การประชุมวิชาการและผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 17 2550 - page 670

7
ชั
ดเจนทั้
งด
านภาษา ศาสนา ซึ่
งเคร
งครั
ดในการนั
บถื
อศาสนา อิ
สลามที
เป
นกิ
จวั
ตรส
วนหนึ
งในการดํ
ารงชี
วิ
ตประจํ
าวั
มี
มั
สยิ
ดเป
นศู
นย
กลางทางวั
ฒนธรรม โดยปรากฏให
เห็
นอยู
ทั่
วไปในจั
งหวั
ดนราธิ
วาส ซึ่
งได
มี
การวิ
วั
ฒนาการลั
กษณะทาง
สถาป
ตยกรรมอั
นเนื่
องมาจากการได
รั
บอิ
ทธิ
พลจากวั
ฒนธรรมภายนอก และวิ
วั
ฒนาการตามยุ
คสมั
ยเช
นเดี
ยวกั
บในจั
งหวั
ป
ตตานี
โดยทั้
งสองจั
งหวั
ดยั
งมี
มั
สยิ
ดโบราณในอดี
ตที่
มี
ลั
กษณะแปลกและโดดเด
น ทางสถาป
ตยกรรมปรากฏให
เห็
นเป
หลั
กฐานจนถึ
งป
จจุ
บั
นนี้
จากเหตุ
ผลของความสํ
าคั
ญดั
งกล
าวข
างต
น จึ
งทํ
าให
ผู
วิ
จั
ยสนใจศึ
กษาเรื
อง “ศึ
กษาลั
กษณะทาง
สถาป
ตยกรรม และคติ
ความเชื่
อที่
ปรากฏในมั
สยิ
ดโบราณ ในจั
งหวั
ดป
ตตานี
และจั
งหวั
ดนราธิ
วาส เพื
อจะได
นํ
าผล
การศึ
กษาดั
งกล
าวมาใช
ประโยชน
ด
านข
อมู
ลในการอนุ
รั
กษ
พั
ฒนาสถาป
ตยกรรมที่
มี
ลั
กษณะโดดเด
น และเป
นโบราณ
สถานอั
นเป
นประโยชน
ทางศิ
ลปะ ประวั
ติ
ศาสตร
และ สามารถนํ
าไปปรั
บใช
กั
บเรื่
องในทํ
านองเดี
ยวกั
น หรื
อที่
เกี่
ยวข
อง
กั
นได
ต
อไป
วิ
ธี
ดํ
าเนิ
นการศึ
กษาค
นคว
การศึ
กษาครั้
งนี้
ผู
วิ
จั
ยกํ
าหนดวิ
ธี
การศึ
กษาค
นคว
าเป
นขั้
นตอนดั
งนี้
1. ขั้
นสํ
ารวจและศึ
กษาเอกสารที่
เกี่
ยวข
อง
โดยการสํ
ารวจและศึ
กษาเอกสารที่
ให
ความรู
เกี่
ยวกั
บเรื่
องที่
ศึ
กษาจากแหล
งเอกสารต
าง ๆ ที่
เกี่
ยวข
อง
2. ขั้
นเก็
บรวบรวมข
อมู
โดยทํ
าการเก็
บรวบรวมข
อมู
ล 2 ลั
กษณะ ดั
งนี้
2.1 การเก็
บรวบรวมข
อมู
ลจากเอกสาร โดยการเก็
บรวบรวมจากเอกสารและงานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข
องกั
ลั
กษณะทางสถาป
ตยกรรมและคติ
ความเชื่
อที่
ปรากฏในมั
สยิ
ดโบราณในจั
งหวั
ดป
ตตานี
และจั
งหวั
ดนราธิ
วาสตามประเด็
ที่
กํ
าหนดไว
ในขอบเขตด
านเนื้
อหา
2.2 การเก็
บรวบรวมข
อมู
ลภาคสนาม โดยการเก็
บข
อมู
ลในแหล
งที่
ศึ
กษาด
วยวิ
ธี
การสั
มภาษณ
สั
งเกต
และถ
ายภาพประกอบ การสั
มภาษณ
ใช
แถบบั
นทึ
กเสี
ยงและ/หรื
อจดบั
นทึ
กตามความเหมาะสม การสั
งเกตใช
วิ
ธี
การ
จดบั
นทึ
ก ถ
ายภาพประกอบ และเขี
ยนภาพลายเส
น การสั
มภาษณ
สั
มภาษณ
กลุ
มบุ
คคลดั
งต
อไปนี้
2.2.1 ช
างก
อสร
างหรื
อผู
ที่
มี
ประสบการณ
ในการก
อสร
างศาสนสถานในพื้
นที่
จั
งหวั
ดป
ตตานี
และจั
งหวั
ดนราธิ
วาส จํ
านวน 7 คน
2.2.2 คณะกรรมการอิ
สลามประจํ
ามั
สยิ
ดที่
มี
ความรู
และปฏิ
บั
ติ
ศาสนกิ
จอยู
ใน มั
สยิ
ดโบราณใน
จั
งหวั
ดป
ตตานี
และจั
งหวั
ดนราธิ
วาส จํ
านวน 7 คน
2.2.3 ชาวบ
านทั่
วไปที่
มี
ความรู
เกี่
ยวกั
บมั
สยิ
ดและมี
ภู
มิ
ลํ
าเนาอยู
ในพื้
นที่
ตั้
งของมั
สยิ
ดโบราณในจั
งหวั
ป
ตตานี
และจั
งหวั
ดนราธิ
วาส จํ
านวน 30 คน
3. ขั้
นจั
ดกระทํ
ากั
บข
อมู
โดยดํ
าเนิ
นการดั
งนี้
3.1 นํ
าข
อมู
ลที่
รวบรวมได
จากเอกสารต
าง ๆ มาศึ
กษาพร
อมจั
ดระบบหมวดหมู
ตามประเด็
นที
กํ
าหนด
ไว
ในขอบเขตด
านเนื้
อหา
3.2 นํ
าข
อมู
ลที่
รวบรวมได
จากมั
สยิ
ดมาศึ
กษาพร
อมจั
ดระบบหมวดหมู
ตามประเด็
นที่
กํ
าหนดไว
ใน
ขอบเขตด
านเนื้
อหา
3.3 นํ
าข
อมู
ลที่
ได
จากการสั
มภาษณ
ซึ่
งบั
นทึ
กเสี
ยงมาถอดความด
วยวิ
ธี
สรุ
ปสาระสํ
าคั
ญตาม
ขอบเขตด
านเนื้
อหา
1...,660,661,662,663,664,665,666,667,668,669 671,672,673,674,675,676,677,678,679,680,...702
Powered by FlippingBook