บทนํ
า
การเห็
นคุ
ณค
าในตนเองหรื
อ Self esteem
คื
อการตระหนั
กรู
อย
างชั
ดเจนว
าตนสามารถทํ
าได
สํ
าเร็
จและเป
นที่
ยอมรั
บ
(ก
องเกี
ยรติ
ประวี
ณวรกุ
ล
.
2552)
เป
นสิ่
งสํ
าคั
ญเป
นพลั
งที่
ทํ
าให
สามารถฟ
นฝ
าอุ
ปสรรคในการดํ
ารงชี
วิ
ตได
(ทั
กษิ
ณา เครื
อหงษ
, 2551) แต
การเห็
นคุ
ณค
าในตนเองนี้
ต
องได
รั
บการฝ
กและพั
ฒนามาตั้
งแต
วั
ยเด็
กโดยการสะสม
ความรู
สึ
กว
าตนเป
นที่
รั
กของผู
อื่
น หรื
อตนมี
คุ
ณค
าพอที่
จะถู
กรั
ก และสะสมความสํ
าเร็
จเล็
กๆ น
อยๆ มาโดยสม่ํ
าเสมอ
จนถึ
งวั
ยรุ
นความรู
สึ
กนั้
นจะกลายเป
นความมั่
นใจที่
ส
งผลให
ประสบความสํ
าเร็
จและเป
นที่
ยอมรั
บจากผู
อื่
น ซึ่
งหากได
รั
บ
การปฏิ
บั
ติ
ตอบจากบุ
คคลที่
มี
ความสํ
าคั
ญในชี
วิ
ตและเห็
นคุ
ณค
าแห
งตนแล
ว จะส
งผลให
สามารถเผชิ
ญกั
บป
ญหาที่
ยุ
งยาก
อุ
ปสรรคในชี
วิ
ต สามารถยอมรั
บและปรั
บตั
วให
เข
ากั
บความเป
นจริ
งที่
เกิ
ดขึ้
นได
(เฉลิ
มพล สวั
สดิ์
พงษ
. 2551
;
อ
างอิ
ง
จาก จงกลนี
ตุ
ยเจริ
ญ. 2540) การเห็
นคุ
ณค
าในตนเองจึ
งมี
ความสํ
าคั
ญต
อคนทุ
กวั
ย
(ตั้
งแต
วั
ยทารกถึ
งวั
ยชรา) ทุ
กอาชี
พ
(ทหาร พยาบาล คนไข
คนรั
บใช
)
รวมทั้
งผู
เรี
ยนหรื
อนั
กศึ
กษาซึ่
งจั
ดเป
นวั
ยรุ
นที่
อยู
ในวั
ยเรี
ยนและเป
นกํ
าลั
งสํ
าคั
ญของ
ชาติ
ต
อไป
การเสริ
มสร
างการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองให
เกิ
ดกั
บผู
เรี
ยนไปพร
อมการเรี
ยนรู
มี
แนวทางการพั
ฒนาการเห็
นคุ
ณค
า
ในตนเองที่
มี
ขั้
นตอนหลั
ก 3 ขั้
นตอน (เฉลิ
มพล สวั
สดิ์
พงษ
. 2551 : 4-6 อ
างอิ
งจาก Lawrence. 2000 : 95) คื
อ
ขั้
นตอนแรก
:
เป
นการพั
ฒนาคุ
ณภาพเฉพาะบุ
คคล การศึ
กษาผู
เรี
ยนเป
นรายบุ
คคลในด
านต
าง ๆ เพื่
อให
ผู
เรี
ยน
ได
ทราบถึ
งพื้
นฐานของตนเองและได
พั
ฒนาตนเอง
ขั้
นตอนที่
2
:
เป
นการเน
นให
ผู
เรี
ยนมี
การเปลี่
ยนแปลง
โดยอาศั
ยทั
กษะต
าง ๆ ที่
เรี
ยนรู
มาเพื่
อเผชิ
ญกั
บสภาพ
ป
ญหาต
างๆ มี
การทํ
างานเป
นกลุ
มเพื่
อให
ผู
เรี
ยนได
เรี
ยนรู
การดํ
ารงชี
วิ
ตในสั
งคม
ขั้
นสุ
ดท
าย
:
เป
นการสร
างความเข
มแข็
งและคุ
ณค
าให
ตนเอง การใช
เป
นรู
ปแบบในการจั
ดกิ
จกรรมการเรี
ยน
การสอนเพื่
อส
งเสริ
มการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองของผู
เรี
ยน เพื่
อให
ผู
เรี
ยนมี
การเห็
นคุ
ณค
าในตนเองระดั
บที่
สู
งขึ้
น และส
งผล
ดี
ต
อผลสั
มฤทธิ์
ทางการเรี
ยนของผู
เรี
ยนต
อไป
ด
วยเหตุ
ดั
งกล
าวข
างต
น ผู
วิ
จั
ยจึ
งมี
ความสนใจศึ
กษาการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองของนั
กศึ
กษา ปวส.ช
าง
อิ
เล็
กทรอนิ
กส
คณะครุ
ศาสตร
อุ
ตสาหกรรม มหาวิ
ทยาลั
ยเทคโนโลยี
ราชมงคลสุ
วรรณภู
มิ
ศู
นย
นนทบุ
รี
เพื่
อนํ
าข
อมู
ลที่
ได
ไป
เป
นพื้
นฐานในการพั
ฒนาการเรี
ยนการสอนและเสริ
มสร
างการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองของผู
เรี
ยนในโอกาสต
อไป
วิ
ธี
การวิ
จั
ย
การศึ
กษาเรื่
องการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองของนั
กศึ
กษา ปวส. ช
างอิ
เล็
กทรอนิ
กส
คณะครุ
ศาสตร
อุ
ตสาหกรรม
มหาวิ
ทยาลั
ยเทคโนโลยี
ราชมงคลสุ
วรรณภู
มิ
ศู
นย
นนทบุ
รี
ป
การศึ
กษา 2553 ดํ
าเนิ
นการดั
งนี้
1) ประชากรและกลุ
มตั
วอย
าง
ประชากร คื
อ นั
กศึ
กษาของมหาวิ
ทยาลั
ยเทคโนโลยี
ราชมงคลสุ
วรรณภู
มิ
ศู
นย
นนทบุ
รี
ป
การศึ
กษา 2553
กลุ
มตั
วอย
าง คื
อ นั
กศึ
กษา ปวส. ช
างอิ
เล็
กทรอนิ
กส
คณะครุ
ศาสตร
อุ
ตสาหกรรม จํ
านวน
40
คน เครื่
องมื
อที่
ใช
คื
อ แบบ
วั
ดคุ
ณค
าในตนเองของโป
ป (เฉลิ
มพล สวั
สดิ์
พงษ
. 2551 ;
อ
างอิ
งจาก
Pope. 1980) แบบวั
ดคุ
ณค
าในตนเองแบ
งการ
ประเมิ
นการเห็
นคุ
ณค
าในตนเองออกเป
น 5 ด
าน
คื
อ ด
านสั
งคม ด
านการศึ
กษา
ด
านครอบครั
ว ด
านภาพลั
กษณ
(Body
image) และด
านมุ
มมองรวม มาใช
เป
นแนวทางในการประเมิ
น โดยเครื่
องมื
อได
ค
าความเชื่
อมั่
นเท
ากั
บ 0.74
3) การเก็
บรวบรวมข
อมู
ล เก็
บรวบรวมข
อมู
ลในสั
ปดาห
แรก ของภาคเรี
ยนที่
2 ป
การศึ
กษา 2553
4) การวิ
เคราะห
ข
อมู
ล สถิ
ติ
ที่
ใช
คื
อ ค
าเฉลี่
ย และส
วนเบี่
ยงเบนมาตรฐาน