การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 201

200
บทนา
น ้ำมันเป็นปัจจัยหลัก และเป็นปัจจัยปัญหำของกำรเกษตรกรรม ซึ่งพื ชต้องกำรน ้ำในปริมำณที่เหมำะสม ไม่มำก
หรื อน้อยจนเกิ นไป โดยพบว่ำปริมำณควำมต้องกำรน ้ ำของพืชแต่ ละชนิดไม่เท่ ำกั น ดั งนั นกิจกรรมที่เกษตรกรต้ อง
ด้ำเนินกำรคื อกำรรักษำระดับปริมำณของน ้ำให้มีควำมเหมำะสมกับควำมต้องกำรของพืชที่ ท้ำกำรเพำะปลูก กำรควบคุม
ปริมำณน ้ำในปั จจุบั นจะใช้เครื่ องสูบน ้ำเป็นหลัก ซึ่ งขนำดและต้นก้ำลังรวมถึ งชนิดของเชื อเพลิ งที่ใช้ก็ ขึนอยู่กั บชนิดของ
เครื่องยนต์ และปริ มำณน ้ำที่ ต้องท้ำกำรควบคุม ซึ่งเชือเพลิงที่ใช้ก็มีทัง น ้ำมันเบนชิน น ้ำมันดีเซล และไฟฟ้ ำ ส้ำหรับนำข้ำว
พบว่ำเกษตรกรต้ องท้ำกำรสูบน ้ำ (สูบเข้ ำ หรือออกจำกที่ นำ) ใน 2 ขันตอน คือขันตอนกำรเตรียมพืนที่ ซึ่งเป็นกำรสูบน ้ ำ
เข้ ำหรือออกจำกที่นำก่อนกำรไถนำ และขั นตอนกำรบ้ำรุงรักษำซึ่งต้องรักษำระดับน ้ำในที่นำในช่วงที่ข้ ำวเจริญเติบโต ซึ่ง
ระดับน ้ำในช่วงนีจะขึนอยู่กับพั นธ์ข้ำว ซึ่งจำกกำรศึกษำพบว่ำ ในพืนที่ภำคเหนือนิ ยมใช้เครื่องยนต์รถไถนำแบบเดินตำมขับ
เครื่องสูบน ้ำแบบคอพญำนำค เมื่อพิจำรณำในกรณีที่ ไม่มีถำวะน ้ำแล้งหรือน ้ ำท่วมพบว่ำมี อัตรำกำรใช้เชื อเพลิงเฉลี่ ย 5.68
ลิ ตร/ไร่ และ 2.31 ลิตร/ไร่ ส้ำหรับกำรปลูกข้ำวนำปรังและนำปี ตำมล้ำดับและเมื่อพิจำรณำ ณ รำคำน ้ำมันดี เซล 40 บำท/
ลิ ตร จะเห็นว่ำเกษตรกรจะมีต้นทุนด้ ำนน ้ำมันเชือเพลิงส้ำหรับกำรสูบน ้ำเท่ำกับ 227.2 บำท/ไร่ และ 92.1 บำท/ไร่ ส้ ำหรับ
กำรปลูกข้ำวนำปรังและนำปี ตำมล้ำดั บ [1] และเมื่อพิจำรณำจังหวัดพั ทลุงที่ มีพื นที่ปลูกข้ำวประมำณ 586,161 ไร่ ซึ่งถ้ำ
ทุกพืนที่มีกำรสูบน ้ ำก็จะมีค่ำใช้จ่ำยด้ำนน ้ำมันเชื อเพลิงอย่ำงมหำศำล นอกจำกนำข้ ำวยังพบว่ำในพืนที่ จังหวัดพัทลุงและ
พืนที่จั งหวัดใกล้เคียงก็มีกำรใช้เครื่องยนต์รถไถนำแบบเดินตำมในกำรสู บน ้ำส้ำหรับส่วนปำล์มน ้ำมั น หรือกำรใช้ในพืนที่นำ
กุ้ ง เป็นต้น และนอกจำกนียังพบว่ ำมีกำรใช้ LPG มำเป็นเชือเพลิงส้ำหรับเครื่องยนต์
เครื่องยนต์สู บเดี่ยวที่ใช้ในรถไถนำแบบเดินตำมใช้น ้ำมันดีเซลเป็ นเชือเพลิงซึ่งสำมำรถใช้ LPG เป็นเชือเพลิ งร่วมได้
โดยไม่ต้องมีกำรปรับแก้เครื่องยนต์ โดยกำรผสม LPG กับอำกำศก่อนเข้ำห้ องกระบอกสูบของเครื่องยนต์ ซึ่ งจะช่วยประหยัด
น ้ำมันดีเซลลงได้ แต่ในปัจจุบั นรำคำของน ้ำมันดีเซลและรำคำของ LPG มีแนวแนวโน้มที่สูงขึน ทังนีสำมำรถใช้น ้ำมั นไบโอ
ดีเซลมำทดแทนดีเซล และใช้แก๊สชีวมวลมำใช้ทดแทน LPG ส้ำหรับเครื่องยนต์ชนิดนี ได้ [2,3,4,5,6,7]
ดังนันงำนวิจัยนีจึงได้ด้ำเนินกำรศึกษำกำรผลิตแก็สชีวมวลจำกถ่ำนไม้ โดยใช้ เตำแก๊สชีวมวลชนิดไหลลง [8] และ
น้ำแก๊สชีวมวลที่ผลิตได้ ไปใช้กับเครื่องยนต์สู บเดียวใช้ในรถไถนำแบบเดิน และใช้ ในกำรสูบน ้ำทำงกำรเกษตร ทั งนีถ่ำนไม้ที่
เลือกใช้ คือถ่ำนไม้ ยำงพำรำ
วิธีการวิจัย
ขั้นตอนและวิ ธีการวิจัยประกอบด้วย
1. การผลิตถ่านไม้ยางพารา โดยใช้ เตาเผาถ่านที่ผลิตจากถังขนาด 200 ลิตร และทาการผลิ ตตามขั้นตอนการของการ
ผลิตถ่านคุณภาพสูงด้วยถังขนาด 200 ลิ ตร ที่แนะนาโดยกระทรวงพลังงาน
2. ทดสอบองค์ ประกอบโดยปริมาณ (Proximate Analysis) สัดส่วนธาตุ (Ultimate Analysis) และค่ าความร้อนของถ่านไม้
ยางพารา ดั งแสดงผลในตารางที่ 1
3. ทดสอบการผลิตแก๊สชีวมวลจากถ่านไม้ยางพารา โดยใช้เครื่ องผลิตแก๊สชีวมวลแบบไหลลง ( Downdraft Gasifier)
และเก็บข้ อมูล อัตราการสิ้ นเปลืองถ่านไม้ยางพาราในระหว่างการผลิตแก๊ส จากนั้นทาการเก็บแก๊สชีวมวลที่ผลิต
ได้ใส่ถุงเก็ บแก๊ส เพื่อนาส่ งทดสอบองค์ประกอบเชิ งคุณภาพของแก๊สชีวมวลจากถ่ านไม้ยางพารา ดังแสดงผลใน
ตารางที่ 2 และตารางที่ 3
4. ทาการทดสอบการสูบน้าโดยใช้เครื่องยนต์ สูบเดียวขนาด 11 แรงม้า ในกรณี การใช้เชื้ อเพลิงเดี่ยวคือดีเซล และ
กรณีการใช้ เชื้อเพลิงร่วม ดีเซล แก๊ สชีวมวล แสดงผลในตารางที่ 4
5. ทาการวิเคราะห์เปรี ยบเทียบปริมาณการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ปริมาณการใช้พลังงาน ปริมาณการปล่อยแก๊ส GHG
ระหว่างการสู บน้าโดยใช้ดีเซล และการสู บน้าโดยใช้ เชื้อเพลิงร่วมดีเซล แก๊ สชีวมวล แสดงผลในตารางที่ 5 และ 6
6. ทาการวิเคราะห์ระยะเวลาคืนทุนของการลงทุนระบบผลิ ตกาแก๊สชีวมวลเพื่อใช้ในการสูบน้า