rhodozyma
) ลงในอาหารโดยปรั
บปริ
มาณให
มี
แคโรที
นอยด
รวมเท
ากั
บ 50 ppm ส
วนอาหารสํ
าหรั
บชุ
ดควบคุ
มจะไม
เสริ
มแคโรที
นอยด
ในอาหาร ให
อาหารทดลองแต
ละสู
ตรแก
ปลาในแต
ละชุ
ดการทดลองจนเพี
ยงพอต
อความต
องการ
ของปลา ทุ
กวั
น วั
นละ 2 ครั้
ง เลี้
ยงปลาทดลองด
วยอาหารแต
ละสู
ตรเป
นเวลา 6 สั
ปดาห
จึ
งเก็
บตั
วอย
าง เพื่
อวิ
เคราะห
ผลการทดลองต
อไป
การศึ
กษาผลของแคโรที
นอยด
ต
อการเจริ
ญเติ
บโต
:
ตรวจสอบการเจริ
ญเติ
บโตของปลาสวยงามแต
ละชนิ
ดหลั
งจาก
ได
รั
บอาหารทดลองแต
ละสู
ตรทุ
กช
วง 2 สั
ปดาห
ของการทดลอง เป
นระยะเวลา 6 สั
ปดาห
โดยชั่
งน้ํ
าหนั
กปลาทั้
งตู
บั
นทึ
กจํ
านวนตั
ว เพื่
อคํ
านวณน้ํ
าหนั
กเฉลี่
ยต
อตั
ว น้ํ
าหนั
กที่
เพิ่
ม และอั
ตราการรอดตาย บั
นทึ
กปริ
มาณอาหารที่
ใช
เพื่
อ
นํ
ามาคํ
านวณอั
ตราแลกเนื้
อ ตามสมการ
1.)
อั
ตราการเปลี่
ยนอาหารเป
นเนื้
อ (Feed conversion ratio, FCR)
FCR =
น้ํ
าหนั
กอาหารที่
ปลากิ
น
น้ํ
าหนั
กปลาที่
เพิ่
มขึ้
น
2.)
อั
ตรารอดตาย (Survival rate) %
อั
ตรารอดตาย
=
จํ
านวนปลาที่
สิ้
นสุ
ดการทดลอง × 100
จํ
านวนปลาที่
เริ่
มต
น
3.)
น้ํ
าหนั
กที่
เพิ่
มขึ้
น (Weight gain , WG) %
น้ํ
าหนั
กที่
เพิ่
มขึ้
น = (นน.ปลาเมื่
อสิ้
นสุ
ดการทดลอง – นน.ปลาเมื่
อเริ่
มการทดลอง) × 100
น้ํ
าหนั
กปลาที่
เริ่
มต
น
การวั
ดการเปลี่
ยนแปลงของสี
ตั
วภายนอก
:
เมื่
อสิ้
นสุ
ดการทดลองในสั
ตว
น้ํ
าแต
ละชนิ
ด เก็
บตั
วอย
างปลาโดย
สลบด
วย MS 222 แล
วนํ
ามาวั
ดค
าสี
ที่
บริ
เวณผิ
วหนั
ง เปรี
ยบเที
ยบการเปลี่
ยนแปลงสี
ภายนอกโดยตรวจวั
ดความ
แตกต
างของค
าสี
L, a และ b ตามวิ
ธี
การของ Choubert และ Heirich (1993)
การวิ
เคราะห
ปริ
มาณแคโรที
นอยด
:
เก็
บตั
วอย
างสั
ตว
ทดลองจํ
านวน 10 ตั
วต
อชุ
ดการทดลองนํ
ามาทํ
าแห
งด
วยวิ
ธี
freeze dry แล
วจึ
งนํ
าไปสกั
ดแคโรที
นอยด
และตรวจวั
ดปริ
มาณแคโรที
นอยด
ทั้
งหมด โดยนํ
าตั
วอย
างที่
บั
นทึ
กน้ํ
าหนั
ก
ไว
แล
วสกั
ดด
วย acetone ที่
อุ
ณหภู
มิ
45
0
C แยก acetone ออกใส
หลอดทดลองใหม
แล
วสกั
ดซ้ํ
าตามขั้
นตอนข
างต
น
จนกระทั่
งไม
พบสี
ละลายออกมาจากตั
วอย
างอี
ก จึ
งแยกแคโรที
นอยด
ที่
ละลายอยู
ใน acetone ทั้
งหมดออกด
วย ether
โดยการเติ
มน้ํ
ากลั่
น 0.5 ml แคโรที
นอยด
จะละลายอยู
ในชั้
น ether แล
วจึ
งแยกส
วน etheric phase ออก นํ
าแคโรที
นอยด
ที่
ละลายใน ether ทั้
งหมดที่
สกั
ดได
ออกมาทํ
าให
เข
มข
นด
วยการเติ
ม sodium sulphate และระเหยด
วย
evaporator ภายใต
แก
สไนโตรเจน (Yamada et al., 1990) จากนั้
นนํ
าตั
วอย
างแคโรที
นอยด
ที่
สกั
ดได
มาวั
ดปริ
มาณแค
โรที
นอยด
ทั้
งหมดตามวิ
ธี
การของ Sommer และคณะ (1991) โดยละลายตั
วอย
างใน acetone แล
วนํ
าไปวั
ดค
าการ
ดู
ดกลื
นแสงที่
ความยาวคลื่
นระหว
าง 350-750 nm ด
วย scanning spectrophotometer วั
ดปริ
มาณแคโรที
นอยด
ทั้
งหมด
ในตั
วอย
างโดยใช
ค
าการดู
ดกลื
นแสงสู
งสุ
ดที่
วั
ดได
คํ
านวณด
วยค
า E
1%
cm
2150