การประชุมวิชาการและผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 17 2550 - page 122

rhodozyma
) ลงในอาหารโดยปรั
บปริ
มาณให
มี
แคโรที
นอยด
รวมเท
ากั
บ 50 ppm ส
วนอาหารสํ
าหรั
บชุ
ดควบคุ
มจะไม
เสริ
มแคโรที
นอยด
ในอาหาร ให
อาหารทดลองแต
ละสู
ตรแก
ปลาในแต
ละชุ
ดการทดลองจนเพี
ยงพอต
อความต
องการ
ของปลา ทุ
กวั
น วั
นละ 2 ครั้
ง เลี้
ยงปลาทดลองด
วยอาหารแต
ละสู
ตรเป
นเวลา 6 สั
ปดาห
จึ
งเก็
บตั
วอย
าง เพื่
อวิ
เคราะห
ผลการทดลองต
อไป
การศึ
กษาผลของแคโรที
นอยด
ต
อการเจริ
ญเติ
บโต
:
ตรวจสอบการเจริ
ญเติ
บโตของปลาสวยงามแต
ละชนิ
ดหลั
งจาก
ได
รั
บอาหารทดลองแต
ละสู
ตรทุ
กช
วง 2 สั
ปดาห
ของการทดลอง เป
นระยะเวลา 6 สั
ปดาห
โดยชั่
งน้ํ
าหนั
กปลาทั้
งตู
บั
นทึ
กจํ
านวนตั
ว เพื่
อคํ
านวณน้ํ
าหนั
กเฉลี่
ยต
อตั
ว น้ํ
าหนั
กที่
เพิ่
ม และอั
ตราการรอดตาย บั
นทึ
กปริ
มาณอาหารที่
ใช
เพื่
นํ
ามาคํ
านวณอั
ตราแลกเนื้
อ ตามสมการ
1.)
อั
ตราการเปลี่
ยนอาหารเป
นเนื้
อ (Feed conversion ratio, FCR)
FCR =
น้ํ
าหนั
กอาหารที่
ปลากิ
น้ํ
าหนั
กปลาที่
เพิ่
มขึ้
2.)
อั
ตรารอดตาย (Survival rate) %
อั
ตรารอดตาย
=
จํ
านวนปลาที่
สิ้
นสุ
ดการทดลอง × 100
จํ
านวนปลาที่
เริ่
มต
3.)
น้ํ
าหนั
กที่
เพิ่
มขึ้
น (Weight gain , WG) %
น้ํ
าหนั
กที่
เพิ่
มขึ้
น = (นน.ปลาเมื่
อสิ้
นสุ
ดการทดลอง – นน.ปลาเมื่
อเริ่
มการทดลอง) × 100
น้ํ
าหนั
กปลาที่
เริ่
มต
การวั
ดการเปลี่
ยนแปลงของสี
ตั
วภายนอก
:
เมื่
อสิ้
นสุ
ดการทดลองในสั
ตว
น้ํ
าแต
ละชนิ
ด เก็
บตั
วอย
างปลาโดย
สลบด
วย MS 222 แล
วนํ
ามาวั
ดค
าสี
ที่
บริ
เวณผิ
วหนั
ง เปรี
ยบเที
ยบการเปลี่
ยนแปลงสี
ภายนอกโดยตรวจวั
ดความ
แตกต
างของค
าสี
L, a และ b ตามวิ
ธี
การของ Choubert และ Heirich (1993)
การวิ
เคราะห
ปริ
มาณแคโรที
นอยด
:
เก็
บตั
วอย
างสั
ตว
ทดลองจํ
านวน 10 ตั
วต
อชุ
ดการทดลองนํ
ามาทํ
าแห
งด
วยวิ
ธี
freeze dry แล
วจึ
งนํ
าไปสกั
ดแคโรที
นอยด
และตรวจวั
ดปริ
มาณแคโรที
นอยด
ทั้
งหมด โดยนํ
าตั
วอย
างที่
บั
นทึ
กน้ํ
าหนั
ไว
แล
วสกั
ดด
วย acetone ที่
อุ
ณหภู
มิ
45
0
C แยก acetone ออกใส
หลอดทดลองใหม
แล
วสกั
ดซ้ํ
าตามขั้
นตอนข
างต
จนกระทั่
งไม
พบสี
ละลายออกมาจากตั
วอย
างอี
ก จึ
งแยกแคโรที
นอยด
ที่
ละลายอยู
ใน acetone ทั้
งหมดออกด
วย ether
โดยการเติ
มน้ํ
ากลั่
น 0.5 ml แคโรที
นอยด
จะละลายอยู
ในชั้
น ether แล
วจึ
งแยกส
วน etheric phase ออก นํ
าแคโรที
นอยด
ที่
ละลายใน ether ทั้
งหมดที่
สกั
ดได
ออกมาทํ
าให
เข
มข
นด
วยการเติ
ม sodium sulphate และระเหยด
วย
evaporator ภายใต
แก
สไนโตรเจน (Yamada et al., 1990) จากนั้
นนํ
าตั
วอย
างแคโรที
นอยด
ที่
สกั
ดได
มาวั
ดปริ
มาณแค
โรที
นอยด
ทั้
งหมดตามวิ
ธี
การของ Sommer และคณะ (1991) โดยละลายตั
วอย
างใน acetone แล
วนํ
าไปวั
ดค
าการ
ดู
ดกลื
นแสงที่
ความยาวคลื่
นระหว
าง 350-750 nm ด
วย scanning spectrophotometer วั
ดปริ
มาณแคโรที
นอยด
ทั้
งหมด
ในตั
วอย
างโดยใช
ค
าการดู
ดกลื
นแสงสู
งสุ
ดที่
วั
ดได
คํ
านวณด
วยค
า E
1%
cm
2150
1...,112,113,114,115,116,117,118,119,120,121 123,124,125,126,127,128,129,130,131,132,...702
Powered by FlippingBook