full2012.pdf - page 560

šœÎ
µ
ปั
ญหากลุ
มโรคไม่
ติ
ดต่
อเรื
อรั
ง ได้
แก่
โรคหั
วใจและหลอดเลื
อดโรคเบาหวาน โรคความดั
นโลหิ
ตสู
งและกลุ
อาการอ้
วนลงพุ
งเป็
นปั
ญหาสาธารณสุ
ขที่
สํ
าคั
ญและกํ
าลั
งเพิ่
มขึ
นทั่
วโลก (ธงชั
ย ประฏิ
ภาณวั
ตร. 2550 : 3) โดยมี
สาเหตุ
จากปั
จจั
ยเสี่
ยงของการมี
วิ
ถี
ชี
วิ
ตที่
ไม่
เหมาะสม คื
อ สมดุ
ลของพลั
งงาน ระหว่
างการกิ
นอาหารหรื
อการนํ
าพลั
งงานเข้
ากั
การใช้
พลั
งงานออก โดยการเคลื่
อนไหว ออกแรง ออกกํ
าลั
งกายไม่
สมดุ
ล (กรมอนามั
ย กระทรวงสาธารณสุ
ข.
2552 : 3) ซึ
งผู
ที่
มี
ภาวะอ้
วนลงพุ
งหรื
อไขมั
นเกิ
นในช่
องท้
องจะมี
ความเสี่
ยงสู
งต่
อการเกิ
ดโรคหั
วใจและเบาหวาน
(กรมอนามั
ย กระทรวงสาธารณสุ
ข. 2552 : 2)
องค์
การอนามั
ยโลกได้
ระบุ
ว่
าในปี
พ.ศ.2548 มี
ผู
เสี
ยชี
วิ
ตจากโรคที่
เกี่
ยวข้
องกั
บการมี
พฤติ
กรรมสุ
ขภาพที่
ไม่
เหมาะสม หรื
อกลุ
มโรคไม่
ติ
ดต่
อเรื
อรั
ง มากถึ
ง 35 ล้
านคน หรื
อร้
อยละ60 ของ
ผู
เสี
ยชี
วิ
ตทั
งหมด 58 ล้
านคนทั่
วโลก และคาดว่
าในปี
2558 จะมี
ผู
เสี
ยชี
วิ
ตเพิ่
มขึ
นร้
อยละ 17 หรื
อประมาณ 41 ล้
านคน
(กฤช ลี่
ทองอิ
น. 2552 : 1)
และจากการสํ
ารวจสุ
ขภาพประชากรไทยล่
าสุ
ดในปี
พ.ศ. 2551-2552 ภาวะอ้
วนลงพุ
งมี
ความ
ชุ
กเพิ่
มขึ
นจากการสํ
ารวจเมื่
อปี
2547 พบว่
าในผู
หญิ
งร้
อยละ 36.1 และในผู
ชายร้
อยละ15.4 เพิ่
มเป็
นร้
อยละ 45 และ18.6
ตามลํ
าดั
บ (สํ
านั
กงานสํ
ารวจสุ
ขภาพประชาชนไทย. 2552 : 127-134)
ปั
จจุ
บั
นวิ
ถี
การดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตที
ขาดสมดุ
ลจากพฤติ
กรรมการบริ
โภคที่
ไม่
เหมาะสม ขาดการออกกํ
าลั
งกายและ
ไม่
สามารถจั
ดการกั
บอารมณ์
และความเครี
ยด ทํ
าให้
เจ็
บป่
วยด้
วยกลุ
มอาการโรคอ้
วนลงพุ
ง ส่
งผลกระทบและภาระ
ค่
าใช้
จ่
ายทางด้
านสุ
ขภาพของประชาชน และความสู
ญเสี
ยทางเศรษฐกิ
จของประเทศตามมา อย่
างไรก็
ตามหากประชาชน
มี
การปรั
บเปลี่
ยนวิ
ถี
ชี
วิ
ตอย่
างเหมาะสมด้
วยการจั
ดการสุ
ขภาพด้
วยตนเองอย่
างสมดุ
ล เพื่
อไม่
ให้
เจ็
บป่
วยจากโรคอ้
วน
ลงพุ
งหรื
อที่
มี
ปั
จจั
ยเสี่
ยงร่
วมกั
น ซึ
งวิ
ถี
ชี
วิ
ตของประชาชนจั
งหวั
ดพั
ทลุ
ง มี
ความเป็
นอยู
ที่
มี
การเปลี่
ยนแปลงไปตามสภาพ
ในยุ
คปั
จจุ
บั
นเช่
นกั
น โดยการศึ
กษาครั
งนี
ได้
ศึ
กษาตามแบบจํ
าลองการส่
งเสริ
มสุ
ขภาพของเพนเดอร์
(Pender. 2006 : 1 –
12) ประกอบด้
วย การรั
บรู
ประโยชน์
ของการปฏิ
บั
ติ
การรั
บรู
อุ
ปสรรคในการปฏิ
บั
ติ
การรั
บรู
ความสามารถของตนเอง
และความรู
สึ
กที่
มี
ต่
อพฤติ
กรรม ซึ
งผลการศึ
กษาสามารถนํ
าไปใช้
ในการวางแผนการส่
งเสริ
มสุ
ขภาพสร้
างวิ
ถี
ชี
วิ
ตที่
เหมาะสมในการดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตประจํ
าวั
นของประชาชน ด้
วยการควบคุ
มพลั
งงานให้
สมดุ
ล ด้
านการบริ
โภคอาหาร การออก
กํ
าลั
งกาย และการจั
ดการอารมณ์
ทั
งนี
ย่
อมส่
งผลต่
อการรั
บรู
ในระดั
บบุ
คคลและสามารถจั
ดการสุ
ขภาพด้
วยตนเองอย่
าง
สมดุ
ลต่
อการลดปั
จจั
ยเสี่
ยงของการเกิ
ดโรคอ้
วนลงพุ
งต่
อไป
ª·
›¸
„µ¦ª·
‹´
¥
การวิ
จั
ยครั
งนี
เป็
นการวิ
จั
ยแบบภาคตั
ดขวาง (Cross–sectional study) ประชากรการศึ
กษา คื
อ ประชาชนที่
มี
อายุ
15 ปี
ขึ
นไป จากทะเบี
ยนฐานข้
อมู
ลประชากรกลางปี
2553 จั
งหวั
ดพั
ทลุ
งจํ
านวน 407,286 คน คํ
านวณขนาดตั
วอย่
างโดย
ใช้
ตาราง Power analysis กํ
าหนดประมาณค่
าสั
มประสิ
ทธิ
สหสั
มพั
นธ์
(r) ที่
ระดั
บปานกลาง (0.2) กํ
าหนดระดั
บนั
ยสํ
าคั
ที่
05.0
D
และ
9.0
E
ได้
กลุ
มตั
วอย่
างไม่
น้
อยกว่
า 263 คน และปรั
บค่
าขนาดตั
วอย่
าง เพื่
อลดอั
ตราการเก็
บข้
อมู
ลไม่
สมบู
รณ์
ร้
อยละ 10 ได้
ขนาดกลุ
มตั
วอย่
างจํ
านวน 292 คน ได้
แบบสอบถามที่
สมบู
รณ์
สํ
าหรั
บการวิ
เคราะห์
จํ
านวน 289 ชุ
สุ
มตั
วอย่
างอย่
างเป็
นระบบ (Systematic random sampling) โดยใช้
บั
ญชี
รายชื่
อประชากรอายุ
15 ปี
ขึ
นไป จั
งหวั
ดพั
ทลุ
ปี
2553
จากโปรแกรมระบบฐานข้
อมู
ลสถานี
อนามั
ยและหน่
วยบริ
การปฐมภู
มิ
JHCIS (Java Health Care Internet
System) มาเป็
นกรอบในการสุ
มโดยกํ
าหนดสั
ดส่
วนในการสุ
มตั
วอย่
าง โดยหาช่
วงของการสุ
ม (Sample interval) แต่
ละ
อํ
าเภอจํ
านวน 11 อํ
าเภอ เก็
บรวบรวมข้
อมู
ลโดยใช้
แบบสอบถาม ประกอบด้
วย 3 ส่
วนคื
อ 1) แบบสอบถามข้
อมู
ลทั่
วไป
จํ
านวน 16 ข้
อ 2) พฤติ
กรรมการบริ
โภคอาหาร การออกกํ
าลั
งกาย และการจั
ดการอารมณ์
จํ
านวน 23 ข้
อ และ 3) การรั
บรู
และความรู
สึ
กต่
อพฤติ
กรรมส่
งเสริ
มสุ
ขภาพ จํ
านวน 24 ข้
อ ทํ
าการตรวจสอบความถู
กต้
องด้
านเนื
อหา โดยผู
เชี่
ยวชาญ
560
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555
1...,550,551,552,553,554,555,556,557,558,559 561,562,563,564,565,566,567,568,569,570,...1917
Powered by FlippingBook