0
10
20
30
40
50
60
70
80
0
5
10
15
20
25
30
ทิ
ลี
นเกิ
ดยื
ดยาวอย
างต
อเนื่
อง ในขณะที่
ความเค
นเพิ่
มขึ้
นอย
างช
าๆ โดยไม
เกิ
ดการขาด และจะเห็
นได
ว
าสมบั
ติ
ของวั
สดุ
อั
ดซ
อนเป
นสมบั
ติ
ร
วมที่
เกิ
ดจากอะลู
มิ
เนี
ยมและพอลิ
เอทิ
ลี
น โดยวั
สดุ
อั
ดซ
อนมี
รู
ปแบบการตอบสนองต
อแรงดึ
งคล
าย
อะลู
มิ
เนี
ยม แต
ค
ามอดู
ลั
สของยั
งส
และความเค
นแรงดึ
งสู
งสุ
ดต่ํ
ากว
าโดยที่
ระยะยื
ดสู
งสุ
ดเพิ่
มมากกว
าเล็
กน
อย
ความเค
น (เมกกะพาสคั
ล)
ร
อยละความเครี
ยด
(%)
ภาพที่
5
ความสั
มพั
นธ
ระหว
างความเค
นและร
อยละความเครี
ยดของอะลู
มิ
เนี
ยม วั
สดุ
อั
ดซ
อน และพอลิ
เอทิ
ลี
น
ภาพที่
6 แสดงความเสี
ยหายที่
เกิ
ดขึ้
นในวั
สดุ
อั
ดซ
อน ซึ่
งรอยแยกเกิ
ดขึ้
นที่
วั
สดุ
ผิ
วอะลู
มิ
เนี
ยม โดยที่
ไม
ปรากฏ
การแตกหั
กของวั
สดุ
แกนพอลิ
เอทิ
ลี
นเนื่
องจากสมบั
ติ
ของพอลิ
เอทิ
ลี
นที่
มี
ความอ
อนเหนี
ยว เมื่
อวั
สดุ
อั
ดซ
อนได
รั
บแรง
กระทํ
าให
ยื
ดออกตามแรงดึ
ง
พอลิ
เอทิ
ลี
นซึ่
งมี
ระยะยื
ดสู
งสุ
ดสู
งกว
าโลหะอะลู
มิ
เนี
ยมมากจึ
งยื
ดตั
วได
ออกโดยไม
เกิ
ด
การแตกหั
ก การที่
พอลิ
เอทิ
ลี
นยื
ดดึ
งออกนี้
เปรี
ยบเหมื
อนสะพานเชื่
อมรอยแยก
(Crack Bridging) ที่
เกิ
ดขึ้
นที่
โลหะ
อะลู
มิ
เนี
ยม
อี
กทั้
งจะเห็
นได
ว
าไม
ปรากฏการแตกแยกระหว
างชั้
นของโลหะอะลู
มิ
เนี
ยมและพอลิ
เอทิ
ลี
น
แสดงถึ
ง
ความสามารถในการยึ
ดติ
ดที่
ดี
ระหว
างวั
สดุ
ผิ
วและวั
สดุ
แกน
ภาพที่
6
การเกิ
ดสะพานเชื่
อมรอยแยกในวั
สดุ
อั
ดซ
อน
ในการศึ
กษาความสามารถในการทนแรงเฉื
อนของวั
สดุ
อั
ดซ
อน การเปลี่
ยนแปลงของวั
สดุ
ที่
ยื
ดออกตามแนว
แรงไม
ได
เกิ
ดขึ้
นที่
บริ
เวณรอยผนึ
กระหว
างโลหะอะลู
มิ
เนี
ยมและพอลิ
เอทิ
ลี
น แต
ส
วนที่
เป
นพอลิ
เอทิ
ลี
นเกิ
ดการยื
ดตั
ว
ออกและยื
ดออกเรื่
อยๆ หลั
งจากการเกิ
ดคอคอด แสดงถึ
งความสามารถในทนแรงเฉื
อนระหว
างผิ
ววั
สดุ
ที่
มี
ค
ามากกว
า
ความสามารถในการทนแรงดึ
งของพอลิ
เอทิ
ลี
น จึ
งทํ
าให
พอลิ
เอทิ
ลี
นยื
ดยาวออกโดยไม
เกิ
ดการเฉื
อนระหว
างวั
สดุ
สอง
ชนิ
ด ความสามารถในการทนแรงดั
ดโค
งถู
กศึ
กษา มอดู
ลั
สความโค
งงอของวั
สดุ
อั
ดซ
อนเป
น 34.5 จิ
กะพาสคั
ล โดยไม
เกิ
ดการแตกแยกระหว
างผิ
ววั
สดุ
เป
นการยื
นยั
นความสามารถในการยึ
ดติ
ดระหว
างวั
สดุ
ที่
อั
ดซ
อนอี
กครั้
งหนึ่
ง
อะลู
มิ
เนี
ยม
วั
สดุ
อั
ดซ
อน
พอลิ
เอทิ
ลี
น