี
การวางแผนการดู
แลไว้
ล่
วงหน้
า แต่
สภาวะของผู้
ป่
วยที่
เปลี่
ยนแปลงได้
ตลอดเวลา พยาบาลที่
ปฏิ
บั
ติ
งานต้
องตั
ดสิ
นใจแก้
ปั
ญหา เผชิ
ญหน้
ากั
บผู้
ป่
วยและ
ครอบครั
วที่
กาลั
งมี
ความวิ
ตกกั
งวลโศกเศร้
าสิ้
นหวั
ง ทาให้
บุ
คลากรพยาบาลเกิ
ดความตึ
งเครี
ยด จึ
งมี
ความสั
มพั
นธ์
กั
บความเหนื่
อย
หน่
ายด้
านความอ่
อนล้
าทางอารมณ์
มากที่
สุ
ด [4] ทั้
งนี้
การปฏิ
บั
ติ
งานของพยาบาลวิ
ชาชี
พในช่
วงเวลาเช้
า บ่
ายและดึ
ก หมุ
นเวี
ยน
ต่
อเนื่
องกั
น ล้
วนมี
ผลกระทบต่
อวงจรการหลั
บนอนของคนตามธรรมชาติ
ซึ่
งจะเคยชิ
นต่
อการนอนในเวลากลางคื
นและปฏิ
บั
ติ
ภารกิ
จใน
เวลากลางวั
น การฝื
นธรรมชาติ
ทาให้
เกิ
ดการแปรปรวนของวงจรชี
วภาพ [5] แสดงถึ
งความแตกต่
างระหว่
างบุ
คคลทางด้
าน circadian
type เป็
นความถนั
ดในการใช้
ชี
วิ
ตในช่
วงเวลาที่
แตกต่
างกั
นของบุ
คคลในรอบ 1 วั
น โดยถนั
ดทากิ
จกรรมต่
างๆ ในเวลาที่
แตกต่
างกั
น ซึ่
เป็
นลั
กษณะที่
มี
ความต่
อเนื่
องไม่
สามารถแยกออกจากกั
นได้
ชั
ดเจน พยาบาลส่
วนใหญ่
ปฏิ
บั
ติ
งานเป็
นลั
กษณะการทางานระบบผลั
หมุ
นเวี
ยน มี
ผลให้
ระบบชี
วภาพของร่
างกายเปลี่
ยนแปลงไป และทาให้
เกิ
ดการเปลี่
ยนแปลงด้
านสุ
ขภาพและการทาหน้
าที่
ด้
านจิ
ตใจ
และจิ
ตวิ
ญญาณ ด้
านสั
งคมและเศรษฐกิ
จ ด้
านครอบครั
ว อั
นเป็
นองค์
ประกอบสาคั
ญของคุ
ณภาพชี
วิ
ตของพยาบาลสตรี
[6] โดยพบว่
ผู้
ที่
ทางานในกะดึ
กจะมี
ความอ่
อนล้
ามากกว่
ากะอื่
นๆ เพราะร่
างกายต้
องมี
การปรั
บวงจรการหลั
บตื่
นร่
วมกั
บการอดนอน ทาให้
เกิ
อาการเพลี
ย ง่
วงและงี
บหลั
บขณะปฏิ
บั
ติ
งาน ส่
งผลให้
เกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
และประสิ
ทธิ
ภาพในการทางานลดลงอี
กด้
วย [7] ซึ่
งก่
อให้
เกิ
ผลกระทบต่
อสุ
ขภาพอนามั
ยและความปลอดภั
ยของผู้
ปฏิ
บั
ติ
งาน เพิ่
มโอกาสเสี่
ยงต่
อการเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
หรื
อโรคจากการทางานได้
การศึ
กษาในกลุ่
มพยาบาลวิ
ชาชี
พจึ
งเป็
นประโยชน์
ต่
อกลุ่
มบุ
คลากรทางการแพทย์
ที่
มี
จานวนมากในโรงพยาบาลและมี
ความสาคั
ญต่
อการขั
บเคลื่
อนบริ
การด้
านสุ
ขภาพของประชาชน ทั้
งนี้
โรงพยาบาลพั
ทลุ
งจั
ดเป็
นโรงพยาบาลทั่
วไป ขนาด 440 เตี
ยง [8]
โดยข้
อมู
ลข่
าวสาร กลุ่
มงานพั
ฒนายุ
ทธศาสตร์
สาธารณสุ
ข สานั
กงานสาธารณสุ
ขจั
งหวั
ดพั
ทลุ
งรายงานว่
าจั
งหวั
ดพั
ทลุ
งมี
พยาบาล
วิ
ชาชี
พจานวน 371 คน อั
ตราส่
วนต่
อประชากรในจั
งหวั
ดพั
ทลุ
ง 1:547 อั
ตราส่
วนต่
อประชากรระดั
บประเทศ 1:624 [9] ซึ่
งถื
อได้
ว่
พยาบาลวิ
ชาชี
พยั
งคงต้
องให้
การดู
แลผู้
ป่
วยในอั
ตราที่
สู
ง โดยมี
หลั
กฐานว่
าการทางานระบบกะจะส่
งผลกระทบต่
อสุ
ขภาพของผู้
ที่
ทางาน
ดั
งกล่
าว ซึ่
งหากผู้
ที่
ทางานมี
ความล้
าสู
งอาจนาไปสู่
การเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
ในการทางานได้
มากกว่
าปกติ
และการปฏิ
บั
ติ
งานไม่
ดี
เท่
าที่
ควร [10,
11] ดั
งนั้
น เพื่
อให้
พยาบาลวิ
ชาชี
พทราบถึ
งปั
จจั
ยที่
เกี่
ยวข้
องกั
บความล้
า การทางานระบบกะ และชนิ
ดความแตกต่
างระหว่
างบุ
คคล โดย
สามารถหาแนวทางจั
ดการกั
บปั
จจั
ยที่
มี
ความเกี่
ยวข้
องกั
บความล้
า รวมทั้
งเป็
นข้
อมู
ลพื้
นฐานในการป้
องกั
นลดปั
จจั
ยที่
เกี่
ยวข้
องกั
ความล้
า เพื่
อให้
พยาบาลวิ
ชาชี
พมี
ภาวะสุ
ขภาพที่
ดี
สามารถให้
การพยาบาลที่
มี
คุ
ณภาพแก่
ประชาชนผู้
รั
บบริ
การ นอกจากนี้
ยั
งเป็
ข้
อมู
ลพื้
นฐานในการกาหนดมาตรการดู
แลส่
งเสริ
มสุ
ขภาพให้
เหมาะสมตามปั
จจั
ยเสี่
ยงและเพื่
อการวิ
จั
ยเกี่
ยวกั
บสภาวะทางสุ
ขภาพ
วิ
ธี
กำรวิ
จั
การศึ
กษาวิ
จั
ยครั้
งนี้
เป็
นการวิ
จั
ยแบบระยะยาว (Longitudinal study) เพื่
อศึ
กษาความแตกต่
างระหว่
างบุ
คคล
(morning-type and evening-type individuals) ทางด้
าน circadian type และการทางานระบบงานผลั
ดเวร ที่
มี
ผลต่
ระดั
บความล้
าในพยาบาลวิ
ชาชี
พเวรผลั
โรงพยาบาลพั
ทลุ
ประชากร พยาบาลวิ
ชาชี
พที่
มี
การทางานระบบผลั
ดเวร ปฏิ
บั
ติ
งานประจาอยู่
ในฝ่
ายการพยาบาล โรงพยาบาล
พั
ทลุ
ง มี
ช่
วงเวลาในการทางาน คื
อ เช้
า (08.00 – 16.00 น.) บ่
าย (16.00 – 24.00 น.) และดึ
ก (24.00 – 08.00 น.)
1...,263,264,265,266,267,268,269,270,271,272 274,275,276,277,278,279,280,281,282,283,...300
Powered by FlippingBook