µ¦µ¸É
7
องค์
ประกอบทางเคมี
ของตั
วปลาดุ
กลํ
าพั
นที่
ได้
รั
บอาหารทดลองที่
มี
ไขมั
นระดั
บต่
างๆ เป็
นเวลา 8 สั
ปดาห์
(การทดลองที่
2)
ความชื
้
น (%)
โปรตี
น (%)
ไขมั
น (%)
เถ้
า (%)
ไขมั
น 9 %
75.39 + 0.57
c
54.57 + 3.02
ab
31.77 + 1.84
a
9.62 +1.82
ns
ไขมั
น 12 %
73.82 + 0.55
bc
58.97 + 3.47
b
37.01 + 2.20
b
7.26 + 1.64
ns
ไขมั
น 15 %
72.98 + 1.15
ab
53.78 + 3.43
ab
38.39 + 3.04
b
6.69 + 1.83
ns
ไขมั
น 18 %
72.90 + 0.96
ab
51.49 + 2.31
a
40.69 + 2.44
bc
9.39 + 1.09
ns
ไขมั
น 21 %
71.56 + 0.94
a
48.68 + 4.53
a
43.13 + 2.02
c
8.09 + 3.62
ns
Mean within column not sharing the same superscript are significantly different (P<0.05).
ns = non-significant (P>0.05)
°£·
¦µ¥ ¨³¦»
¨µ¦ª·
´
¥
ปลาจะนํ
าไขมั
นที่
ได้
รั
บไปใช้
ประโยชน์
ทั
้
งในด้
านเป็
นแหล่
งพลั
งงาน
และเป็
นแหล่
งกรดไขมั
นจํ
าเป็
นสํ
าหรั
บ
สร้
างโครงสร้
างต่
างๆ ของร่
างกาย (Halver and Hardy, 2002) การใช้
ไขมั
นที่
เหมาะสมในอาหารปลา จะลดการเผาผลาญ
โปรตี
นเป็
นพลั
งงาน และช่
วยให้
การนํ
าโปรตี
นจากอาหารไปใช้
ประโยชน์
เพิ่
มมากขึ
้
น (Kim and Lee. 2005) เนื่
องจาก
ปลานํ
้
าจื
ดมี
ระบบเอนไซม์
สํ
าหรั
บกระบวนการเมแทโบลิ
ซึ
มกรดไขมั
นที่
มี
ความยาว 18 คาร์
บอน ในขณะที่
ระบบ
เอนไซม์
ดั
งกล่
าวไม่
พบในปลาทะเล จึ
งเป็
นเหตุ
ให้
ปลานํ
้
าจื
ดมี
ความต้
องการและนํ
ากรดไขมั
นในกลุ
่
ม 18 คาร์
บอนไปใช้
ประโยชน์
ได้
ดี
(Guillaume
et al
., 1999) จากการทดลองพบว่
าปลาดุ
กลํ
าพั
นที่
ได้
รั
บอาหารผสมนํ
้
ามั
นถั่
วเหลื
อง มี
ปริ
มาณ
การสะสมไขมั
นในตั
วสู
งกว่
าปลาที่
ได้
รั
บอาหารผสมนํ
้
ามั
นปลา เนื่
องจากองค์
ประกอบกรดไขมั
นในนํ
้
ามั
นทั
้
ง 2 แตกต่
าง
กั
น กล่
าวคื
อในนํ
้
ามั
นถั่
วเหลื
องมี
ปริ
มาณกรดไขมั
นไม่
อิ่
มตั
วสู
ง (highly unsaturated fatty acid, HUFA) ที่
มี
ความยาว 18
คาร์
บอน ในปริ
มาณมากกว่
านํ
้
ามั
นปลา ซึ
่
งปกติ
มี
กรดไขมั
นไม่
อิ่
มตั
วสู
งความยาว 20-22 คาร์
บอน (Halver and Hardy,
2002) อย่
างไรก็
ตามประสิ
ทธิ
ภาพการย่
อยและนํ
าไขมั
นจากอาหารไปใช้
ประโยชน์
ยั
งขึ
้
นกั
บจํ
านวน และตํ
าแหน่
งพั
นธะคู่
ของกรดไขมั
นที่
แตกต่
างกั
นในนํ
้
ามั
นแต่
ละชนิ
ด (Guillaume
et al
., 2001) แม้
ว่
าการใช้
นํ
้
ามั
นถั่
วเหลื
อง นํ
้
ามั
นรํ
าข้
าว และ
นํ
้
ามั
นปาล์
มให้
ผลไม่
แตกต่
างกั
น แต่
การใช้
นํ
้
ามั
นถั่
วเหลื
องเป็
นแหล่
งไขมั
นในอาหารมี
ผลให้
ต้
นทุ
นค่
าอาหารตํ
่
าที่
สุ
ด
เมื่
อทดสอบระดั
บของนํ
้
ามั
นถั่
วเหลื
องในอาหารปลาดุ
กลํ
าพั
น พบว่
า ปลาชนิ
ดนี
้
สามารถใช้
ไขมั
นในอาหารได้
ใน
ช่
วงกว้
าง (9-21%) โดยมี
การเจริ
ญเติ
บโต และการสะสมโปรตี
น และไขมั
นในตั
วไม่
แตกต่
างกั
น แต่
condition factor ซึ
่
ง
เป็
นดั
ชนี
แสดงถึ
งนํ
้
าหนั
กตั
วต่
อความยาวของตั
วปลา (Toko
et al
., 2007) มี
ค่
าเพิ่
มมากขึ
้
นตามระดั
บของนํ
้
ามั
นถั่
วเหลื
อง
ที่
ปลาได้
รั
บ แสดงว่
าปลามี
การสะสมไขมั
นในร่
างกายมากขึ
้
นทํ
าให้
นํ
้
าหนั
กตั
วสู
งเมื่
อเที
ยบกั
บความยาว จากการทดลอง
นี
้
พบว่
าค่
า hepatosomatic index ของปลาดุ
กลํ
าพั
นมี
ค่
า ลดลง เมื่
อได้
รั
บอาหารที่
มี
ไขมั
นสู
งขึ
้
น แสดงให้
เห็
นว่
าการสะสม
ไขมั
นในตั
วปลาเกิ
ดขึ
้
นที่
กล้
ามเนื
้
อ และเนื
้
อเยื่
อไขมั
นในช่
องท้
องมากกว่
าที่
ตั
บ (Anwar and Jafri, 1995) ปลาดุ
กลํ
าพั
นที่
ได้
รั
บอาหารที่
มี
ไขมั
น 12-18% มี
ปริ
มาณไขมั
นในตั
วไม่
แตกต่
างกั
น ในขณะที่
ปลาที่
ได้
รั
บอาหารที่
มี
ไขมั
น 9-15% มี
ปริ
มาณโปรตี
นในตั
วสู
งแตกต่
างจากชุ
ดการทดลองอื่
น (P<0.05) ด้
วยเหตุ
ผลดั
งกล่
าวจึ
งสามารถสรุ
ปได้
ว่
าการเสริ
มนํ
้
ามั
น
ถั่
วเหลื
องในอาหารให้
มี
ปริ
มาณไขมั
นรวม 12 % เป็
นระดั
บที่
เหมาะสมสํ
าหรั
บการผลิ
ตอาหารเพื่
อใช้
เลี
้
ยงปลาดุ
กลํ
าพั
น
ซึ
่
งผลดั
งกล่
าวสอดคล้
องกั
บรายงานการศึ
กษาในปลา ปลาดุ
กแอฟริ
กั
น โดย Murthy and Naik (1999) ซึ
่
งรายงานว่
า
อาหารที่
มี
ไขมั
น 12.12% มี
ผลให้
ปลาเจริ
ญเติ
บโตได้
ดี
ที่
สุ
ด
49
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555