2
1. บทนา
พลั
งงานลมเป็
นพลั
งงานทางเลื
อกชนิ
ดหนึ
่
งที่
มี
ศั
กยภาพค่
อนข้
างสู
งในประเทศไทย และได้
มี
การศึ
กษาเพื่
อหา
พื
้
นที่
ที่
เหมาะสมทั
้
งด้
านศั
กยภาพพลั
งงาน ความเหมาะสมของสภาพพื
้
นที่
รวมถึ
งความคุ
้
มค่
าในการลงทุ
น ทั
้
งนี
้
พบว่
า
พื
้
นที่
ที่
มี
ความเหมาะสมจะอยู่
ในบริ
เวณชายฝั่
งอ่
าวไทยและฝั่
งอั
นดามั
นทางภาคใต้
ของประเทศไทย รวมถึ
งในพื
้
นที่
สู
ง
และหุ
บเขาของภาคเหนื
อของประเทศไทย โดยพบว่
าในเขตชายฝั่
งทะเลจั
งหวั
ดนครศรี
ธรรมราช มี
ศั
กยภาพในการผลิ
ต
ไฟฟ้
าจากพลั
งงานลมอยู่
ในช่
วง 4.5 – 86 GWh/year มี
ต้
นทุ
นในการผลิ
ตไฟฟ้
าเท่
ากั
บ 1 – 11 Bath/kWh [1] และในพื
้
นที่
ฝั่
งอั
นดามั
นพบว่
ามี
ต้
นทุ
นในการผลิ
ตไฟฟ้
าจากพลั
งงานลมเท่
ากั
บ 1.33 - 4.22 Bath/kWh [2] ส่
วนในพื
้
นที่
ภาคเหนื
อ
เช่
น จั
งหวั
ดเชี
ยงใหม่
มี
ค่
าพลั
งงานลมเฉลี่
ยเท่
ากั
บ 128.95 W/m
2
[3]
รู
ปที่
1 กั
งหั
นลมผลิ
ตไฟฟ้
า ณ อ่
างพั
กน
้
าตอนบนโรงไฟฟ้
าลาตะคองชลภาวั
ฒนา [4]
การใช้
ประโยชน์
จากพลั
งงานในรู
ปของพลั
งงานไฟฟ้
าของประเทศไทย เริ่
มโดย
การไฟฟ้
าฝ่
ายผลิ
ตแห่
ง
ประเทศไทย ณ แหลมพรหมเทพ
จั
งหวั
ดภู
เก็
ต
ในปี
พ.ศ.
2526 ซึ
่
งเป็
นบริ
เวณที่
มี
ความเร็
วลมเฉลี่
ยตลอดปี
ประมาณ 5
m/s โดยใช้
ชื่
อว่
าสถานี
พลั
งงานทดแทนพรหมเทพ โดยตั
้
งอยู่
ทางทิ
ศเหนื
อของแหลมพรหมเทพ ประมาณ 1 km โดยมี
การพั
ฒนาอย่
างต่
อเนื่
อง ซึ
่
งในปั
จจุ
บั
นสามารถผลิ
ตไฟฟ้
าเข้
าสู่
ระบบสายส่
งไฟฟ้
าได้
รวมทั
้
งสิ
้
น
170 kW
[4] ส่
วนกั
งหั
น
ลมที่
มี
กาลั
งการผลิ
ตสู
งที่
สุ
ดของประเทศไทย คื
อกั
งหั
นลมที่
ติ
ดตั
้
ง ณ อ่
างพั
กน
้
าตอนบนโรงไฟฟ้
า ลาตะคองชลภาวั
ฒนา
ตาบลคลองไผ่
อาเภอสี
คิ
้
ว จั
งหวั
ดนครราชสี
มา โดยมี
กาลั
งการผลิ
ตรวม 2,500 กิ
โลวั
ตต์
ดั
งแสดงในรู
ปที่
1 [4]
เกื
อบ 100% ของกั
งหั
นลมที่
ใช้
ในการผลิ
ตไฟฟ้
าในประเทศไทยเป็
นกั
งหั
นลมที่
ต้
องนาเข้
ามาจากต่
างประเทศ
ซึ
่
งโดยทั่
วไปกั
งหั
นลมสามารถแบ่
งตามลั
กษณะของแกนได้
2 ชนิ
ด คื
อ กั
งหั
นลมแบบแกนนอน (Horizontal Axis Wind
Turbine) และแบบแกนตั
้
ง (Vertical Axis Wind Turbine) สาหรั
บการพั
ฒนากั
งหั
นลมในประเทศ ที่
เป็
นการออกแบบ
สร้
าง และพั
ฒนาได้
มี
การดาเนิ
นงานภายในประเทศอย่
างต่
อเนื่
องนั
้
นพบว่
ายั
งมี
ปริ
มาณน้
อย ซึ
่
งพบว่
าในปี
2520 [5] ได้
มี
การทดสอบกั
งหั
นแกนตั
้
งแบบ Savonious แบบ Hybrid และแบบ Savonious ดั
ดแปลง โดยพบว่
าแบบ Savonious เป็
น
กั
งหั
นลมที่
สร้
างง่
าย มี
ประสิ
ทธิ
ภาพสู
ง แต่
ไม่
สามารถควบคุ
มความเร็
วรอบได้
ส่
วนแบบ Savonious ดั
ดแปลงสามารถ
ควบคุ
มความเร็
วรอบได้
แต่
มี
ความยุ่
งยากในการสร้
าง ในปี
2525 ได้
มี
การออกแบบ สร้
าง พั
ฒนากั
งหั
นลมสาหรั
บผลิ
ต
ไฟฟ้
าขนาดเล็
ก โดยมหาวิ
ทยาลั
ยสงขลานคริ
นทร์
[6] ซึ
่
งมี
ทั
้
งกั
งหั
นแบบแกนตั
้
งและกั
งหั
นแบบแกนนอน โดยพบว่
า
กั
งหั
นสามารถทางานได้
เหมาะสาหรั
บการใช้
งานที่
ความเร็
วลมค่
อนข้
างสู
ง และสามารถใช้
งานในการผลิ
ตไฟฟ้
าได้
การศึ
กษาปั
จจั
ยต่
างๆ ของกั
งหั
นลมต่
อประสิ
ทธิ
ภาพการทางานนั
้
นมี
ความสาคั
ญในการพั
ฒนากั
งหั
นลมของ
ประเทศไทย ดั
งนั
้
นงานวิ
จั
ยนี
้
จึ
งมี
วั
ตถุ
ประสงค์
เพื่
อทาการศึ
กษาอิ
ทธิ
พลของตาแหน่
งหนาสุ
ดของส่
วนโค้
งของใบพั
ด