การประชุมวิชาการและผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 17 2550 - page 12

4
ในประเทศไทย ทั้
งนี้
เพราะหลั
กการนั้
นไม
เหมาะสมกั
บจิ
ตลั
กษณะและ/หรื
อพฤติ
กรรม (5) แม
แต
โครงการพั
ฒนาแบบ R&D ที่
ปรั
บปรุ
งโครงการพั
ฒนาไปเรื่
อยๆ จนกว
าจะถึ
งจุ
ดที่
ให
ผลมากตาม
คาดหมายได
ก็
ยั
งเป
นการใช
ความรู
ทางวิ
ชาการที่
ทั
นสมั
ย น
อยเกิ
นไป
ที่
กล
าวมาทั้
งห
าประการนี้
โดยสรุ
ปแล
วก็
คื
อความล
มเหลวของการพั
ฒนา ที่
เกิ
ดจากการที่
นั
กพั
ฒนาไม
ขวนขวายหาความรู
ทางวิ
ชาการ ที่
เป
นทฤษฎี
และผลการวิ
จั
ย บ
อยครั้
งจะต
อง
ทํ
าการศึ
กษาวิ
จั
ยด
วยตนเอง เพื่
อตอบคํ
าถามที่
จํ
าเป
นต
อการจั
ดการพั
ฒนาที่
มี
ประสิ
ทธิ
ภาพสู
งก
อนที่
จะเริ่
มการพั
ฒนานั้
การใช
การวิ
จั
ยนํ
าการพั
ฒนาบุ
คคลและกลุ
มคน
ในอดี
ตนั้
นนั
กพั
ฒนามั
กไม
ได
ใช
วิ
ชาการ ซึ่
งก็
คื
อ ทฤษฎี
ร
วมกั
บ ผลการวิ
จั
ยต
างๆ ที่
เมื่
นํ
ามารวมกั
นแล
ว จะกลายเป
นองค
ความรู
ที่
มี
ประโยชน
ทั้
งนี้
เป
นเพราะในอดี
ตนั้
น วิ
ธี
การบางแขนง
ยั
งเพิ่
งเริ่
มต
นและมี
ปริ
มาณน
อย มี
คุ
ณภาพต่ํ
า ยั
งไม
สมควรที่
จะนํ
าไปใช
แต
ในป
จจุ
บั
นวิ
ชาการแขนง
ต
างๆ ได
เติ
บโตอย
างรวดเร็
ว จนมี
ผู
กล
าวว
า ทุ
กๆ สี่
ป
องค
ความรู
บางด
านจะเพิ่
มขึ้
นหนึ่
งเท
าตั
วของที่
มี
อยู
เดิ
ม ส
วนในสาขาพฤติ
กรรมศาสตร
ที่
มี
จิ
ตวิ
ทยาเป
นหลั
ก และสาขาวิ
ชาอื่
นๆ มาร
วมกั
นใน
ประเด็
นความรู
เกี่
ยวกั
บพฤติ
กรรมมนุ
ษย
ด
านหนึ่
งๆ นั้
น เป
นสาขาวิ
ชาที่
เป
นสหวิ
ชาการ และเกิ
ดมา
ได
ไม
ถึ
งร
อยป
โดยเริ่
มในสหรั
ฐอเมริ
กา (Berelson, 1968) แล
วแผ
ขยายไปทั่
วโลกอย
างรวดเร็
ว ใน
ประเทศไทยของเราก็
มี
นั
กศึ
กษาศาสตร
และนั
กสั
งคมศาสตร
ที
ริ
เริ
มสาขาพฤติ
กรรมศาสตร
ขึ
หลั
งจากที่
ปรากฏในสหรั
ฐอเมริ
กาไม
นาน (Bhanthumnavin, 1990 pp.341-342 และ ดวงเดื
อน
พั
นธุ
มนาวิ
น 2544) โดยในระยะแรก ได
เริ่
มที่
สถาบั
นระหว
างชาติ
สํ
าหรั
บการค
นคว
าเรื่
องเด็
ก ซึ่
เป
นหน
วยงานวิ
จั
ยที่
เป
นความร
วมมื
อระหว
างรั
ฐบาลไทย กั
บ UNESCO ต
อมาได
ขยายเป
นหลั
กสู
ตร
การเรี
ยนการสอนในระดั
บอุ
ดมศึ
กษาขั้
นสู
ง ต
อมาสาขาพฤติ
กรรมศาสตร
ได
ถื
อกํ
าเนิ
ดในหน
วย
งานวิ
จั
ยและโดยเฉพาะมหาวิ
ทยาลั
ยอี
กหลายแห
ง นอกจากนั้
นสาขาพฤติ
กรรมศาสตร
ในประเทศ
ไทย ได
ขยายเข
าไปในหลั
กสู
ตรวิ
ชาชี
พที่
สํ
าคั
ญๆ ต
างๆ โดยเฉพาะทางด
านสาธารณสุ
ในป
จจุ
บั
น (พ.ศ.2546) นั
กพั
ฒนาบุ
คคลและกลุ
มควรตระหนั
กว
า ความรู
ทางวิ
ชาการที่
ได
มี
การวิ
จั
ยสะสมกั
นมา โดยเฉพาะทางด
านจิ
ตพฤติ
กรรมศาสตร
ในประเทศไทย และในสากลนั้
นมี
มาก
พอ และน
าเชื่
อถื
อโดยเฉพาะในความรู
เกี่
ยวกั
บสาเหตุ
ต
างๆ ของการที่
บุ
คคลจะมี
จิ
ตใจและ
พฤติ
กรรมของคนดี
คนเก
ง และมี
สุ
ข ดั
งนั้
นการพั
ฒนาในยุ
คป
จจุ
บั
น และต
อไปในอนาคต จึ
งควร
นํ
าความรู
จากการวิ
จั
ยที่
น
าเชื่
อถื
อทางจิ
ตพฤติ
กรรมศาสตร
เหล
านี้
มาใช
ให
เต็
มที่
เพื่
อประกั
ความสํ
าเร็
จของโครงการพั
ฒนา
การพั
ฒนาบุ
คคล และ กลุ
มคน หมายความถึ
ง กิ
จกรรม 3 ประเภท คื
อ การเสริ
มสร
าง การ
ป
องกั
น และการแก
ไข ในอดี
ตประเทศไทยรู
จั
กแก
ไข มากกว
ากิ
จกรรมอี
ก 2 ประเภท
การแก
ไข
คื
1...,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11 13,14,15,16,17,18,19,20,21,22,...702
Powered by FlippingBook