full2010.pdf - page 1595

1557
ใกล
ชิ
ด จากการศึ
กษานี้
พบว
าแพทย
เพี
ยงบางส
วน (หนึ่
งในสี่
) เท
านั้
น สั่
งตรวจไวรั
สตั
บอั
กเสบก
อนเริ่
มการรั
กษา ซึ่
สอดคล
องกั
บแนวปฏิ
บั
ติ
ในการดู
แลผู
ป
วยวั
ณโรคในประเทศไทยที่
ไม
ได
ระบุ
ให
ตรวจหาไวรั
สตั
บอั
กเสบก
อนเริ่
การรั
กษา สํ
าหรั
บแพทย
ที
สั่
งตรวจหาไวรั
สตั
บอั
กเสบก
อนเริ่
มการรั
กษานั้
นแพทย
ส
วนใหญ
จะสั่
งตรวจในผู
ป
วยบาง
รายโดยจะสั่
งตรวจในผู
ป
วยติ
ดเชื้
อเอชไอวี
รองลงมาคื
อผู
ป
วยมี
ประวั
ติ
ใช
ยาเสพติ
ดชนิ
ดฉี
ดเข
าเส
น และรั
บเลื
อดเป
ประจํ
า ซึ่
งผู
ป
วยเหล
านี้
เป
นผู
ป
วยที่
มี
รายงานว
ามี
ป
จจั
ยเสี่
ยงของการเกิ
ดไวรั
สตั
บอั
กเสบ (Liang
et al
., 2010; Bini and
Perumalswami, 2010) ค
าทางห
องปฏิ
บั
ติ
การที่
แพทย
สั่
งตรวจได
แก
HBsAg ซึ่
งเป
นค
าที่
บ
งบอกถึ
งสภาวะที่
ร
างกาย
กํ
าลั
งมี
การติ
ดเชื้
ออยู
หรื
อเป
นพาหะของโรคไวรั
สตั
บอั
กเสบบี
ซึ่
งค
านี้
มี
ความไวเพี
ยงพอที่
จะใช
ในการวิ
นิ
จฉั
ยโรค
ของผู
ป
วย (สํ
านั
กพั
ฒนาวิ
ชาการ กรมการแพทย
กระทรวงสาธารณสุ
ข, 2549) รองลงมา คื
อ Anti-HCV เป
นค
าที่
บ
บอกว
าผู
ป
วยเคยติ
ดเชื้
อไวรั
สตั
บอั
กเสบซี
มาก
อนและมี
เชื้
ออยู
ในกระแสเลื
อด (จุ
ฑามาศ, 2547)
การปฏิ
บั
ติ
ของแพทย
ระหว
างผู
ป
วยได
รั
บยาต
านวั
ณโรค พบแพทย
ส
วนใหญ
(ร
อยละ 93) ได
สอบถามผู
ป
วย
เพื่
อประเมิ
นอาการของการเกิ
ดภาวะพิ
ษต
อตั
บระหว
างผู
ป
วยได
รั
บยาต
านวั
ณโรค โดยแนวปฏิ
บั
ติ
ของ ATS และแนว
ปฏิ
บั
ติ
ของประเทศฮ
องกง แนะนํ
าให
สอบถามและประเมิ
นลั
กษณะอาการทางคลิ
นิ
กของภาวะพิ
ษต
อตั
บในผู
ป
วย
ตามนั
ดทุ
กครั้
ง เนื่
องจากการสอบถามดั
งกล
าวจะช
วยให
ผู
ป
วยสามารถเฝ
าระวั
งสั
งเกตอาการตนเองและกลั
บมา
โรงพยาบาลเมื่
อพบความผิ
ดปกติ
ที่
เกิ
ดขึ้
น อาการทางคลิ
นิ
กที่
บ
งบอกถึ
งความผิ
ดปกติ
ของตั
บ เหล
านี้
ได
แก
ตั
วเหลื
อง
ตาเหลื
อง คลื่
นไส
อาเจี
ยน อ
อนเพลี
ย เบื่
ออาหาร ปวดท
อง เป
นต
น ซึ่
งแพทย
จะสามารถใช
เป
นข
อมู
ลในการพิ
จารณา
สั่
งตรวจเลื
อดเพื่
อดู
การทํ
างานของตั
บเพิ่
มเติ
มและใช
ประกอบการวิ
นิ
จฉั
ยภาวะพิ
ษต
อตั
บของผู
ป
วยด
วย สํ
าหรั
บการ
ตรวจเลื
อดเพื่
อติ
ดตามการทํ
างานของตั
บระหว
างที่
ผู
ป
วยกํ
าลั
งได
รั
บยาต
านวั
ณโรคอยู
นั้
น พบว
าแพทย
ส
วนใหญ
จะสั่
ตรวจค
าดั
งกล
าว โดยครึ่
งหนึ่
งของแพทย
จะสั่
งตรวจในผู
ป
วยบางรายเช
น สั่
งตรวจมากในผู
ป
วยที่
มี
อาการแย
ลงหลั
ได
รั
บยา รองลงมา คื
อ LFTs ผิ
ดปกติ
ตั้
งแต
เริ่
มรั
กษา นอกจากนี้
ได
สั่
งตรวจในผู
ป
วยที่
มี
ความเสี่
ยงในการเกิ
ดพิ
ษต
ตั
บซึ่
งสอดคล
องกั
บแนวปฏิ
บั
ติ
ของประเทศอเมริ
กา อั
งกฤษและฮ
องกง (American Thoracic Society, 2006; Hong
Kong 2002) เมื่
อพิ
จารณาความถี่
ในการส
งตรวจติ
ดตามค
าทางห
องปฏิ
บั
ติ
การ พบว
าแพทย
ส
วนใหญ
สั่
งตรวจทุ
ก 2
สั
ปดาห
ภายใน 2 เดื
อนแรกและสั่
งตรวจทุ
ก 1 สั
ปดาห
ใน 2 สั
ปดาห
แรกตามด
วยทุ
ก 2 สั
ปดาห
ใน 2 เดื
อนแรก ทั้
งนี้
อาจเนื่
องมาจากการเกิ
ดพิ
ษต
อตั
บจากยาต
านวั
ณโรคมั
กเกิ
ดขึ้
นในช
วง 2 สั
ปดาห
ถึ
ง 2 เดื
อนแรกของการรั
กษา
(Teleman
et al
., 2002; Yee D
et al
., 2003) โดยเฉพาะรายงานของผู
ป
วยในประเทศไทยการเกิ
ดพิ
ษต
อตั
บจากยาพบ
ใน 1- 2 สั
ปดาห
แรกของการรั
กษา (วิ
ศิ
ษฎ
อุ
ดมพาณิ
ชย
และคณะ, 2546) ทํ
าให
แพทย
สั่
งตรวจติ
ดตามค
าทาง
ห
องปฏิ
บั
ติ
การในช
วงระยะเวลาดั
งกล
าว โดยในการศึ
กษานี้
ยั
งมี
แพทย
จํ
านวนหนึ่
ง (ร
อยละ 9.4) ที่
ไม
ได
สั่
งตรวจ
ติ
ดตามเป
นประจํ
าแต
ตรวจเมื่
อผู
ป
วยมี
อาการทางคลิ
นิ
กของภาวะพิ
ษต
อตั
บเท
านั้
น ซึ่
งแพทย
อาจแนะนํ
าให
ผู
ป
วย
สั
งเกตตั
วเอง หากพบความผิ
ดปกติ
ของอาการการเกิ
ดพิ
ษต
อตั
บให
ผู
ป
วยกลั
บมาโรงพยาบาลทั
นที
การศึ
กษานี้
เป
นการวั
ดการปฏิ
บั
ติ
(practice) ของผู
ให
บริ
การสาธารณสุ
ข ซึ่
งวิ
ธี
การวั
ดที่
จั
ดว
าเป
นมาตรฐาน
(Gold standard) และสะท
อนให
เห็
นการปฏิ
บั
ติ
ที่
แท
จริ
งมี
อยู
ด
วยกั
นหลายวิ
ธี
ได
แก
การใช
ผู
ป
วยจํ
าลอง (standardized
patients) การบั
นทึ
กการปฏิ
บั
ติ
ของผู
ให
บริ
การด
วยวี
ดี
ทั
ศน
(video-tape record) ซึ่
งวิ
ธี
เหล
านั้
นมี
ข
อจํ
ากั
ดเช
น ต
องให
ผู
ป
วยจริ
งหรื
อต
องหาผู
ที่
มาแสดงตนให
เหมื
อนผู
ป
วยจริ
ง ซึ่
งไม
สามารถทํ
าได
ดั
งนั้
นการวั
ดการปฏิ
บั
ติ
โดยการใช
แบบสอบถามดั
งเช
นในการศึ
กษานี้
ซึ่
งเป
นการวั
ดโดยทางอ
อม (indirect method) อาจจะไม
ได
ข
อมู
ลตรงกั
บที่
ปฏิ
บั
ติ
จริ
งทั้
งหมด อย
างไรก็
ตามก
อนทํ
าการศึ
กษาผู
วิ
จั
ยได
พยายามลดความผิ
ดพลาดในส
วนนี้
โดยการแจ
งให
แพทย
ผู
ตอบ
แบบสอบถามทราบว
า จะไม
ระบุ
ชื่
อแพทย
ผู
ให
ข
อมู
ล และจะนํ
าเสนอผลการวิ
จั
ยเป
นลั
กษณะของกลุ
มหรื
อภาพรวม
1...,1585,1586,1587,1588,1589,1590,1591,1592,1593,1594 1596,1597,1598,1599,1600,1601,1602,1603,1604,1605,...2023
Powered by FlippingBook