5
การลดหรื
อขจั
ดสิ่
งที่
ไม
น
าปรารถนาที่
เกิ
ดกั
บบุ
คคล กลุ
ม หรื
อสั
งคม เช
น ความยากจน ความ
เจ็
บป
วย การขาดความรู
ขาดความสามารถ ตลอดจนการกระทํ
าผิ
ดทางด
านกฎหมาย และ/หรื
อ ผิ
ด
ศี
ลธรรมสั
งคมไทยในอดี
ตมี
การแก
ไขป
ญหาเหล
านี้
เช
น การบริ
จาคเงิ
นหรื
อสิ่
งของแก
คนจน การ
รั
กษาคนป
วยไข
การลงโทษคนทํ
าผิ
ดด
วยวิ
ธี
การต
างๆ เป
นต
น แต
การแก
ไขมั
กทํ
าในคนที่
มี
ป
ญหาไป
แล
วเป
นการแก
ที่
ปลายเหตุ
ไม
ได
จั
ดการที่
ต
นเหตุ
จึ
งมั
กพบว
าสิ่
งที่
ไม
น
าปรารถนาเหล
านี้
แม
จะลดลง
หรื
อหมดไป แต
ในไม
ช
าก็
จะกลั
บมาอี
ก ทํ
าให
เกิ
ดป
ญหาเดิ
มซ้ํ
าซากในบุ
คคล กลุ
ม หรื
อสั
งคมนั้
นๆ
อี
กต
อๆ ไป การแก
ไขนี้
ในช
วงแรกอาจจั
ดการกั
บคนส
วนน
อย เฉพาะที่
มี
ป
ญหาเท
านั้
น แต
ต
อมาถ
า
แก
ไขไม
ได
ผลป
ญหาจะขยายตั
วไปยั
งคนอื่
นๆ หรื
อกลุ
มคนประเภทอื่
นๆ ได
มาก ในที่
สุ
ดผู
มี
ป
ญหา
จะกลายเป
นคนส
วนใหญ
ของสั
งคม ซึ่
งจะนํ
าไปสู
จุ
ดของความหายนะได
โดยง
าย
ในป
จจุ
บั
นสั
งคมไทยรู
จั
กกิ
จกรรมสํ
าคั
ญอี
กสองประเภท คื
อ การเสริ
มสร
าง และการ
ป
องกั
น ซึ่
งเป
นหน
าที่
โดยตรงของนั
กพั
ฒนาสั
งคม
การเสริ
มสร
าง
หมายถึ
ง การเพิ่
มปริ
มาณของสิ่
ง
ที่
น
าปรารถนาของบุ
คคลและ/หรื
อของสั
งคม แล
วอนุ
รั
กษ
สิ่
งที่
น
าปรารถนานั้
นไว
ให
อยู
ยื
นนานใน
ปริ
มาณตามต
องการ เช
น การมี
สุ
ขภาพแข็
งแรง การมี
จริ
ยธรรมสู
ง การปรั
บตั
วในงาน การ
สร
างสรรค
ครอบครั
ว หน
วยงาน และสั
งคม เป
นต
น ผลดั
งกล
าวจะเกิ
ดได
ก็
ต
อเมื่
อนั
กพั
ฒนา
จั
ดการที่
สาเหตุ
ต
างๆ
ของผลที่
น
าปรารถนานี
้
ดั
งนั้
นนั
กพั
ฒนาจึ
งจํ
าเป
นต
องรู
ว
าสาเหตุ
ต
างๆ ที่
สํ
าคั
ญ ของผล
หนึ่
งๆ คื
ออะไรบ
าง การจะรู
ว
าอะไรคื
อสาเหตุ
ของผลหนึ่
งๆ จะทํ
าได
อย
างน
ามั่
นใจได
มากด
วยการ
ทํ
าการศึ
กษาวิ
จั
ย เพื่
อพิ
สู
จน
ความจริ
งเกี่
ยวกั
บสาเหตุ
กั
บผล เมื่
อนั
กพั
ฒนาทราบสาเหตุ
ที่
แน
นอน จะ
สามารถหาทางจั
ดการเพิ่
มปริ
มาณของสาเหตุ
นั้
นๆ หลายสาเหตุ
อย
างครบถ
วน ก็
จะทํ
าให
เกิ
ดการ
เพิ่
มผลที่
เกี่
ยวข
องได
ตามปรารถนา
ส
วน
การป
องกั
น
หมายถึ
ง การลด หรื
อขจั
ดสิ่
ง หรื
อสภาพ หรื
อผลที่
ไม
น
าปรารถนา ที่
เกิ
ด
แก
บุ
คคล แก
กลุ
ม หรื
อแก
สั
งคม เช
น ความโง
จน เจ็
บ การมี
จริ
ยธรรมเสื่
อม การซื้
อสิ
ทธิ์
ขายเสี
ยง
ทางการเมื
อง การเล
นการพนั
น การทะเลาะวิ
วาททํ
าร
ายกั
นระหว
างวั
ยรุ
นต
างสถาบั
น เป
นต
น ในการ
จั
ดการเพื่
อป
องกั
นเหตุ
ร
าย หรื
อผลเสี
ยนั้
น ต
องลดหรื
อเปลี่
ยนสาเหตุ
ต
างๆ ที่
เกี่
ยวข
อง จะทํ
าให
ผลเสี
ยลดลง หรื
อทํ
าให
ผลเสี
ยมี
ลั
กษณะที่
เปลี่
ยนไป การป
องกั
นนี้
นั
กพั
ฒนาจะต
องจั
ดการกั
บบุ
คคล
หรื
อกลุ
มคน ที่
มี
ลั
กษณะเป
นกลุ
มเสี่
ยง ก
อนที่
ผลเสี
ยจะเกิ
ดขึ้
น การป
องกั
นในสั
งคมไทยนั้
น มั
กไม
ได
ผล เพราะนั
กพั
ฒนาไม
ได
จั
ดการลดหรื
อเปลี่
ยนที่
สาเหตุ
สํ
าคั
ญต
างๆ ที่
เกี่
ยวข
อง เพราะนั
กพั
ฒนา
ไม
ทราบสาเหตุ
ที่
แท
จริ
งของผลที่
ตนต
องการขจั
ด นั
กพั
ฒนาไม
ได
ใช
ความรู
ที่
ได
จากงานวิ
จั
ยที่
ทํ
า
การพิ
สู
จน
สาเหตุ
ต
างๆ ของผลหนึ่
งๆ นั่
นเอง แต
นั
กวิ
จั
ยกลั
บไปใช
วิ
ธี
การเดา การลองผิ
ดลองถู
ก
หรื
อการทํ
าตามๆ กั
นมา ดั
งได
กล
าวไปแล
วในตอนต
นของบทความนี้
จึ
งทํ
าให
เกิ
ดความล
มเหลวใน
การพั
ฒนาเป
นส
วนใหญ