จากนั
้
นนํ
าหลั
กการข้
างต้
นมาสร้
างกฎและฐานความรู
้
เพื่
อให้
ตั
วแทนอั
จฉริ
ยะสามารถปรั
บตั
วตาม
สภาพแวดล้
อมที่
ไม่
สามารถคาดหมายได้
เพื่
อออกแบบฐานความรู
้
สํ
าหรั
บผู
้
ใช้
และฐานความรู
้
สํ
าหรั
บตั
วแทน
อั
จฉริ
ยะ เพื่
อออกแบบส่
วนติ
ดต่
อกั
บผู
้
ใช้
เพื่
อพั
ฒนานวั
ตกรรม ที่
สอนคุ
ณธรรม จริ
ยธรรมได้
โดยการสร้
าง
โปรแกรมต้
นแบบตามขอบเขตที่
ได้
วิ
เคราะห์
ไว้
ดํ
าเนิ
นการพั
ฒนานวั
ตกรรมตามที่
ออกแบบไว้
ทั
้
งนี
้
ตั
วแทนอั
จฉริ
ยะ
จะให้
คํ
าแนะนํ
าคุ
ณธรรมในการใช้
จ่
ายให้
กั
บผู
้
ใช้
ในแต่
ละครั
้
งที่
เข้
ามาในระบบ และระบบจะแนะนํ
าคุ
ณธรรม
จริ
ยธรรมอื่
น ๆ เพิ่
มเติ
ม โดยขึ
้
นกั
บสถานการณ์
การใช้
จ่
ายของผู
้
ใช้
หากผู
้
ใช้
ต้
องการร้
องขอคํ
าแนะนํ
าเพิ่
มเติ
ม จะมี
ระดั
บการให้
คํ
าแนะนํ
าในแต่
ละกรณี
ของสถานการณ์
การเรี
ยนรู
้
ที่
แตกต่
างกั
น เพื่
อเป็
นการกระตุ
้
นการเรี
ยนรู
้
เรื่
อง
คุ
ณธรรม จริ
ยธรรมที่
ขึ
้
นกั
บสถานการณ์
หลั
งจากพั
ฒนานวั
ตกรรมตามขอบเขตที่
ได้
กํ
าหนดไว้
แล้
ว ในการประเมิ
นระบบ ผู
้
วิ
จั
ยเลื
อกประเมิ
นระบบ
โดยใช้
หลั
กการของ ‘discount usability’ (Nielsen, 1993) การประเมิ
นการใช้
งานระบบด้
วยวิ
ธี
นี
้
จั
ดเป็
นการประเมิ
น
แบบฮิ
วริ
สติ
กที่
มี
ประสิ
ทธิ
ภาพมากต่
อการทดสอบการใช้
งานระบบ โดยมี
กลุ
่
มผู
้
ใช้
จํ
านวนน้
อยตั
้
งแต่
สามคนขึ
้
นไป
เป็
นผู
้
ทดสอบระบบ เพื่
อประเมิ
นประสิ
ทธิ
ภาพของระบบในเบื
้
องต้
น ดั
งนั
้
นในงานวิ
จั
ยนี
้
ผู
้
วิ
จั
ยประเมิ
นประสิ
ทธิ
ภาพ
ระบบ 2 ครั
้
ง ครั
้
งแรก (เดื
อนเพ็
ญและคณะ, 2553) ประเมิ
นกั
บผู
้
เชี่
ยวชาญทางด้
านการพั
ฒนาระบบจํ
านวน 3 คนและ
ผู
้
เชี่
ยวชาญในการจั
ดการรายรั
บรายจ่
ายจํ
านวน 3 คน (ประเมิ
น 3 ด้
านคื
อ ด้
านความสามารถให้
ทํ
างานตรงตามความ
ต้
องการของผู
้
ใช้
ด้
านการใช้
งานระบบ และด้
านความปลอดภั
ยระบบ) ซึ
่
งปรั
บปรุ
งจากแบบสอบถามจากภรั
ณยา
(2549) และครั
้
งที่
สอง หลั
งจากปรั
บปรุ
งระบบตามคํ
าแนะนํ
าของผู
้
เชี่
ยวชาญในครั
้
งแรก ผู
้
วิ
จั
ยนํ
าระบบมาทดสอบ
กั
บกลุ
่
มผู
้
เชี่
ยวชาญในการสอนคุ
ณธรรม จํ
านวน 3 คน และผู
้
ใช้
จํ
านวน 8 คน (ประเมิ
น 5 ด้
านคื
อ ด้
านความสามารถ
ให้
ทํ
างานตรงตามความต้
องการของผู
้
ใช้
ด้
านการทํ
างานของระบบ ด้
านการใช้
งานระบบ ด้
านความปลอดภั
ยระบบ
และด้
านสมรรถนะของระบบ) ซึ
่
งปรั
บปรุ
งจากแบบสอบถามจากเดื
อนเพ็
ญและคณะ (2553) โดยกํ
าหนดระดั
บของ
การประเมิ
นคุ
ณภาพ 5 ระดั
บ ได้
แก่
ระดั
บดี
มาก (5 คะแนน) ระดั
บดี
(4 คะแนน) ระดั
บปานกลาง (3 คะแนน)
ระดั
บพอใช้
(2 คะแนน) ระดั
บควรปรั
บปรุ
ง (1 คะแนน) โดยพิ
จารณาจากค่
าเฉลี่
ยของคํ
าถามในแต่
ละข้
อ ซึ
่
งมี
รายละเอี
ยดคะแนนดั
งนี
้
1.00 – 1.49 หมายถึ
ง คุ
ณภาพควรปรั
บปรุ
งอย่
างยิ่
ง 1.50 – 2.49 หมายถึ
ง คุ
ณภาพควร
ปรั
บปรุ
ง 2.50 – 3.49 หมายถึ
ง คุ
ณภาพอยู
่
ในระดั
บปานกลาง 3.50 – 4.49 หมายถึ
ง คุ
ณภาพอยู
่
ในระดั
บดี
4.50 –
5.00 หมายถึ
ง คุ
ณภาพอยู
่
ในระดั
บดี
มาก ผลที่
ได้
จากการประเมิ
นจะใช้
หลั
กสถิ
ติ
โดยการคํ
านวณหาค่
าเฉลี่
ยของผล
การทดสอบประสิ
ทธิ
ภาพของระบบที่
พั
ฒนาขึ
้
นว่
าอยู
่
ในระดั
บใด นั่
นคื
อ วิ
ธี
การหาค่
าเฉลี่
ยเลขคณิ
ตเพื่
อวั
ดแนวโน้
ม
การเข้
าสู
่
ส่
วนกลางที่
มี
การนิ
ยมใช้
กั
นมากที่
สุ
ด ซึ
่
งคํ
านวณจากผลรวมคะแนนของข้
อมู
ลแต่
ละชุ
ดหารด้
วยจํ
านวนชุ
ด
และค่
าเบี่
ยงเบนมาตรฐาน
ª·
Á¦µ³®r
¨³°°Â¦³
ผู
้
วิ
จั
ยได้
วิ
เคราะห์
และออกแบบระบบโดยใช้
Use Case Diagram (ภาพที่
1) ซึ
่
งประกอบด้
วย ผู
้
ใช้
ระบบ 3
ประเภท คื
อ ผู
้
ดู
แลระบบ ผู
้
ใช้
ทั่
วไป และสมาชิ
กของระบบ
417
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555