full2012.pdf - page 1598

5
เหตุ
ผลอี
กประการหนึ่
งคื
อการจั
ดกิ
จกรรมตามขั้
นตอนของแนวทฤษฎี
คอนสตรั
คติ
วิ
สต
ที่
ประกอบด
วย 5
ขั้
นตอนที่
สอดรั
บกั
บการเรี
ยนการสอนผ
านสื่
อเครื
อข
ายสั
งคมออนไลน
ขั้
นตอนดั
งกล
าวประกอบไปด
วยขั้
นนํ
าที่
ผู
สอน
สร
างแรงจู
งใจให
เกิ
ดแก
ผู
เรี
ยนโดยใช
กิ
จกรรม สถานการณ
และคํ
าถามต
าง ๆ เพื่
อกระตุ
นผู
เรี
ยน ขั้
นทบทว น
ประสบการณ
เดิ
มที่
ให
ผู
เรี
ยนแสดงความรู
ความเข
าใจเดิ
มเกี่
ยวกั
บเรื่
องที่
จะเรี
ยน โดยการเขี
ยนอภิ
ปรายร
วมกั
นใน
ประเด็
นต
าง ๆ ซึ่
งขั้
นตอนนี้
จะเป
นการกระตุ
นให
เกิ
ดความแตกต
างทางป
ญญา ขั้
นปรั
บเปลี่
ยนแนวความคิ
ดที่
ให
ผู
เรี
ยน
สร
างความกระจ
างโดยการแลกเปลี่
ยนความคิ
ดระหว
างเพื่
อนร
วมชั้
นและผู
สอน เป
นกิ
จกรรมเพื่
อเก็
บรวบรวมข
อมู
วิ
เคราะห
นํ
าเสนอ อภิ
ปรายและพิ
จารณาความแตกต
างระหว
างความคิ
ดของตนเองกั
บผู
อื่
นโดยใช
คํ
าถามเป
นแนวทางใน
การอภิ
ปราย ต
อมาเป
นขั้
นสร
างความคิ
ดใหม
ซึ่
งเป
นขั้
นที่
ให
ผู
เรี
ยนสรุ
ปความรู
ที่
ได
จากการทํ
ากิ
จกรรมแล
วกํ
าหนด
ความรู
ความคิ
ดใหม
ขั้
นประเมิ
นความคิ
ดใหม
เป
นขั้
นที่
ให
ผู
เรี
ยนเลื
อกแนวทางหรื
อคํ
าตอบที่
เป
นไปได
ที
สุ
ดในการ
กํ
าหนดความคิ
ด เลื
อกสรรข
อความรู
ที่
มี
ความเหมาะสมมากที่
สุ
ด ขั้
นนํ
าความรู
ไปใช
เป
นขั้
นที่
ให
ผู
เรี
ยนนํ
าความคิ
ดหรื
ความรู
ใหม
ที่
ได
ไปใช
ในบริ
บทใหม
หรื
อสถานการณ
ใหม
และสุ
ดท
ายคื
อขั้
นทบทวนเป
นขั้
นที่
ให
ผู
เรี
ยนเปรี
ยบเที
ยบ
ความคิ
ดความเข
าใจเดิ
มที่
มี
อยู
ในตอนเริ่
มต
นบทเรี
ยนกั
บหลั
งสิ้
นสุ
ดบทเรี
ยน (Driver and Oldham. 1986 Cited in
Matthews. 1994 : 143 - 144)
ขั้
นตอนต
าง ๆ ดั
งกล
าวข
างต
นจะทํ
าให
ผู
เรี
ยนได
ใช
การปฏิ
สั
มพั
นธ
ทางสั
งคมเพื่
อสร
างองค
ความรู
และทํ
กิ
จกรรมร
วมกั
นเพื่
อแลกเปลี่
ยนความรู
ความคิ
ดและประสบการณ
โดยมี
สถานการณ
ป
ญหาเป
นสิ่
งกระตุ
นให
เกิ
ดความ
พยายามในการปรั
บความสมดุ
ลทางป
ญญาอั
นจะนํ
าไปสู
การเรี
ยนรู
ที่
เกิ
ดขึ้
นโดยตั
วผู
เรี
ยนเอง ดั
งแนวคิ
ดที่
ว
าการสร
าง
ความรู
เป
นกระบวนการในการ “action on” ไม
ใช
“ taking on” ผู
เรี
ยนต
องจั
ดกระทํ
ากั
บข
อมู
ลไม
ใช
เพี
ยงรั
บข
อมู
ลเข
ามา
(Fosnot. 1992 : 171) เพราะสิ่
งสํ
าคั
ญในการเรี
ยนรู
คื
อกระบวนการและวิ
ธี
การของบุ
คคลในการสร
างความรู
ความเข
าใจ
จากการมี
ประสบการณ
รวมทั
งการปรั
บโครงสร
างทางป
ญญาและความเชื่
อที่
ใช
ในการแปลความหมายด
วย (Jonassen.
1992 : 138 - 139) การที่
ผู
เรี
ยนสามารถสร
างองค
ความรู
ด
วยตนเองได
ตามแนวทฤษฏี
คอนสตรั
คติ
วิ
สต
เพราะตาม
หลั
กการจั
ดสิ่
งแวดล
อมการเรี
ยนรู
ตามแนวคอนสตรั
คติ
วิ
สต
(Constructivist Learning Environments) มี
องค
ประกอบที่
เป
นป
จจั
ยสํ
าคั
ญต
อการเรี
ยนรู
คื
อทํ
าให
การเรี
ยนรู
มี
ความตื่
นตั
วและเน
นสภาพจริ
ง (Authentic) เน
นกระบวนการคิ
ดขั้
นสู
(Higher Order Thinking) มี
การใช
ป
ญหาเป
นฐาน (Problem Based) ให
ผู
เรี
ยนพยายามค
นคว
าและแสวงหาคํ
าตอบโดย
ค
นหาจากแหล
งการเรี
ยนรู
จากการสอบถามผู
เชี่
ยวชาญ (Data Bank) จากการอภิ
ปรายในกลุ
ม จากการอภิ
ปรายระหว
าง
กลุ
มและจากการร
วมมื
อกั
นแก
ป
ญหา (Collaboration) ซึ่
งจะทํ
าให
เกิ
ดการขยายแนวคิ
ดและมุ
มมองที่
หลากหลาย
นอกจากนั้
นการจั
ดการเรี
ยนรู
ตามแนวทฤษฎี
คอนสตรั
คติ
วิ
สต
ส
งผลดี
ต
อผู
เรี
ยนเพราะผู
สอนต
องจั
ดให
มี
องค
ประกอบ
สํ
าคั
ญอื่
น ๆ เช
นมี
การจั
ดแหล
งการเรี
ยนรู
(Resource) ที่
รวบรวมข
อมู
ล เนื้
อหาสารสนเทศ หรื
อทรั
พยากรที่
จํ
าเป
นสํ
าหรั
การแก
ป
ญหาและขยายแนวคิ
ดด
วยตั
วผู
เรี
ยนเอง มี
ฐานความช
วยเหลื
อ (Scaffolding) ที่
จั
ดไว
สํ
าหรั
บผู
เรี
ยนที่
ต
องการ
ได
รั
บคํ
าแนะนํ
าหรื
อแนวทางการแก
ป
ญหา ช
วยให
ผู
เรี
ยนที่
อยู
ต่ํ
ากว
า Zone of Proximal Development ที่
จํ
าเป
นต
องได
รั
การช
วยเหลื
อ ในที่
นี้
ผู
สอนจะเป
นผู
ทํ
าหน
าที่
นี้
และประการสุ
ดท
ายคื
อมี
การโค
ช (Coaching) ซึ่
งผู
สอนจะเปลี่
ยนบทบาท
หน
าที่
ในการถ
ายทอดความรู
หรื
อบอกความรู
มาเป
นผู
ให
ความช
วยเหลื
อ ให
คํ
าแนะนํ
า ให
ความรู
แก
ผู
เรี
ยนโดยการฝ
กให
รู
จั
กคิ
ดและสร
างป
ญญาโดยบทบาทของผู
สอนจะอยู
ภายใต
เงื่
อนไขที่
สํ
าคั
ญคื
อ เรี
ยนรู
ผู
อยู
ในความดู
แล มี
การสั
งเกตอาจ
ด
วยการฟ
ง การไต
ถามอย
างเอาใจใส
การถามเพื่
อกระตุ
นความคิ
ดของนั
กเรี
ยน จั
ดสิ่
งแวดล
อมทางการเรี
ยนรู
ที่
ก
อให
เกิ
ความแตกต
างป
ญญา ยอมรั
บในสติ
ป
ญญานั
กเรี
ยน ช
วยแก
ไข ปรั
บปรุ
ง ช
วยผู
เรี
ยนในการตั
ดสิ
นประเมิ
นความถู
กต
อง
ของความรู
นั้
น ๆ (สุ
มาลี
ชั
ยเจริ
ญ. 2545)
1598
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555
1...,1588,1589,1590,1591,1592,1593,1594,1595,1596,1597 1599,1600,1601,1602,1603,1604,1605,1606,1607,1608,...1917
Powered by FlippingBook