ตารางที่
4
ความเสี่
ยงต
อการเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
จํ
าแนกตามป
จจั
ยเอื้
อและป
จจั
ยเสริ
ม
ป
จจั
ยเอื้
อ/เสริ
ม
กลุ
มศึ
กษา
กลุ
มควบคุ
ม
รวม
OR
95% CI
Sig
งานยกแบกหาม
6 (60.0)
4 (40.0)
10 (3.6)
1.65
.03,.43
.03
ประสบการณ
น
อยกว
า 5 ป
มากกว
า 5 ป
28(35.0)
52(65.0)
103 (52.6)
93 (47.4)
131(47.5)
145 (52.5)
2.89
.29,.83
.01
การป
นนั่
งร
าน
24(60.0)
16 (40.0)
40(13.6)
2.89
.59,.98
.03
การแต
งกาย
72 (90.0)
18 (9.2)
90 (32.4)
3.21
.02,.58
< .01
อภิ
ปรายผลการศึ
กษา
กลุ
มตั
วอย
างเป
นชายมากกว
าหญิ
งประมาณ 4 เท
า เป
นลั
กษณะเดี
ยวกั
บการศึ
กษาของวั
ฒนา โพธา
(2541) ที่
พบว
าแรงงานก
อสร
างส
วนใหญ
เป
นเพศชาย ศึ
กษาระดั
บประถม ผู
ดื่
มเครื่
องดื่
มชู
กํ
าลั
งขณะทํ
างานเสี่
ยง
ต
อการเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
และการบาดเจ็
บมากกว
าผู
ที่
ไม
ดื่
ม 8.2 เท
า ผู
สู
บบุ
หรี่
ขณะทํ
างานเสี่
ยงต
อการเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
และ
การบาดเจ็
บมากกว
าผู
ที่
ไม
สู
บ 1.9 เท
า ผู
ดื่
มสุ
ราเสี่
ยงต
อการเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
มากกว
าผู
ที่
ไม
ดื่
ม 1.9 เท
า หากดื่
มขณะ
ทํ
างาน ความเสี่
ยงจะสู
งถึ
ง 18.4 เท
า ผู
มี
โรคประจํ
าตั
วเสี่
ยง .01 เท
า ของผู
ไม
มี
โรคประจํ
าตั
ว การค
นพบดั
งกล
าว
สอดคล
องกั
บข
อมู
ลของมู
ลนิ
ธิ
อารมณ
ที่
พบว
า คนงานก
อสร
างเป
นกลุ
มที่
ได
รั
บอุ
บั
ติ
เหตุ
มากที่
สุ
ด (มติ
ชน 23 กพ.
47 หน
า 18) การศึ
กษาของ ถิ
รพงษ
ถิ
รมนั
ส และคณะ (2544) ที่
พบว
า การดื่
มเครื่
องดื่
มชู
กํ
าลั
งมี
อิ
ทธิ
พลต
อการ
ประสบอุ
บั
ติ
เหตุ
จากการทํ
างานก
อสร
าง และสอดคล
องกั
บข
อมู
ลการบาดเจ็
บและการเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
จากการดื่
มสุ
รา
ดั
งเช
นข
อมู
ลอุ
บั
ติ
เหตุ
จราจร ที่
พบว
า ร
อยละ 50 ของอุ
บั
ติ
เหตุ
จราจรเกิ
ดจากการดื่
มสุ
รา (ไพบู
ลย
สุ
ริ
ยะวงศ
ไพศาล,
2547) สํ
าหรั
บเครื่
องดื่
มชู
กํ
าลั
ง พบว
ามี
ส
วนผสมของคาเฟอี
น (Caffeine) ถ
าได
รั
บในปริ
มาณน
อยๆ จะกระตุ
นให
รู
สึ
กกระปรี้
กระเปร
า ประสาทตื่
นตั
วแต
จะหมดไปภายใน 2-3 ชั่
วโมง ร
างกายที่
ถู
กกระตุ
นในช
วงแรกจะหมดพลั
ง
ควบคุ
มสมาธิ
ไม
ได
เหนื่
อยอ
อน ง
วงอย
างผิ
ดปกติ
จะต
องได
รั
บคาเฟอี
นเข
าไปกระตุ
นใหม
จึ
งต
องดื่
มอยู
เสมอ และ
ยั
งมี
ข
อเสี
ย โดยพบว
าถ
าได
รั
บในปริ
มาณ 250 มิ
ลลิ
กรั
ม ทํ
าให
เลื
อดไปเลี้
ยงสมองลดลงถึ
งร
อยละ 20 ทํ
าให
ผู
ดื่
ม
บางคนรู
สึ
กปวดศี
รษะ สมองตื้
อ และอาจทํ
าให
เกิ
ดโรคบางอย
าง เช
น แผลในกระเพาะอาหาร ประสาทไม
สงบ
หงุ
ดหงิ
ด การดู
ดซึ
มธาตุ
เหล็
กลดลง หั
วใจเต
นไม
เป
นจั
งหวะ และทํ
าให
เกิ
ดโรคหลอดเลื
อดแดงหั
วใจผิ
ดปกติ
ได
ผู
ที่
มี
โรคประจํ
าตั
วจากการศึ
กษาครั้
งนี้
พบว
ามี
ความเสี่
ยงต
อการเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
น
อยกว
าผู
ที่
ไม
มี
โรคประจํ
าตั
ว ซึ่
งอาจ
อธิ
บายได
ว
า ผู
ที่
มี
ประสบการณ
การเจ็
บป
วย จะมี
ความระมั
ดระวั
ง และดู
แลตนเองมากกว
า กลุ
มศึ
กษาและกลุ
ม
ควบคุ
มมี
ความรู
เกี่
ยวกั
บความปลอดภั
ยในการทํ
างานในระดั
บค
อนข
างสู
ง เมื่
อทดสอบค
าเฉลี่
ยความรู
ของทั้
งสอง
กลุ
ม พบว
า ไม
มี
ความแตกต
างกั
นทางสถิ
ติ
(p =.844) ค
าเฉลี่
ยทั
ศนคติ
ของทั้
งสองกลุ
มแตกต
างกั
นอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญ
ทางสถิ
ติ
(p < .01) โดยค
าเฉลี่
ยทั
ศนคติ
ของกลุ
มศึ
กษาค
อนไปในทางบวกมากกว
ากลุ
มควบคุ
ม ลั
กษณะนิ
สั
ยของ
สองกลุ
มที่
ต
างกั
น คื
อ การเป
นคนโมโห ฉุ
นเฉี
ยวง
าย ตื่
นเต
นง
าย และวิ
ตกกั
งวล โดยพบว
ากลุ
มศึ
กษามี
มากกว
า
กลุ
มเปรี
ยบเที
ยบ และพบความแตกต
างกั
นทางสถิ
ติ
ลั
กษณะงานที่
มี
ความสั
มพั
นธ
กั
บการเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
จากการ
ทํ
างาน มี
เพี
ยงลั
กษณะเดี
ยวคื
อ งานประเภทยกแบกหาม โดยมี
ความเสี่
ยงมากกว
างานที่
ไม
มี
การยกแบกหาม
ประมาณ 1.65 เท
า ผู
ที่
มี
ประสบการณ
ในการทํ
างานก
อสร
างน
อยกว
า 5 ป
เสี่
ยงต
อการเกิ
ดอุ
บั
ติ
เหตุ
มากกว
าผู
ที่
มี
ประสบการณ
ในการทํ
างานน
อยกว
า 5 ป
ถึ
ง 2.89 เท
า อย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
(p<.01) การป
นนั่
งร
านทํ
าเสี่
ยงต
อ