Î
µ
ความรุ
นแรงของเชื
้
อไวรั
สไข้
หวั
ดนกเกี่
ยวข้
องโดยตรงกั
บฮี
แมกกลู
ติ
นิ
น (Hemagglutinin, HA) โดย ฮี
แมกกลู
ติ
นิ
น
คื
อไกลโคโปรตี
นที่
เกาะอยู
่
ที่
ผิ
วของไวรั
สอิ
นฟลู
เอ็
นซา ถู
กสร้
างออกมาเป็
นโปรตี
นก้
อนเดี
ยว (precursor) ที่
เรี
ยกว่
า HA0
จากนั
้
น HA0 จะถู
กตั
ดตรงบริ
เวณที
่
ถู
กย่
อย (cleavage site) ด้
วยเอนไซม์
โปรติ
เอสของโฮสต์
ออกเป็
น 2 subunits คื
อ HA1
และ HA2 ซึ
่
งเชื่
อมต่
อกั
นอยู
่
ด้
วย disulfide bridge โดย HA1 ทํ
าหน้
าที่
ในการจั
บกั
บตั
วรั
บบนผิ
วเซลล์
ในขณะที่
HA2 ทํ
า
หน้
าที่
ในการ fusion เพื่
อปล่
อยสารพั
นธุ
กรรมเข้
าสู
่
เซลล์
(Horimoto
et al
., 2005) ดั
งนั
้
นไวรั
สจะทํ
างานได้
ก็
ต่
อเมื่
อมี
การตั
ด
HA0 ออกเป็
น HA1 และ HA2 เสี
ยก่
อน จากการศึ
กษาที่
ผ่
านมาพบว่
าไวรั
สที่
ไม่
มี
การเพิ่
มเข้
ามาของกรดอะมิ
โนที่
มี
ประจุ
บวก
ที่
cleavage site จะมี
ความรุ
นแรงในการก่
อโรคตํ
่
า (low pathogenic avian influenza, LPAI) ใช้
เอนไซม์
กลุ่
มทริ
ปซิ
นในการ
ตั
ดและการตั
ดนี
้
เกิ
ดขึ
้
นที่
ผิ
วเซลล์
และเกิ
ดหลั
งจากปลดปล่
อยไวรั
สออกจากเซลล์
แล้
ว เอนไซม์
เหล่
านี
้
พบในทางเดิ
นหายใจ
และทางเดิ
นอาหารทํ
าให้
ไวรั
สเพิ่
มจํ
านวนอยู
่
ในเฉพาะในอวั
ยวะเหล่
านี
้
เท่
านั
้
น ซึ
่
งโชคดี
ที่
ไข้
หวั
ดใหญ่
H1N1 2009 ก็
มี
ลํ
าดั
บ
กรดอะมิ
โนที่
ไม่
มี
การเพิ่
มเข้
ามาของกรดอะมิ
โนที่
มี
ประจุ
บวกที่
cleavage site ในขณะที่
ไวรั
สที่
มี
ลํ
าดั
บกรดอะมิ
โนเป็
นประจุ
บวกหลายตั
ว เช่
น
RRRKK
เพิ่
มเข้
ามาบริ
เวณ cleavage site จะใช้
เอนไซม์
ฟู
ริ
นในการตั
ดโมเลกุ
ล HA0 ซึ
่
งฟู
ริ
นนี
้
มี
อยู
่
ใน
เซลล์
ทั่
วไป ทํ
าให้
ไวรั
สชนิ
ดนี
้
มี
ความรุ
นแรงในการก่
อโรคสู
ง (high pathogenic avian influenza, HPAI) เนื่
องจากสามารถ
เพิ่
มจํ
านวนในอวั
ยวะใดก็
ได้
ทํ
าให้
เกิ
ดการติ
ดเชื
้
อแบบแพร่
กระจาย (Steinhauer, 1999)
จากการวิ
เคราะห์
รหั
สพั
นธุ
กรรมของไวรั
ส H5N1 ในประเทศไทยในการระบาดแต่
ละรอบในช่
วงปี
ค.ศ. 2004-
2010 (
/) ที่
ผ่
านมาพบไวรั
สยั
งคงมี
ลั
กษณะคล้
ายเดิ
มมาก มี
ลํ
าดั
บกรดอะมิ
โนที่
แตกต่
างกั
นดั
งนี
้
RE
RRRKK
R (HPH5sq1) RE
R
K
RKK
R (HPH5sq2) RE
K
RRKK
R (HPH5sq3) RE
RRR_K
R (HPH5sq4)
ดั
งตารางที
่
1 (Chutinimitkul, et al. 2007)โดยสายพั
นธุ
์
HPH5sq2 และ HPH5sq3 ต่
างจากสายพั
นธุ
์
HPH5sq1 คื
ออาร์
จิ
นี
น ที่
ตํ
าแหน่
ง S5-R และ S6-R กลายเป็
นไลซี
น S5-K และ S6-K ตามลํ
าดั
บ ในขณะที่
สายพั
นธุ
์
ที่
4 ไลซี
นที่
ตํ
าแหน่
ง S3-K หายไป
µ¦µ¸É
1
ลํ
าดั
บกรดอมิ
โนของฮี
แมกกลู
ติ
นิ
นที่
บริ
เวณ cleavage site ที่
พบในประเทศไทยระหว่
างปี
ค.ศ. 2004-2010
Strains
Name
Cleavage loop
cleavage site
A/chicken/Thailand/CU-21/2004 (H5N1)
HPH5sq1
R E
R R R
K K
R G L
A/whitepeafowl/Bangkok/Thailand/CU-16/04(H5N1
HHP5sq2
R E
R
K
R
K K
R G L
A/chicken/Thailand/Nontaburi/CK-162/2005(H5N1)
HPH5sq3
R E
K
R R
K K
R G L
A/chicken/Thailand/NP-172/2006(H5N1)
HPH5sq4
R E
R R R
-
K
R G L
S8 S7 S6 S5 S4 S3 S2 S1 S1’ S2’
ในงานวิ
จั
ยนี
้
ใช้
โปรแกรมคอมพิ
วเตอร์
จํ
าลองระบบของสารประกอบเชิ
งซ้
อนระหว่
างเอนไซม์
ฟู
ริ
น กั
บ cleavage
site ของฮี
แมกกลู
ติ
นิ
นทั
้
งสี่
สายพั
นธ์
(FR-HPH5sq1 FR-HPH5sq2 FR-HPH5sq3 และ FR-HPH5sq4) โดยวิ
ธี
พลศาสตร์
เชิ
ง
โมเลกุ
ล (molecular dynamics, MD) เพื่
อศึ
กษาเปรี
ยบเที
ยบสมบั
ติ
ทางโครงสร้
างและสมบั
ติ
ทางพลวั
ติ
เช่
น ข้
อมู
ลของ
ระยะทางที่
สํ
าคั
ญของกลไกการตั
ดพั
นธะ พั
นธะไฮโดรเจน การเคลื่
อนที่
ของเอนไซม์
และซั
บสเตรท รวมทั
้
งข้
อมู
ลทางเทอร์
227
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555