5
ติ
ดตามในผู
ป
วยเอชไอวี
ผลพบว
า ภายหลั
งเข
าร
วมโปรแกรมการเสริ
มสร
างพลั
งอํ
านาจ กลุ
มตั
วอย
างมี
ค
าคะแนนเฉลี่
ยการ
ปฏิ
บั
ติ
ตั
วด
านสุ
ขภาพตั้
งแต
วั
นแรกถึ
งสั
ปดาห
ที่
8 แตกต
างกั
นอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
(p < .001)
2. การเปรี
ยบเที
ยบพฤติ
กรรมการป
องกั
นการคลอดก
อนกํ
าหนดในหญิ
งตั้
งครรภ
วั
ยรุ
นมุ
สลิ
มระหว
างกลุ
มที่
ได
รั
บ
โปรแกรมการเสริ
มสร
างพลั
งอํ
านาจกั
บกลุ
มที่
ได
รั
บการพยาบาลตามปกติ
พบว
า หญิ
งตั้
งครรภ
วั
ยรุ
นมุ
สลิ
มกลุ
มทดลองที่
ได
รั
บโปรแกรมการเสริ
มสร
างพลั
งอํ
านาจมี
พฤติ
กรรมการป
องกั
นการคลอดก
อนกํ
าหนดสู
งกว
ากลุ
มที่
ได
รั
บการพยาบาล
ตามปกติ
อย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
(p < .001) ซึ่
งสามารถอธิ
บายเหตุ
ผลของคะแนนความแตกต
างระหว
างพฤติ
กรรมในกลุ
ม
ที่
ได
รั
บโปรแกรมการเสริ
มสร
างพลั
งอํ
านาจกั
บกลุ
มที่
ได
รั
บการพยาบาลตามปกติ
4 ประการ ดั
งนี้
ประการที่
1 เมื่
อพิ
จารณาหญิ
งตั้
งครรภ
วั
ยรุ
นมุ
สลิ
มในกลุ
มที่
ได
รั
บโปรแกรมการเสริ
มสร
างพลั
งอํ
านาจที่
ประยุ
กต
กรอบแนวคิ
ดของกิ
บสั
น (1993) มาใช
ตลอดระยะเวลา 9 สั
ปดาห
อาจจะมี
ผลต
อการเพิ่
มความรู
และความเข
าใจ จนทํ
าให
มี
การเปลี่
ยนแปลงพฤติ
กรรมในทุ
ก ๆ ด
านได
แก
ด
านโภชนาการและยา ด
านการรั
บผิ
ดชอบต
อสุ
ขภาพ ด
านกิ
จกรรม
ประจํ
าวั
นและการพั
กผ
อน และด
านจั
ดการความเครี
ยด ประการที่
2 โปรแกรมการเสริ
มสร
างพลั
งอํ
านาจที่
ใช
ในการศึ
กษา
ครั้
งนี้
มี
กิ
จกรรมหลากหลายที่
ประกอบด
วยวิ
ธี
การเป
นรายกลุ
มและรายบุ
คคล โดยจั
ดกลุ
มละประมาณ 3-4 คน ใช
เวลา 50-60
นาที
จํ
านวน 4 ครั้
ง ดั
งมี
หลั
กฐานเชิ
งประจั
กษ
ในการทํ
ากิ
จกรรมรายกลุ
มของผู
ติ
ดเชื้
อเอชไอวี
ที่
ใช
ยาต
านไวรั
ส และการ
ป
องกั
นโรคเอดส
ในนั
กเรี
ยนมั
ธยมศึ
กษา พบว
า การให
คํ
าปรึ
กษากลุ
มทํ
าให
พฤติ
กรรมการดู
แลตนเองของผู
ติ
ดเชื้
อเอชไอวี
ที่
ใช
ยาต
านไวรั
สเอดส
และนั
กเรี
ยนมั
ธยมศึ
กษามี
การรั
บรู
ความรุ
นแรงของโรค และความตั้
งใจในการปฏิ
บั
ติ
ตนป
องกั
นโรค
เอดส
เพิ่
มขึ้
นกว
ากลุ
มที่
ไม
ได
รั
บคํ
าปรึ
กษากลุ
มอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
0.05 (เฉลิ
มศรี
, 2547; ชั
ยนั
นต
, ณั
ฐจาพร, และอมร
, 2553) ประการที่
3 โปรแกรมการเสริ
มสร
างพลั
งอํ
านาจที่
จั
ดให
แก
หญิ
งตั้
งครรภ
วั
ยรุ
นมุ
สลิ
มครั้
งนี้
มี
การนํ
าสามี
มาเข
าร
วม
กิ
จกรรมกั
บหญิ
งตั้
งครรภ
ตลอดระยะเวลา 9 สั
ปดาห
ซึ่
งการนํ
าสามี
เข
ามาร
วมดั
งกล
าวย
อมเท
ากั
บเป
นการให
กํ
าลั
งใจ ช
วย
เสนอความคิ
ดเห็
น และช
วยกระตุ
นหญิ
งตั้
งครรภ
ให
มี
พฤติ
กรรมการป
องกั
นการคลอดก
อนกํ
าหนดอย
างเหมะสม ดั
งมี
หลั
กฐานเชิ
งประจั
กษ
ที่
ศึ
กษาในหญิ
งตั้
งครรภ
ของภาคกลาง กล
าวว
า คู
สมรสเป
นแหล
งสนั
บสนุ
นทางสั
งคมที่
สํ
าคั
ญที่
สุ
ด
เพราะเป
นบุ
คคลที่
มี
ความใกล
ชิ
ดสนิ
ทสนมและเป
นที่
ไว
วางใจของหญิ
งตั้
งครรภ
(รั
ศมี
, นิ
ศากร, และรุ
งทิ
พย
, 2549) และ
ประการที่
4 คู
มื
อเรื่
องพฤติ
กรรมการป
องกั
นการคลอดก
อนกํ
าหนดที่
เนื้
อหาเฉพาะเจาะจงให
หญิ
งตั้
งครรภ
วั
ยรุ
นมุ
สลิ
มกลุ
ม
ทดลองได
อ
านและทํ
าความเข
าใจขณะมาฝากครรภ
พร
อมนํ
ากลั
บไปศึ
กษารายละเอี
ยดเพิ่
มเติ
มที่
บ
าน สอดคล
องการศึ
กษา
การนํ
าคู
มื
อมาใช
ในโปรแกรม เช
น คู
มื
อการปฏิ
บั
ติ
ตั
วด
านสุ
ขภาพของผู
ป
วยที่
ได
รั
บยาต
านไวรั
สเอดส
คู
มื
อการรั
บประทาน
ยาต
านไวรั
สเอดส
คู
มื
อการดู
แลทารกคลอดก
อนกํ
าหนด คู
มื
อโปรแกรมส
งเสริ
มความผู
กพั
นในระยะตั้
งครรภ
และคู
มื
อการ
ดู
แลแบบแกงการู
(จุ
ฬา, 2550; ฐาณิ
ชญาณ
, 2552; เนตรนภา, 2551; มณิ
สรา, 2551; รั
ชนี
, 2550) พบว
า กลุ
มทดลองมี
ผลรวม
ของคะแนนการดู
แลตนเองสู
งกว
าในกลุ
มควบคุ
มอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ 0.05 ซึ่
งจากผลที่
ได
แสดงให
เห็
นว
า การ
นํ
าคู
มื
อมาเป
นส
วนประกอบในการปฏิ
บั
ติ
ตั
วจะทํ
าให
กลุ
มตั
วอย
างมี
การปฏิ
บั
ติ
ตั
วได
ดี
ยิ่
งขึ้
น