การประชุมวิชาการและผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 17 2550 - page 22

14
และการพั
ฒนาโครงการวิ
จั
ย โดยฝ
ายบริ
หารโครงการวิ
จั
ยแม
บทฯ การวิ
จั
ยดั
งกล
าวได
ดํ
าเนิ
นการจน
แล
วเสร็
จเป
นรุ
นแรกจํ
านวน 9 เรื่
อง ทุ
กเรื่
องมี
คุ
ณสมบั
ติ
ทางด
านเนื้
อหาวิ
ชาการ และวิ
ธี
การวิ
จั
ยที่
เข
มาตรฐานตามที่
ได
กล
าวมาแล
วในบทความนี้
ทํ
าให
สามารถเพิ่
มเติ
มองค
ความรู
ทางจิ
ตพฤติ
กรรม
ศาสตร
แก
วงวิ
ชาการในประเทศไทยได
หลายด
าน ให
ผลผลิ
ตต
างๆจากการวิ
จั
ยเหล
านี้
อย
างมี
คุ
ณภาพ และมาตรฐานสู
ง ทํ
าให
นั
กพั
ฒนาและนั
กวิ
จั
ยด
วยกั
นยอมรั
บ และสามารถนํ
าไปประยุ
กต
ใช
ในการพั
ฒนาคนไทย ให
เป
นคนดี
เก
ง และมี
สุ
ขได
อย
างมั่
นใจ และประกั
นความสํ
าเร็
จของการ
พั
ฒนาบุ
คคล และกลุ
มคนในด
านต
างๆ ได
อย
างอเนกอนั
นต
ในป
จจุ
บั
น และต
อๆไปในอนาคผลผลิ
จากการวิ
จั
ยรุ
นแรกจะได
กล
าวในหั
วข
อดั
งต
อไปนี้
ผลผลิ
ตจากการวิ
จั
ยระบบพฤติ
กรรมไทย
เพื่
อการพั
ฒนาบุ
คคลและสั
งคม
รายงานการวิ
จั
ยที่
ได
รั
บทุ
นวิ
จั
ยระบบพฤติ
กรรมไทยซึ่
งแล
วเสร็
จ และนั
กวิ
จั
ยได
เขี
ยน
รายงานการวิ
จั
ยเต็
มรู
ปฉบั
บสมบู
รณ
และรายงานการวิ
จั
ยฉบั
บลงวารสารวิ
ชาการ เพื่
อการเผยแพร
นั
นมี
อยู
9
เรื
อง ด
วยกั
น โดยอยู
ในกลุ
มพฤติ
กรรมครอบครั
ว 3
เรื
อง พฤติ
กรรมจริ
ยธรรมใน
สถานศึ
กษา 3 เรื่
อง และพฤติ
กรรมในหน
วยงานอี
ก 3 เรื่
อง ผลการวิ
จั
ยในแต
ละเรื่
องใน 9 เรื่
องนี้
ต
างก็
มี
ความหลากหลายสลั
บซั
บซ
อนมาก ต
องมี
การสรุ
ปผลวิ
จั
ยหลายขั้
นตอน จนลงมาเป
นผลวิ
จั
ยที่
ตกผลึ
ก เหมาะสมกั
บการนํ
าไปใช
ประโยชน
อย
างกว
างขวาง และอาจมั่
นใจในความถู
กต
องตามความ
จริ
งได
มาก
ท
านผู
รั
บทราบผลงานวิ
จั
ยบางท
านอาจจะนึ
กว
าข
อสรุ
ปบางส
วนหรื
อส
วนใหญ
ของงานวิ
จั
เรื่
องใดเรื่
องหนึ่
ง หรื
อหลายเรื่
องที่
นํ
าเสนอนี้
เป
นข
อสรุ
ปที่
ไม
น
าเชื่
อถื
อ ไม
แน
ใจว
าจะเป
นการพบ
ความจริ
งที่
น
ามั่
นใจได
เพี
ยงใด การปฏิ
เสธที่
จะยอมรั
บผลวิ
จั
ยใดๆ หรื
อตั
ดสิ
นว
าเป
นเท็
จนั้
น ผู
กล
าว
หรื
อผู
ตั
ดสิ
นจะต
องหาหลั
กฐานมาแสดงว
างานวิ
จั
ยนั้
นๆ ไม
ได
ยึ
ดหลั
กวิ
ทยาศาสตร
ที่
สํ
าคั
ญหรื
นั
กวิ
จั
ยได
บิ
ดเบื
อน หลั
กหรื
อวิ
ธี
การทางวิ
ทยาศาสตร
ข
อใดข
อหนึ่
งหรื
อหลายข
อที่
นํ
ามาใช
หรื
นั
กวิ
จั
ยคนใดใช
วิ
ธี
การทางวิ
ทยาศาสตร
ต
างๆ ที่
ได
กล
าวไปแล
วอย
างไม
เคร
งครั
ด แต
มี
ความ
หละหลวม จนข
อมู
ลที่
ได
มี
ความเท็
จมาปะปนมาก การกล
าวเพี
ยงว
าตนไม
เชื่
อถื
อในผลวิ
จั
ยเรื่
องนั้
เรื
องนี
อย
างลอยๆ เป
นเพี
ยงความคิ
ดเห็
นหรื
อการแสดงอคติ
ส
วนตั
ว ที
นั
กวิ
ชาการและผู
มี
ป
ญญา
ทั
งหลายจะไม
รั
บฟ
งและไม
สนั
บสนุ
นความคิ
ดเช
นนั้
นเป
นอั
นขาด ดั
งนั้
นบุ
คคลจะโจมตี
ผลวิ
จั
ไม
ได
เขาจะต
องโจมตี
วิ
ธี
การวั
ด วิ
ธี
การวิ
จั
ย และ/หรื
อการวิ
เคราะห
ข
อมู
ล การสรุ
ปผลจากข
อมู
เท
านั้
นจึ
งจะเป
นการกระทํ
าที่
ถู
กต
อง ขอให
ท
านผู
อ
านเข
าใจและปฏิ
บั
ติ
ตามนี้
ด
วย จึ
งจะเป
นการ
กระทํ
าที่
สร
างสรรค
1...,12,13,14,15,16,17,18,19,20,21 23,24,26-27,28-29,30-31,32,33,34,35,36,...702
Powered by FlippingBook