เพื่
อให้
ผิ
วหน้
าอาหารแห้
ง หลั
งจากนั
้
นวางแผ่
นยามาตรฐานชนิ
ดต่
างๆ คื
อ ออกซาซิ
ลลิ
น (oxacillin) คลอแรมฟิ
นิ
คอล
(chloramphenicol) อี
ริ
โธรมั
ยซิ
น (erythromycin) เตตร้
าซั
ยคลิ
น (tetracycline) เพนนิ
ซิ
ลลิ
น (penicillin) โค-ไตรม็
อกซา-
โซล (Co-Trimoxazole) เจนต้
ามั
ยซิ
น (gentamicin) กรดนาลิ
ดิ
ซิ
ก (nalidixic acid) นอร์
ฟลอคซาซิ
น (norfloxacin)
และสเตร็
ปโตมั
ยซิ
น (streptomycin) นํ
าไปบ่
มที่
อุ
ณหภู
มิ
37 องศาเซลเซี
ยส นาน 16-18 ชั่
วโมง อ่
านผลโดยวั
ดขนาด
เส้
นผ่
าศู
นย์
กลางของบริ
เวณที่
เชื
้
อถู
กยั
บยั
้
ง (inhibition zone) เปรี
ยบเที
ยบกั
บค่
าในตารางมาตรฐาน
¨µ¦ª·
´
¥
1. µ¦Â¥
S. aureus
µ´
ª°¥n
µ
จากการศึ
กษาความชุ
กของเชื
้
อสแตฟฟิ
โลคอคคั
สออเรี
ยสในชุ
มชนนิ
สิ
ตมหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ วิ
ทยาเขตพั
ทลุ
ง โดย
เก็
บตั
วอย่
างจากโพรงจมู
กนิ
สิ
ต 55 คนและจากลู
กบิ
ดประตู
ห้
องที่
นิ
สิ
ตพั
กอาศั
ยจํ
านวน 30 ห้
อง เพาะเชื
้
อบนอาหาร
Mannitol Salt Egg Yolk Agar พิ
สู
จน์
เอกลั
กษณ์
ของเชื
้
อโดยวิ
ธี
มาตรฐานทางจุ
ลชี
ววิ
ทยา เช่
น การย้
อมสี
แกรม การ
ทดสอบเอนไซม์
คาทาเลสและโคแอกกู
เลส จากตั
วอย่
างทั
้
งหมด 85 ตั
วอย่
างพบเชื
้
อที่
โพรงจมู
กนิ
สิ
ตจํ
านวน 9 ตั
วอย่
าง
และที่
ลู
กบิ
ด 7 ตั
วอย่
าง คิ
ดเป็
นร้
อยละ 16.36 และ 23.33 ตามลํ
าดั
บ เชื
้
อที่
พบในโพรงจมู
กเป็
นสายพั
นธุ
์
ที่
ไวต่
อยาเมธิ
-
ซิ
ลลิ
น (MSSA) 7 ตั
วอย่
าง คิ
ดเป็
นร้
อยละ 12.73 และดื
้
อต่
อยาเมธิ
ซิ
ลลิ
น (MRSA) 2 ตั
วอย่
าง คิ
ดเป็
นร้
อยละ 3.64 ของ
ตั
วอย่
างจากโพรงจมู
ก ในขณะที่
เชื
้
อที่
แยกได้
จากลู
กบิ
ดประตู
ทุ
กสายพั
นธุ
์
เป็
น MSSA (ตารางที่
2)
µ¦µ¸É
2 Î
µª´
ª°¥n
µ¸É
¡
S. aureus
Â¥µ¤·
°´
ª°¥n
µÂ¨³Á¡«
°·
·
·
°´
ª°¥n
µ
Î
µª´
ª°¥n
µ
Î
µª´
ª°¥n
µ¸É
¡
S. aureus
(%)
MSSA
MRSA
ᦤ¼
µ¥
25
5 (20)
0
®·
30
2 (6.67)
2 (6.67)
¦ª¤
55
7 (12.73)
2 (3.64)
¨¼
·
¦³¼
®°µ¥
14
4 (28.57)
0
®°®·
16
3 (18.75)
0
¦ª¤
30
7 (23.33)
0
จากตั
วอย่
างนิ
สิ
ตชาย 25 คน พบ
S. aureus
ในโพรงจมู
กจํ
านวน 5 คน คิ
ดเป็
นร้
อยละ 20 และเชื
้
อทั
้
งหมดเป็
น MSSA
ขณะที่
ในนิ
สิ
ตหญิ
ง 30 คน พบ
S. aureus
ในโพรงจมู
กจํ
านวน 4 คน คิ
ดเป็
นร้
อยละ 13.33 ในจํ
านวนนี
้
พบว่
าเป็
น MSSA
2 คน และ MRSA 2 คน จากผลการทดลองจะเห็
นว่
านิ
สิ
ตชายเป็
นพาหะของ
S. aureus
มากกว่
านิ
สิ
ตหญิ
ง แต่
เนื่
องจาก
จํ
านวนตั
วอย่
างค่
อนข้
างน้
อยจึ
งอาจจะเร็
วเกิ
นไปที่
จะสรุ
ปได้
แน่
ชั
ด ตั
วอย่
างโพรงจมู
กทั
้
ง 2 ตั
วอย่
างที่
แยก MRSA ได้
เป็
นตั
วอย่
างที่
มาจากนิ
สิ
ตหญิ
งทั
้
งสิ
้
น ไม่
พบ MRSA ในตั
วอย่
างที
่
มาจากนิ
สิ
ตชาย จากตั
วอย่
างลู
กบิ
ดประตู
ทั
้
งหมด 30
ตั
วอย่
าง พบ
S. aureus
7 ตั
วอย่
าง คิ
ดเป็
นร้
อยละ 23.33 จากตั
วอย่
างลู
กบิ
ดประตู
เป็
นตั
วอย่
างจากหอพั
กนิ
สิ
ตชาย 14 ห้
อง
105
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555