full2010.pdf - page 752

714
2.1 นิ
สิ
ตปริ
ญญาตรี
คณะศึ
กษาศาสตร์
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ มี
ความเป็
นมนุ
ษย์
ที่
สมบู
รณ์
ก่
อน
และหลั
งการเรี
ยนรู
โดยใช้
รู
ปแบบในภาพรวมไม่
แตกต่
างกั
น เมื่
อพิ
จารณารายด้
านพบว่
า พฤติ
กรรมความเป็
นมนุ
ษย์
ด้
านสั
งคมและด้
านปั
ญญาก่
อนและหลั
ง มี
ความแตกต่
างกั
นอย่
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .05 ส่
วนพฤติ
กรรม
ความเป็
นมนุ
ษย์
ทางกายและจิ
ตใจก่
อนและหลั
งไม่
แตกต่
างกั
ที่
เป็
นเช่
นนี
เพราะกิ
จกรรมจิ
ตตปั
ญญาศึ
กษาเน้
นให้
ผู
เรี
ยนได้
เรี
ยนรู
ด้
วยใจอย่
างใคร่
ครวญ เพื่
อให้
เกิ
ดความตระหนั
กถึ
งคุ
ณค่
าของสิ
งต่
างๆ โดยปราศจากอคติ
ซึ
งทุ
ขั
นตอนEdu. Thaksin Model เป็
นขั
นตอนที่
ผ่
านการแยกเแยะอย่
างรอบคอบเพื่
อให้
ทุ
กขั
นตอนสามารถทํ
าให้
นิ
สิ
เกิ
ดความตระหนั
กรู
เกิ
ดความศรั
ทธา เข้
าใจตนเองภาคภู
มิ
ใจในตนเอง เข้
าใจบุ
คคลและสภาพสิ
งแวดล้
อมรอบข้
าง
และสิ
งที่
สํ
าคั
ญจากการถอดบทเรี
ยนพบว่
า จิ
ตตปั
ญญาศึ
กษา มี
จุ
ดมุ่
งหมายเพื่
อให้
เกิ
ดการเปลี่
ยนแปลงขั
นพื
นฐานใน
ตนเอง ได้
แก่
การเกิ
ดความรู
ความเข้
าใจในตนเอง ผู
อื่
นและสรรพสิ
งอย่
างลึ
กซึ
งและสอดคล้
องกั
บความจริ
งเกิ
ความรั
กความเมตตา ความอ่
อนน้
อมถ่
อมตน นอกจากนี
เป้
าหมายที่
สํ
าคั
ญคื
อทํ
าให้
ผู
เรี
ยนเกิ
ดจิ
ตสํ
านึ
กต่
อส่
วนรวมที่
ตั
งอยู่
บนพื
นฐานของการเข้
าถึ
งความจริ
งสู
งสุ
ดคื
อความดี
ความงามแล้
วนํ
าสู่
การลงมื
อปฏิ
บั
ติ
เพื่
อเปลี่
ยนแปลงโลก
และสั
งคมซึ
งกระบวนการ Edu. Thaksin Model ทั
ง7 ขั
นตอนได้
สอดแทรกกระบวนการสร้
างคนให้
มี
การ
เปลี่
ยนแปลงทั
งภายในและภายนอกเมื่
อนิ
สิ
ตได้
เรี
ยนรู
ทํ
าให้
เกิ
ดพฤติ
กรรมความเป็
นมนุ
ษย์
สู
งขึ
นส่
วนทางด้
าน
ร่
างกายและทางจิ
ตใจ/จิ
ตวิ
ญญาณก่
อนและหลั
งไม่
แตกต่
างกั
นที่
เป็
นเช่
นนี
เพราะอาจเป็
นปั
จจั
ยเรื่
องเวลาที่
มี
แค่
1 ภาค
เรี
ยน ไม่
สามารถทํ
าให้
เกิ
ดการเปลี่
ยนแปลงที่
ชั
ดเจน หรื
ออาจเป็
นมุ
มมองที่
นิ
สิ
ตคณะศึ
กษาศาสตร์
เป็
นเด็
กดี
มี
คุ
ณธรรม มี
บุ
คลิ
กภาพซึ
งถู
กปลู
กฝั
งโดยผ่
านกิ
จกรรมมาตั
งแต่
ก้
าวสู่
คณะศึ
กษาศาสตร์
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณจึ
งทํ
าให้
ไม่
เห็
นการเปลี่
ยนแปลงที่
ชั
ดเจนในระยะเวลาที่
ไม่
มาก
2.2 นิ
สิ
ตปริ
ญญาตรี
คณะศึ
กษาศาสตร์
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณมี
ความสามารถในการทํ
าสุ
นทรี
สนทนาหลั
งการใช้
รู
ปแบบการจั
ดการเรี
ยนรู
ตามแนวคิ
ดจิ
ตตปั
ญญาศึ
กษาทั
งภาพรวมและรายข้
ออยู่
ในระดั
บมาก
ที่
สุ
ด (
ݔ
= 4.75) ที่
เป็
นเช่
นนั
นเพราะ หั
วใจสํ
าคั
ญในการใช้
จิ
ตตปั
ญญาศึ
กษามี
กระบวนการหลั
กคื
อการเข้
าใจตนเอง
และเข้
าใจบุ
คคลอื่
นโดยผ่
านการพู
ดคุ
ยในเรื่
องที่
งดงาม
ดี
งาม
เป็
นเรื่
องสร้
างสรรค์
ทั
งตนเองและเพื่
อรอบข้
าง
รวมถึ
งสรรพสิ
งรอบตั
ว กิ
จกรรมดั
งกล่
าวนี
เรี
ยกว่
าสุ
นทรี
ยสนทนา ซึ
งในรู
ปแบบจิ
ตตปั
ญญาศึ
กษาที่
พั
ฒนาขึ
นนิ
สิ
ได้
ฝึ
กการทํ
าสุ
นทรี
ยสนทนาทุ
กครั
งที่
มี
การเรี
ยนการสอนทํ
าให้
เกิ
ดทั
กษะด้
าน ี
คะแนนจึ
งเพิ
มขึ
2.3 นิ
สิ
ตปริ
ญญาตรี
คณะศึ
กษาศาสตร์
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณมี
ความสามารถในการเขี
ยนบทความ
หลั
งการใช้
รู
ปแบบการจั
ดการเรี
ยนรู
ตามแนวคิ
ดจิ
ตตปั
ญญาศึ
กษาทั
งภาพรวมและรายข้
ออยู่
ในระดั
บมาก
(
ݔ
= 2.78) ที่
เป็
นเช่
นนี
เพราะกิ
จกรรมหลั
กของจิ
ตตปั
ญญาศึ
กษาคื
อการสะท้
อนคิ
ด (Reflective Thinking) การ
สะท้
อนคิ
ดในรู
ปแบบจิ
ตตปั
ญญาศึ
กษาเป็
นการสะท้
อนคิ
ดโดยการพู
ดและโดยการเขี
ยนออกมาเป็
นบทความใน
แนวจิ
ตตปั
ญญาศึ
กษาเรี
ยกว่
า Journal เป็
นการฝึ
กให้
นิ
สิ
ตได้
มี
กระบวนการคิ
ดและมี
การจั
ดระบบความคิ
ดออกมา
และคิ
ดเสี
ยงดั
ง (Think alound) ซึ
งในรู
ปแบบจิ
ตตปั
ญญาศึ
กษาที่
พั
ฒนาขึ
นนิ
สิ
ตได้
ฝึ
กการทํ
าสุ
นทรี
ยสนทนาทุ
ครั
งที่
มี
การเรี
ยนการสอนจึ
งทํ
าให้
มี
ทั
กษะการเขี
ยนบทความเพิ
มขึ
3. นิ
สิ
ตปริ
ญญาตรี
คณะศึ
กษาศาสตร์
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณมี
ความพึ
งพอใจต่
อรู
ปแบบการเรี
ยนรู
ตาม
แนวคิ
ดจิ
ตตปั
ญญาศึ
กษา ทั
งภาพรวมและรายข้
ออยู่
ในระดั
บมากที่
สุ
ด(
ݔ
=4
.
91
)
เนื่
องจาก Edu. Thaksin
Model ทั
ง7 ขั
นตอนเป็
นขั
นตอนการเรี
ยนรู
ที่
เน้
นให้
ผู
เรี
ยน เรี
ยนรู
โดยการสร้
างปั
ญญา สร้
างจิ
ตสํ
านึ
ก เน้
1...,742,743,744,745,746,747,748,749,750,751 753,754,755,756,757,758,759,760,761,762,...2023
Powered by FlippingBook