2
Î
µ
แบคเทอริ
โอซิ
นหมายถึ
งเปปไทด์
หรื
อโปรตี
นที่
สั
งเคราะห์
จากไรโบโซมและมี
ฤทธิ
์
ในการยั
บยั
้
งแบคที
เรี
ยซึ
่
งมี
ความแตกต่
างจากสารปฏิ
ชี
วนะ (antibiotics) คื
อมี
ฤทธิ
์
ในการยั
บยั
้
งแคบและเป็
นพิ
ษกั
บแบคที
เรี
ยที่
มี
สกุ
ลใกล้
เคี
ยงกั
น
โดยพบว่
าแบคเทอริ
โอซิ
นสามารถสร้
างได้
จากแบคที
เรี
ยกลุ
่
มแกรมลบและแกรมบวก (อรอนงค์
พริ
้
งศุ
ลกะ, 2550) พบ
แบคเทอริ
โอซิ
นตั
วแรกมี
ว่
าชื่
อโคลิ
ซิ
น (colicin) ที่
ผลิ
ตจาก
Escherichia coli
เป็
นโปรตี
นที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ในการฆ่
า
แบคที
เรี
ย
E. coli
และแบคที
เรี
ยวงศ์
Enterobactericeae โดย Gratia ในปี
คศ. 1925 (Konisky, 1982) แต่
แบคเทอริ
โอซิ
นที่
สร้
างจากแบคที
เรี
ยแลคติ
คเป็
นที่
ได้
รั
บความสนใจมากที่
สุ
ด เนื่
องจากแบคที
เรี
ยแลคติ
คได้
รั
บการยอมรั
บว่
าเป็
นแบคที
เรี
ย
ที่
ปลอดภั
ยและมั
กใช้
ในอาหารหมั
กและถนอมอาหารซึ
่
งอาจหมั
กตามธรรมชาติ
โดยใช้
แบคที
เรี
ยแลคติ
คที่
มี
อยู
่
ในวั
ตถุ
ดิ
บ
หรื
ออาจเติ
มแบคที
เรี
ยแลคติ
คในรู
ปเชื
้
อตั
้
งต้
นลงในอาหารภายใต้
สภาวะควบคุ
มโดยตั
วอย่
างจี
นั
สที่
ใช้
เป็
นเชื
้
อตั
้
งต้
นใน
กระบวนการหมั
กผลิ
ตภั
ณฑ์
นม เนื
้
อ และผั
ก ได้
แก่
Lactococcus, Streptococcus, Pediococcus, Leuconostoc,
Lactobacillus
และ
Carnobacterium
(อรอนงค์
พริ
้
งศุ
ลกะ, 2550) และจากรายงานของ Losteinkit และคณะ 2001
สามารถแยกเชื
้
อ
Enterococcus faecium
N15 จาก nuka (Japanese rice-bran paste) เป็
นแบคที
เรี
ยกรดแลคติ
คที่
สามารถ
ผลิ
ตแบคเทอริ
โอซิ
นซึ
่
งจั
ดอยู
่
ใน class IIa และออกฤทธิ
์
ในการต้
านทั
้
ง
L. monocytogenes
และ
B. circulans
JCM 2504
ได้
ปั
จจุ
บั
นมี
การจั
ดจํ
าแนกแบคเทอริ
โอซิ
นออกเป็
น 5 classes ดั
งนี
้
Class I มี
โครงสร้
างเป็
นเปปไทด์
ที่
ทนความร้
อนและ
มี
นํ
้
าหนั
กโมเลกุ
ลตํ
่
า (น้
อยกว่
า 5 กิ
โลดาลตั
น) Class II มี
โครงสร้
างเป็
นเปปไทด์
ที่
ทนความร้
อนและมี
นํ
้
าหนั
กโมเลกุ
ลตํ
่
า
(น้
อยกว่
า 10 กิ
โลดาลตั
น) ไม่
มี
อนุ
พั
นธ์
ของกรดอะมิ
โนแลนไธนี
น
ซึ
่
ง class II มี
สมาชิ
กมากที่
สุ
ดและมี
ฤทธิ
์
ในการต้
าน
Listeria
spp. (Klaenhammer, 1993 และ Nes และคณะ, 1996)
Class III แบคเทอริ
โอซิ
นกลุ
่
มนี
้
มี
ขนาดใหญ่
ไม่
ทนความ
ร้
อนจึ
งแตกต่
างจาก class I และ class II ตั
วอย่
างของกลุ
่
มนี
้
คื
อ เฮลเวติ
ซิ
น J (helveticin J) และเอนเทอโรไลซิ
น A
(enterolysin A) Class IV แบคเทอริ
โอซิ
นในกลุ
่
มนี
้
จะมี
ไกลโคเจน และ/หรื
อลิ
พิ
ดในโครงสร้
างด้
วยนอกเหนื
อจากส่
วนที่
เป็
นโปรตี
น ตั
วอย่
างของแบคเทอริ
โอซิ
นกลุ
่
มนี
้
เช่
น ลิ
วโคซิ
น S (leucocin S) และแลคโตซิ
น 27 (lactocin 27) ซึ
่
งจะมี
ส่
วนของไกลโคโปรตี
นในโครงสร้
างหรื
อ มี
เซ็
นเทอโรซิ
น 52 (mesenterocin 52) ซึ
่
งจะพบส่
วนของลิ
โพโปรตี
นใน
โครงสร้
างเป็
นต้
น (Kleanhammer, 1993) Class V แบคเทอริ
โอซิ
นกลุ
่
มนี
้
มี
ลั
กษณะเป็
นวงกลมเกิ
ดจากการเชื่
อมต่
อกั
น
ของสายเปปไทด์
ระหว่
างส่
วนของปลายอะมิ
โน (N-terminus) และปลายคาร์
บอกซิ
ล (C-terminus) เช่
น แกสเซอริ
ซิ
น A
(gassericin A) เซอคู
ลาริ
น A (circularin A) และเอนเทอโรซิ
น AS-48 (enterocin AS-48) อย่
างไรก็
ตามแบคเทอริ
โอซิ
นที่
ผลิ
ตได้
จากแบคที
เรี
ยดั
้
งเดิ
มอาจยั
งคงมี
ปริ
มาณน้
อยเนื
่
องจากมี
การเก็
บไว้
ในเซลล์
หรื
อการทํ
างานของระบบการควบคุ
ม
กระบวนการถอดรหั
สไม่
มี
ประสิ
ทธิ
ภาพที่
ดี
ที่
จะผลิ
ตแบคเทอริ
โอซิ
นในปริ
มาณสู
งได้
นอกจากนี
้
เพื่
อต้
องการพั
ฒนาสาย
พั
นธุ
์
แบคที
เรี
ยดั
้
งเดิ
มที่
ไม่
มี
ความสามารถผลิ
ตแบคเทอริ
โอซิ
นให้
เป็
นแบคที
เรี
ยสายพั
นธุ
์
ใหม่
ที่
มี
ความสามารถในการ
ผลิ
ตแบคเทอริ
โอซิ
นได้
รวมถึ
งมี
งานวิ
จั
ยที่
สนั
บสนุ
นว่
าการโคลนยี
นผลิ
ตสารปฏิ
ชี
วนะจากแบคที
เรี
ยดั
้
งเดิ
มเข้
าสู
่
เซลล์
เจ้
า
บ้
านชนิ
ดใหม่
ให้
ผลผลิ
ตในปริ
มาณที่
สู
งขึ
้
น ตั
วอย่
างเช่
น Zhao และคณะ (2008) ได้
ศึ
กษาการแสดงออกของยี
น
Pel
A ซึ
่
ง
เป็
นยี
นผลิ
ตเอนไซม์
pectate lyase A จาก
Aspergillus nidulans
โดยอาศั
ย expression vector VBSzqx เมื่
อย้
าย VBSzqx-
Pel A
สู
่
B. subtilis
ซึ
่
งเป็
นเซลล์
เจ้
าบ้
านชนิ
ดใหม่
พบว่
ามี
การแสดงออกของยี
น
Pel
A และมี
การผลิ
ตเอนไซม์
pectate
lyase A ได้
สู
งสุ
ดถึ
ง 620 ยู
นิ
ต/มิ
ลลิ
ลิ
ตร ดั
งนั
้
นจึ
งได้
มี
ความพยายามปรั
บปรุ
งการแสดงออกของยี
นแบคเทอริ
โอซิ
นจาก
กลุ
่
มของแบคที
เรี
ยดั
้
งเดิ
มโดยอาศั
ยเทคนิ
คทางพั
นธุ
วิ
ศวกรรมเพื่
อศึ
กษาการแสดงออกของยี
นแบคเทอริ
โอซิ
นในเซลล์
เจ้
า
บ้
านชนิ
ดใหม่
สํ
าหรั
บงานวิ
จั
ยครั
้
งนี
้
ได้
โคลนยี
นแบคเทอริ
โอซิ
นจาก
Ent. faecium
N15 (Losteinkit และคณะ, 2001) เข้
า
สู
่
B. subtilis
ISW1214 ซึ
่
งเป็
นเซลล์
เจ้
าบ้
าน (host) ซึ
่
งมี
คุ
ณสมบั
ติ
คื
อ ไม่
มี
พลาสมิ
ด ไม่
ดื
้
อต่
อยาปฏิ
ชี
วนะ และไม่
สร้
าง
สารแล้
วปล่
อยออกนอกเซลล์
โดยอาศั
ยพลาสมิ
ด pHY300PLK เป็
นพลาสมิ
ดเวคเตอร์
ซึ
่
งสามารถแบ่
งตั
วเพิ่
มจํ
านวนและ
111
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555