เอกสารการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัย ครั้งที่ 21 / 2554 (Oral) - page 974

บทนํ
การเห็
นคุ
ณค
าในตนเองหรื
อ Self esteem
คื
อการตระหนั
กรู
อย
างชั
ดเจนว
าตนสามารถทํ
าได
สํ
าเร็
จและเป
นที่
ยอมรั
(ก
องเกี
ยรติ
ประวี
ณวรกุ
.
2552)
เป
นสิ่
งสํ
าคั
ญเป
นพลั
งที่
ทํ
าให
สามารถฟ
นฝ
าอุ
ปสรรคในการดํ
ารงชี
วิ
ตได
(ทั
กษิ
ณา เครื
อหงษ
, 2551) แต
การเห็
นคุ
ณค
าในตนเองนี้
ต
องได
รั
บการฝ
กและพั
ฒนามาตั้
งแต
วั
ยเด็
กโดยการสะสม
ความรู
สึ
กว
าตนเป
นที่
รั
กของผู
อื่
น หรื
อตนมี
คุ
ณค
าพอที่
จะถู
กรั
ก และสะสมความสํ
าเร็
จเล็
กๆ น
อยๆ มาโดยสม่ํ
าเสมอ
จนถึ
งวั
ยรุ
นความรู
สึ
กนั้
นจะกลายเป
นความมั่
นใจที่
ส
งผลให
ประสบความสํ
าเร็
จและเป
นที่
ยอมรั
บจากผู
อื่
น ซึ่
งหากได
รั
การปฏิ
บั
ติ
ตอบจากบุ
คคลที่
มี
ความสํ
าคั
ญในชี
วิ
ตและเห็
นคุ
ณค
าแห
งตนแล
ว จะส
งผลให
สามารถเผชิ
ญกั
บป
ญหาที่
ยุ
งยาก
อุ
ปสรรคในชี
วิ
ต สามารถยอมรั
บและปรั
บตั
วให
เข
ากั
บความเป
นจริ
งที่
เกิ
ดขึ้
นได
(เฉลิ
มพล สวั
สดิ์
พงษ
. 2551
;
อ
างอิ
จาก จงกลนี
ตุ
ยเจริ
ญ. 2540) การเห็
นคุ
ณค
าในตนเองจึ
งมี
ความสํ
าคั
ญต
อคนทุ
กวั
(ตั้
งแต
วั
ยทารกถึ
งวั
ยชรา) ทุ
กอาชี
(ทหาร พยาบาล คนไข
คนรั
บใช
)
รวมทั้
งผู
เรี
ยนหรื
อนั
กศึ
กษาซึ่
งจั
ดเป
นวั
ยรุ
นที่
อยู
ในวั
ยเรี
ยนและเป
นกํ
าลั
งสํ
าคั
ญของ
ชาติ
ต
อไป
การเสริ
มสร
างการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองให
เกิ
ดกั
บผู
เรี
ยนไปพร
อมการเรี
ยนรู
มี
แนวทางการพั
ฒนาการเห็
นคุ
ณค
ในตนเองที่
มี
ขั้
นตอนหลั
ก 3 ขั้
นตอน (เฉลิ
มพล สวั
สดิ์
พงษ
. 2551 : 4-6 อ
างอิ
งจาก Lawrence. 2000 : 95) คื
ขั้
นตอนแรก
:
เป
นการพั
ฒนาคุ
ณภาพเฉพาะบุ
คคล การศึ
กษาผู
เรี
ยนเป
นรายบุ
คคลในด
านต
าง ๆ เพื่
อให
ผู
เรี
ยน
ได
ทราบถึ
งพื้
นฐานของตนเองและได
พั
ฒนาตนเอง
ขั้
นตอนที่
2
:
เป
นการเน
นให
ผู
เรี
ยนมี
การเปลี่
ยนแปลง
โดยอาศั
ยทั
กษะต
าง ๆ ที่
เรี
ยนรู
มาเพื่
อเผชิ
ญกั
บสภาพ
ป
ญหาต
างๆ มี
การทํ
างานเป
นกลุ
มเพื่
อให
ผู
เรี
ยนได
เรี
ยนรู
การดํ
ารงชี
วิ
ตในสั
งคม
ขั้
นสุ
ดท
าย
:
เป
นการสร
างความเข
มแข็
งและคุ
ณค
าให
ตนเอง การใช
เป
นรู
ปแบบในการจั
ดกิ
จกรรมการเรี
ยน
การสอนเพื่
อส
งเสริ
มการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองของผู
เรี
ยน เพื่
อให
ผู
เรี
ยนมี
การเห็
นคุ
ณค
าในตนเองระดั
บที่
สู
งขึ้
น และส
งผล
ดี
ต
อผลสั
มฤทธิ์
ทางการเรี
ยนของผู
เรี
ยนต
อไป
ด
วยเหตุ
ดั
งกล
าวข
างต
น ผู
วิ
จั
ยจึ
งมี
ความสนใจศึ
กษาการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองของนั
กศึ
กษา ปวส.ช
าง
อิ
เล็
กทรอนิ
กส
คณะครุ
ศาสตร
อุ
ตสาหกรรม มหาวิ
ทยาลั
ยเทคโนโลยี
ราชมงคลสุ
วรรณภู
มิ
ศู
นย
นนทบุ
รี
เพื่
อนํ
าข
อมู
ลที่
ได
ไป
เป
นพื้
นฐานในการพั
ฒนาการเรี
ยนการสอนและเสริ
มสร
างการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองของผู
เรี
ยนในโอกาสต
อไป
วิ
ธี
การวิ
จั
การศึ
กษาเรื่
องการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองของนั
กศึ
กษา ปวส. ช
างอิ
เล็
กทรอนิ
กส
คณะครุ
ศาสตร
อุ
ตสาหกรรม
มหาวิ
ทยาลั
ยเทคโนโลยี
ราชมงคลสุ
วรรณภู
มิ
ศู
นย
นนทบุ
รี
ป
การศึ
กษา 2553 ดํ
าเนิ
นการดั
งนี้
1) ประชากรและกลุ
มตั
วอย
าง
ประชากร คื
อ นั
กศึ
กษาของมหาวิ
ทยาลั
ยเทคโนโลยี
ราชมงคลสุ
วรรณภู
มิ
ศู
นย
นนทบุ
รี
ป
การศึ
กษา 2553
กลุ
มตั
วอย
าง คื
อ นั
กศึ
กษา ปวส. ช
างอิ
เล็
กทรอนิ
กส
คณะครุ
ศาสตร
อุ
ตสาหกรรม จํ
านวน
40
คน เครื่
องมื
อที่
ใช
คื
อ แบบ
วั
ดคุ
ณค
าในตนเองของโป
ป (เฉลิ
มพล สวั
สดิ์
พงษ
. 2551 ;
อ
างอิ
งจาก
Pope. 1980) แบบวั
ดคุ
ณค
าในตนเองแบ
งการ
ประเมิ
นการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองออกเป
น 5 ด
าน
คื
อ ด
านสั
งคม ด
านการศึ
กษา
ด
านครอบครั
ว ด
านภาพลั
กษณ
(Body
image) และด
านมุ
มมองรวม มาใช
เป
นแนวทางในการประเมิ
น โดยเครื่
องมื
อได
ค
าความเชื่
อมั่
นเท
ากั
บ 0.74
3) การเก็
บรวบรวมข
อมู
ล เก็
บรวบรวมข
อมู
ลในสั
ปดาห
แรก ของภาคเรี
ยนที่
2 ป
การศึ
กษา 2553
4) การวิ
เคราะห
ข
อมู
ล สถิ
ติ
ที่
ใช
คื
อ ค
าเฉลี่
ย และส
วนเบี่
ยงเบนมาตรฐาน
1...,964,965,966,967,968,969,970,971,972,973 975,976,977,978,979,980,981,982,983,984,...1102
Powered by FlippingBook