การประชุมวิชาการและผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 17 2550 - page 331

ตองการที่จะปรับตัวกั บเพื่อนและอาจารย เพื่อใหชีวิตของการเปนนิสิตเปนไปดวยดี มีความสุขและประสบ
ความสํ าเร็จในการเรียน จึ งใหความสําคัญกับคานิยมทางสังคมสูงที่สุ ด รองลงมาเปนคานิยมทางเศรษฐกิจ เนื่องจาก
นิ สิตทุกคนมีความจําเปนในการดํารงชีวิตโดยการใชจาย และนิสิ ตในวัยนี้ยังไมสามารถหารายไดดวยตนเอง ยังตอง
พึ่ งพาบิดา มารดาหรือผูปกครองอยู นิ สิตจึงจํ าเปนตองมีการบริ หารจัดการการใชจายของตนเองให สามารถดํารงชีวิต
อยู ไดอยางมีความสุข จึงใหความสําคัญกับคานิยมทางนี้
สวนคานิ ยมทางการเมือง เปนคานิยมที่อยูในลํ าดับที่ 3 อาจเปนเพราะวา ในมหาวิ ทยาลัยได เปดโอกาสให
นิ สิตไดรวมทํากิจกรรมรวมกัน ทั้งในเชิ งพัฒนานิ สิตเองและเชิงพัฒนาชุ มชน มีการเลือกตั้งผูนํานิ สิตเพื่อทํากิจกรรม
ตาง ๆ และประกอบกับการอยูเปนกลุม เปนพวก ทําใหนิ สิตให ความสําคัญกับคานิ ยมในดานนี้ในลําดับตน ๆ ส วน
คานิยมทางวิ ชาการเปนคานิ ยมที่นิสิตให ความสําคัญในลําดับที่ 4 ที่เปนเชนนี่เพราะ ในการดําเนินชี วิตของนิสิต
มหาวิ ทยาลัยทักษิณซึ่งเปนมหาวิทยาลัยในภูมิภาคมี บรรยากาศการแขงขันทางวิชาการไมมากเหมือนมหาวิ ทยาลัยใน
สวนกลาง นิสิตมีเปาหมายเพื่อสําเร็จการศึกษา แตในเชิงการแขงขันกันทางดานวิชาการมีนอย สังเกตจากกิจกรรม
ตาง ๆ ที่นิสิ ตจัดขึ้นมานั้น จะไม คอยมีกิจกรรมที่เปนเชิงวิ ชาการเทาใดนั ก จึงทําใหคานิยมทางนี้อยูในลําดับที่ 4
สวนคานิ ยมทางศาสนา ซึ่งนิสิ ตใหความสํ าคัญในลําดับที่ 5 อาจเปนเพราะวา นิสิตยั งอยูในช วงวัยที่ผาน
ประสบการณ มาไมมากนัก ทุกอยางในโลกนี้เต็มไปดวยความสวยงาม และประกอบกับโลกมีการเปลี่ ยนแปลงในเชิง
วัตถุมาก ทําใหนิ สิตลืมนึกถึงสิ่งที่ควรยึดมั่นในเชิงศาสนาไป ซึ่งลักษณะดังกลาวจะเหมือนกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ
ทั่ วไป และคานิ ยมทางศิลปะซึ่งเปนคานิยมที่อยูในลํ าดับทายสุด อาจเปนเพราะวา ในมหาวิทยาลัยทักษิณ มีนิ สิตที่
เรียนอยูในคณะศิลปกรรมศาสตรไมมากนัก ประกอบกับมหาวิทยาลัยทักษิณมีสถาบันทักษิณคดีศึกษาที่แยกออกไป
อีกแหงหนึ่ง ทําใหนิ สิตสวนหนึ่งไมเคยไปเยี่ยมชมหรือเรียนรูเกี่ยวกั บเรื่องราวเหลานี้เลย อี กเหตุผลหนึ่งก็คือ
นโยบายการดํารงเอกลักษณ ดานศิลปะของความเปนไทยของมหาวิ ทยาลัยยังไมชัดเจนนัก จึงทําใหคานิ ยมทางนี้อยู
ในลําดับทายสุด แตยังมีคาเฉลี่ยที่ไมต่ํามากนัก ผู บริหารมหาวิทยาลัยสามารถนําขอมู ลคานิยมทุกดานสูการพัฒนา
นิ สิตใหมีทุก ๆ ดานเพิ่มมากขึ้นได ซึ่ งสอดคลองกับ บาชแมน และ จอหนสัน (Bachman and Johnson. 1980) ได
ศึกษาคานิยมเกี่ยวกับเปาหมายในชีวิต จากกลุมตัวอยางที่เปนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจํานวน 17,000 คน
ผลการวิจัยพบว า คานิยมที่เยาวชนใหความสําคัญมากที่สุ ด คือ การมีชีวิตแตงงานและมีครอบครัวที่ดี และเกษม
เกษมนุ กิจกุ ล (2534: บทคัดยอ) ได ศึกษาเรื่อง คานิยมจุดหมายปลายทางและคานิ ยมวิถีปฏิบั ติของนักเรียนระดับ
มัธยมศึกษาในกรุงเทพมหานครที่มีระดั บการศึกษา ภูมิหลังทางครอบครัวและการถายทอดคานิ ยมที่แตกตางกัน
สรุปผลการวิ จัยไดวา นักเรียนใหความสํ าคัญคานิ ยมจุดหมายปลายทางตามลํ าดับได ดังนี้ คานิยม ความสงบสุขทาง
ใจ การมีชีวิตที่สบายพอสมควร ความมั่ นคงปลอดภัยของประเทศชาติ ความมั่งมี ในเงินทองและวัตถุ และการไดรับ
การยกย องในสังคม
2. ผลการวิจัยเมื่อจําแนกตามคณะที่ศึกษา ผูวิจัยนํามาอภิ ปรายผล ดังนี้ นิสิตคณะวิทยาศาสตรมีคานิ ยมทาง
การเมื องสูงที่สุ ด อาจเปนเพราะนิสิตคณะวิทยาศาสตรถูกฝกใหเนนความเปนเหตุ เปนผล มีความรับผิดชอบ ซึ่งมิ ติ
ใหมของการพัฒนาคณะวิทยาศาสตร มหาวิ ทยาลัยทักษิณ นอกจากใหคนเกงแลว ตองเปนคนที่กลาคิด กลา
แสดงออกในสิ่งที่ดี ที่ถูกต อง สามารถปรับตัวได ในสังคมอยางมีความสุ ข นิสิตคณะมนุษยศาสตรและสังคมศาสตรมี
คานิยมทางสังคมอยูในอันดับแรก อาจเป นเพราะ โดยธรรมชาติของความเปนมนุษยศาสตรและสังคมศาสตร มุงเนน
ใหเห็นความสําคัญของมนุษยและสังคม มีการปลูกฝงความรูเกี่ยวกั บวิถีการดําเนินชีวิตในสั งคม ทําใหนิสิตซึมซับ
และใหความสําคัญกับคานิยมทางสังคม นิสิตคณะศึ กษาศาสตรมีคานิยมทางสังคมเปนอันดับแรก อาจเป นเพราะ