คํ
านํ
า
ป
จจุ
บั
นเกษตรกรไทยเลี้
ยงกุ
งขาวมากขึ้
นเนื่
องจากใช
เวลาในการเลี้
ยงสั้
น โตเร็
วและปรั
บตั
วได
ดี
ใน
สภาพแวดล
อมที่
มี
การเปลี่
ยนแปลง รวมทั้
งให
ผลผลิ
ตดี
กว
ากุ
งกุ
ลาดํ
า จากการประเมิ
นและวิ
เคราะห
ความเสี่
ยง
(Import risk analysis, IRA) การนํ
าเข
ากุ
งขาวพบโรคติ
ดเชื้
อไวรั
สที่
มี
ความเสี่
ยงก
อให
เกิ
ดการติ
ดเชื้
อในการเพาะเลี้
ยง
กุ
งของไทยได
แก
โรค White spot syndrome virus (WSSV) โรค Taura syndrome virus (TSV) โรค Infectious
hypodermal and haematopoietic necrosis virus (IHHNV) เป
นต
น (นพดลและคณะ, 2547) รวมทั้
งโรคเรื
องแสง
(Vibriosis) ที่
มี
สาเหตุ
จากแบคที
เรี
ย
Vibrio harveyi
(Lightner, 1993) โดยทั่
วไปรู
ปแบบการเลี้
ยงกุ
งขาวจะเป
นแบบ
หนาแน
นมี
การปล
อยกุ
งในอั
ตราที่
สู
ง หากมี
การจั
ดการคุ
ณภาพน้ํ
าที่
ไม
ดี
จะทํ
าให
เกิ
ดของเสี
ยจากสิ่
งขั
บถ
ายและ
อาหารเหลื
อภายในบ
อเลี้
ยงส
งผลให
กุ
งเกิ
ดความเครี
ยดและมี
ภู
มิ
ต
านทานลดลงและเป
นป
จจั
ยหนึ่
งที่
ทํ
าให
กุ
งติ
ดเชื้
อ
จากแบคที
เรี
ยและไวรั
สมากขึ้
นก
อให
เกิ
ดป
ญหาโรคระบาด ทํ
าให
เกษตรกรต
องใช
ยาปฏิ
ชี
วนะและสารเคมี
เพื่
อยั
บยั้
ง
การแพร
ระบาดของโรคซึ่
งอาจทํ
าให
เกิ
ดป
ญหาการดื้
อยาและสารเคมี
ตกค
างในสิ่
งแวดล
อมและกุ
งส
งออกสู
งกว
า
เกณฑ
มาตรฐาน ป
จจุ
บั
นจึ
งมี
ผู
สนใจใช
ผลิ
ตภั
ณฑ
ธรรมชาติ
ที่
มี
ฤทธิ์
ในการยั
บยั้
งแบคที
เรี
ยเช
น โปรไบโอติ
ก
(Probiotic) หรื
อเพปไทด
ต
านจุ
ลิ
นทรี
ย
(Antimicrobial peptides) กั
นมากขึ้
นซึ่
งเป
นแนวทางหนึ่
งที่
จะลดการใช
ยา
ปฏิ
ชี
วนะและสารเคมี
ลง
การศึ
กษาครั
้
งนี้
เป
นการใช
Cecropin D ภายใต
ชื่
อทางการค
า Shrimpro
®
ได
รั
บจากบริ
ษั
ท Shenzhen
Yipeng Bio Engineering ประเทศจี
น ผสมในอาหารให
กุ
งขาวเต็
มวั
ยกิ
นเพื่
อศึ
กษาอั
ตราการรอดหลั
งจากกุ
งขาวได
รั
บ
อาหารผสม Cecropin D และผลกระทบต
อการเปลี่
ยนแปลงโครงสร
างชุ
มชนแบคที
เรี
ยในตั
บและตั
บอ
อนและ
ทางเดิ
นอาหารของกุ
งขาวด
วยเทคนิ
ค Fluorescence
in situ
hybridization (FISH) เป
นเทคนิ
คทางด
านชี
วโมเลกุ
ลที่
อาศั
ยแนวทางการใช
16S rRNA (rRNA approach) ที่
ให
ผลถู
กต
องและรวดเร็
วกว
าวิ
ธี
การเพาะเลี้
ยงเชื้
อบนอาหาร
เลี้
ยงเชื้
อ ได
รั
บการยอมรั
บและใช
ในการศึ
กษาจุ
ลิ
นทรี
ย
ในสภาพแวดล
อมต
างๆ เช
น ระบบบํ
าบั
ดน้ํ
าเสี
ย ตะกอนดิ
น
แหล
งน้ํ
าธรรมชาติ
หรื
อการศึ
กษาจุ
ลิ
นทรี
ย
ที่
อาศั
ยร
วมกั
บสิ่
งมี
ชี
วิ
ตชนิ
ดอื่
น (Amann
et al
., 2001) คาดว
า Cecropin D
จะเพิ่
มอั
ตราการรอดของกุ
งขาวและป
องกั
นการเกิ
ดโรคเพื่
อช
วยลดการใช
ยาปฏิ
ชี
วนะและสารเคมี
ที่
ใช
กั
นอยู
ใน
ป
จจุ
บั
นได
อุ
ปกรณ
และวิ
ธี
การ
1. การเตรี
ยมกุ
งขาวทดลอง
กุ
งขาว (
Penaeus vannamei
) อายุ
ประมาณ 7 สั
ปดาห
น้ํ
าหนั
ก 11.51
±
0.65 กรั
ม จํ
านวน 600 ตั
ว ได
รั
บจาก
วิ
ทยาลั
ยประมงติ
ณสู
ลานนท
นํ
ามาเลี้
ยงในถั
งไฟเบอร
กลาสขนาดความจุ
1,000 ลิ
ตร บรรจุ
น้ํ
าความเค็
ม 20 ppt
ปริ
มาณ 500 ลิ
ตร จํ
านวน 3 ถั
ง แบ
งเลี้
ยงถั
งละ 200 ตั
ว ให
อากาศตลอดเวลา ป
ดถั
งไฟเบอร
กลาสด
านบนด
วยแผ
น
กระเบื้
อง ให
อาหารสํ
าเร็
จรู
ปทางการค
าชนิ
ดจมน้ํ
า วั
นละ 4 มื้
อ เป
นเวลา 2 สั
ปดาห
เพื่
อให
กุ
งขาวปรั
บตั
วกั
บ
สภาพแวดล
อมก
อนการทดลอง กุ
งทดลองเป
นกุ
งขาวปกติ
ไม
แสดงอาการของโรคเรื
องแสงผ
านการตรวจสอบด
วย
วิ
ธี
การเพาะเลี้
ยงบนอาหารเลี้
ยงเชื้
อ TCBS สํ
าหรั
บโรคตั
วแดงดวงขาว White spot syndrome virus (WSSV) และโรค
Taura syndrome virus (TSV) ตรวจสอบโดยวิ
ธี
Polymerase chain reaction (PCR) ที่
ศู
นย
วิ
จั
ยสุ
ขภาพสั
ตว
น้ํ
า
ภาควิ
ชาวาริ
ชศาสตร
คณะทรั
พยากรธรรมชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยสงขลานคริ
นทร