ธรรมชาติ
ของนิ
สิ
ตที่
ศึ
กษาเรี
ยนรู
ในคณะศึ
กษาศาสตร
ได
ถู
กปลู
กฝ
งมาเพื่
อประกอบวิ
ชาชี
พครู
ซึ่
งความสํ
าคั
ญของ
วิ
ชาชี
พครู
ถื
อได
ว
าเป
นวิ
ชาชี
พชั้
นสู
งที่
ทํ
าหน
าที่
ผลิ
ตคนหรื
อสร
างคนที่
มี
คุ
ณภาพให
กั
บสั
งคม สร
างคนเก
ง คนดี
มี
ความสุ
ข นิ
สิ
ตกลุ
มนี้
จึ
งให
ความสํ
าคั
ญกั
บคนในสั
งคม และมี
จิ
ตวิ
ญญาณของการทํ
างานเพื่
อสั
งคม เข
าใจคน เข
าใจ
สั
งคม และสามารถปรั
บตั
วได
อย
างมี
ความสุ
ข ค
านิ
ยมทางนี้
จึ
งอยู
ในอั
นดั
บแรก นิ
สิ
ตคณะศิ
ลปกรรมศาสตร
มี
ค
านิ
ยม
ทางเศรษฐกิ
จ เป
นอั
นดั
บแรก ส
วนค
านิ
ยมทางศิ
ลปะอยู
อั
นดั
บสุ
ดท
าย ซึ่
งเป
นที่
น
าประหลาดใจว
า ค
านิ
ยมทางศิ
ลปะ
ของนิ
สิ
ตคณะศิ
ลปกรรมศาสตร
อยู
ในอั
นดั
บสุ
ดท
าย แต
ค
านิ
ยมทางเศรษฐกิ
จกลั
บไปอยู
ในอั
นดั
บแรก ซึ่
งอาจเป
น
เพราะการดํ
ารงชี
วิ
ตของคนในยุ
คกระแสโลกาภิ
วั
ฒน
ที่
มี
ความเป
นวั
ตถุ
นิ
ยมได
เข
ามาสู
สั
งคมไทย ทํ
าให
สั
งคมไทยมี
ความทั
นสมั
ยและมี
ก
าวหน
าต
าง ๆ มากมาย การดํ
ารงชี
วิ
ตในยุ
คนี้
ต
องแข
งขั
นกั
นในทุ
ก ๆ ด
านและความอยู
รอดของ
ตนเองซึ่
งเป
นเรื่
องที่
เกี่
ยวข
องกั
บค
านิ
ยมทางเศรษฐกิ
จเป
นเรื่
องสํ
าคั
ญ แต
ประเด็
นสํ
าคั
ญคื
อ ค
านิ
ยมทางศิ
ลปะ ผู
วิ
จั
ย
ไม
แน
ใจว
า นิ
สิ
ตที่
เข
ามาศึ
กษาในคณะศิ
ลปกรรมศาสตร
จะมี
ความรั
กและข
าใจศิ
ลปะอย
างแท
จริ
งหรื
อไม
ค
านิ
ยม
ของนิ
สิ
ตคณะวิ
ทยาการสุ
ขภาพและการกี
ฬา อั
นดั
บแรกคื
อ ค
านิ
ยมทางสั
งคม ซึ่
งมี
ลั
กษณะเดี
ยวกั
นกั
บค
านิ
ยมของ
นิ
สิ
ตคณะอื่
น ๆ ที่
มี
ค
านิ
ยมทางสั
งคมเป
นอั
นดั
บแรก เพราะธรรมชาติ
ของนิ
สิ
ตมหาวิ
ทยาลั
ยเป
นวั
ยที่
อยู
ในช
วงของ
การศึ
กษาเรี
ยนรู
มี
การเรี
ยนรู
จากตนเอง จากบุ
คคลอื่
น จากสิ่
งแวดล
อม ทั้
งที่
มนุ
ษย
สร
างขึ้
นและสิ
่
งแวดล
อมที่
เป
น
ธรรมชาติ
นิ
สิ
ตจึ
งให
ความสํ
าคั
ญด
านนี้
มาก นิ
สิ
ตคณะเศรษฐศาสตร
และบริ
หารธุ
รกิ
จมี
ค
านิ
ยมทางสั
งคมเป
นอั
นดั
บ
แรก คงเป
นเพราะธรรมชาติ
ของวิ
ชาทางเศรษฐศาสตร
ต
องมุ
งเน
นให
นิ
สิ
ตเห็
นความสํ
าคั
ญของสั
งคม เศรษฐกิ
จ
การเมื
อง เพราะเป
นสิ่
งที่
เกี่
ยวข
องกั
น ทํ
าให
ผลของการศึ
กษาค
านิ
ยมของนิ
สิ
ตคณะเศรษฐศาสตร
และบริ
หารธุ
รกิ
จ
ปรากฏออกมาเช
นนี้
นิ
สิ
ตคณะเทคโนโลยี
และการพั
ฒนาชุ
มชน มี
ค
านิ
ยมทางสั
งคมเป
นอั
นดั
บแรก อาจเนื่
องมาจาก
ศาสตร
ของการพั
ฒนาชุ
มชนจะต
องเน
นให
นิ
สิ
ตเห็
นความสํ
าคั
ญของชุ
มชน ซึ่
งก็
คื
อ ด
านสั
งคมนั่
นเอง ทํ
าให
นิ
สิ
ต
คณะเทคโนโลยี
และการพั
ฒนาชุ
มชนให
ความสํ
าคั
ญกั
บค
านิ
ยมทางนี้
เป
นอั
นดั
บแรก และนิ
สิ
ตในคณะนี้
ยั
งให
ความสํ
าคั
ญกั
บค
านิ
ยมทางวิ
ชาการเป
นอั
นดั
บ 2 อาจเป
นเพราะนิ
สิ
ตในคณะนี้
เป
นนิ
สิ
ตใหม
มี
ความกระตื
อรื
อร
นและ
ใฝ
รู
ทางด
านวิ
ชาการ เหตุ
ผลอี
กประการก็
คื
อ นิ
สิ
ตกลุ
มนี้
อยู
ในวิ
ทยาเขตพั
ทลุ
งซึ่
งยั
งไม
ค
อยมี
ความเจริ
ญ และยั
งขาด
ส
งสิ่
งจู
งใจให
นิ
สิ
ตไปสนใจในเรื่
องอื่
น ๆ ทํ
าให
นิ
สิ
ตมี
ความสนใจเรื่
องวิ
ชาการมากขึ้
น นิ
สิ
ตคณะนิ
ติ
ศาสตร
มี
ค
านิ
ยม
ทางเศรษฐกิ
จเป
นอั
นดั
บแรก อาจเป
นเพราะนิ
สิ
ตของคณะนี้
ให
ความสํ
าคั
ญกั
บสภาพการดํ
ารงชี
วิ
ตและเรื่
องที่
เกี่
ยวข
องสภาพเศรษฐกิ
จเป
นอั
นดั
บแรก และอั
นดั
บต
อมาคื
อ ค
านิ
ยมทางการเมื
องซึ่
งเป
นธรรมชาติ
ของความเป
นนั
ก
กฎหมายที่
มั
กจะให
ความสํ
าคั
ญกั
บการเมื
องและกฎหมาย
ในประเด็
นเกี่
ยวกั
บคณะที่
ศึ
กษาของนิ
สิ
ตนั้
น เคลเซย
(Kelsey. 1963 : 2813) ได
ศึ
กษาเปรี
ยบเที
ยบค
านิ
ยม
ของนั
กศึ
กษาชั้
นป
ที่
1 - 4 สาขาวิ
ทยาศาสตร
พาณิ
ชยการ ศิ
ลปศาสตร
วิ
ทยาศาสตร
ศิ
ลปศาสตร
- วิ
ทยาศาสตร
และ
วิ
ชาการศึ
กษาของมหาวิ
ทยาลั
ยบริ
ติ
ชโคลั
มเบี
ย จํ
านวน 1,625 คน โดยศึ
กษาค
านิ
ยม 6 ประเภทคื
อ ค
านิ
ยมทาง
วิ
ชาการ เศรษฐกิ
จ สุ
นทรี
ยภาพ สั
งคม การเมื
องและศาสนา ปรากฏผลว
า นั
กศึ
กษาสาขาวิ
ทยาศาสตร
มี
ค
านิ
ยมทาง
เศรษฐกิ
จสู
ง นั
กศึ
กษาสาขาศิ
ลปศาสตร
วิ
ทยาศาสตร
มี
ค
านิ
ยมสู
งทางศาสนาและทางวิ
ชาการ นั
กศึ
กษาสาขา
พาณิ
ชยการมี
ค
านิ
ยมทางการเมื
องและเศรษฐกิ
จสู
ง และนั
กศึ
กษาสาขาวิ
ชาการศึ
กษามี
ค
านิ
ยมทางศาสนาและทาง
สั
งคมสู
ง และไวท
(White. 1969 : 610) ได
ศึ
กษาเปรี
ยบเที
ยบค
านิ
ยมและทั
ศนคติ
ของบุ
คคลที่
ประกอบอาชี
พต
างกั
น
คื
อ ครู
นั
กศึ
กษาบริ
หารธุ
รกิ
จ และพนั
กงาน ผลการวิ
จั
ยพบว
า นั
กศึ
กษาบริ
หารธุ
รกิ
จ และพนั
กงานมี
ค
านิ
ยมทาง
วิ
ชาการ สุ
นทรี
ยภาพและศาสนาแตกต
างกั
นมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
กลุ
มครู
มี
ค
านิ
ยมทางการเงิ
นและทางสั
งคมสู
งกว
า
พนั
กงาน และยั
งมี
ค
านิ
ยมทางการเงิ
นและทางศาสนาสู
งกว
ากลุ
มนั
กศึ
กษาบริ
หารธุ
รกิ
จ ส
วนในประเทศไทย เปรมฤดี