full2010.pdf - page 1605

1567
สายดวน นิ สิตผู กูยืมเงินกองทุนเงิ นใหกูยืมเพื่อการศึกษา เพื่อชวยแกป ญหาใหกับนิสิต หรืออาจทํ าเปนหองใหคําปรึกษา
โดยใหบริ การนิสิตทุกวั นพุธ เนื่องจากไมมีการเรียนการสอนในชวงบาย
°£·ž¦µ¥Ÿ¨
ผลการวิจัยสามารถสรุปเปนประเด็ นสําคัญตาง ๆ และนํามาอภิปรายผลไดดังนี้
1. จากผลการวิจัย พบวา เงินที่ผูกูชําระหนี้คืนเงินกองทุ นฯ จะนําเงินไปใชหมุ นเวียนให กับนิสิ ตรุนหลังไดกูยืม
ตอไป ภาพรวมนิสิตมีระดับการรั บรูอยูในระดับปานกลาง ทั้งนี้อาจเปนเพราะ การสรางความรู ความเขาใจให แกนิ สิตจํานวน
มาก โดยเฉพาะระเบียบ และข อตกลงตามสัญญาประกอบกั บการชี้แจงจากเจ าหนาที่ ของสํ านักงานกองทุนเงินใหกูยืมเพื่ อ
การศึกษา ยังไมชัดเจนและเพียงพอ ดังนั้ นมหาวิทยาลัยทักษิณจึงจําเปนที่ จะตองสรางความรู ใหแกนิ สิตอยางเรงดวน เพื่อป องกัน
การไมชําระหนี้ของนิ สิตเมื่อครบกําหนด ซึ่ งสอดคลองกั บงานวิจัยของรายงานการติดตามผลการดําเนินงานกองทุ นเงินใหกูยืมเพื่อ
การศึกษา ปการศึกษา 2539 ของกระทรวงศึกษาธิ การ (2540 : 20-28) พบวา สภาพปญหาการดําเนินงานกองทุ น เจาหนาที่
จังหวั ด สถานศึกษา ยังขาดความรูความเขาใจในการดําเนินการกองทุน ขาดการสนับสนุ นดานวัสดุอุปกรณ ระยะเวลาในการ
ดําเนิ นงานกระชั้นชิด สั ญญากูยืมเงิน ผิ ดพลาดตองแกไขหลายครั้ งใชเวลามากสถานศึ กษาบางแหงนํ าเงินไปเฉลี่ ยให
นั กเรียนทุกคนที่ขอกู ทําใหไดรับเงินกูน อยไมพอกับคาใชจาย
2. การเปรียบเทียบเพศกับระดับการรับรูหลักเกณฑการชําระหนี้คืนเงินกองทุนเงิ นใหกูยืมเพื่อการศึกษา ของนิสิต
ผูกูยืมเงินกองทุนเงินใหกูยืมเพื่ อการศึกษา ชั้นปที ่ 4 มหาวิ ทยาลัยทั กษิณ ปการศึกษา 2552 พบว า นิสิตเพศชายและนิ สิต
เพศหญิ งมีระดับการรับรู ไมแตกต างกัน ทั้งนี้อาจเปนเพราะไดรับการปฐมนิเทศ หรือชี้ แจงหลักเกณฑ การชําระหนี้คืน จาก
มหาวิทยาลัยเหมือนกัน อี กทั้งการเผยแพรขาวสารในยุคปจจุบั นมีการเปดกว างไมไดมีขีดจํากัดของเพศ ซึ่งไม สอดคลองกับ
สมมุติฐานที่ตั้งไว เปรียบเทียบที่พั กอาศัย พบวานิ สิตที่พักอาศั ยภายในมหาวิทยาลั ยและนิสิตที่พักอาศั ยภายนอกมหาวิทยาลัย
มีระดั บการรับรู ไมแตกตางกัน ทั้ งนี้อาจเปนเพราะในยุคปจจุบั นเปนยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ การรับรูขอมูลขาวสารตาง ๆ
สามารถกระทํ าไดโดยงาย เชน การใชเว็บไซต ซึ่งถึงแมนิ สิตจะไม ไดพั กอาศัยอยู ในรั้วของมหาวิทยาลัยก็ สามารถรับรูขาวสาร
ไดตลอดเวลา อยางไรก็ตามเพื่ อความสะดวก รวดเร็ว และถูกตองแมนยํา เจาหนาที่ ผูรับผิ ดชอบกองทุนเงินใหกูยืมเพื่ อ
การศึ กษาควรมีการแจงขาวสารแกนิสิ ตผานทางจดหมายอีเล็กทรอนิ กส หรืออีเมล ซึ่งไม สอดคลองกับสมมุติฐานที่ ตั้งไว
การเปรียบเทียบผลการเรียน พบวา นิสิตที่มีผลการเรียนน อยกวา 2.50 และนิสิตที่ผลการเรียนมากกวาหรือเทากับ 2.50 มีระดับ
การรั บรู ไมแตกตางกัน ทั้งนี้อาจเปนเพราะกองทุนเงิ นใหกูยืมเพื่อการศึกษาไดเปดโอกาสให นิสิ ตที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ
ไมดีได กูยืมเงินไปเพื่อใชในการศึกษาเล าเรียน จึงต องติดตามขาวสารอยูตอเนื่อง สงผลใหการรับรูของนิ สิตที่มีผลการเรี ยน
ตางกันจึงมี ระดับการรับรูไมแตกตางกัน ซึ่งสอดคลองกั บงานวิจัยของ อิ ทธิพล ใจสมัคร (2541 : บทคั ดยอ) ไดศึกษาเรื่อง การ
ประเมินโครงการกองทุ นเงินใหกูยืมเพื่ อการศึกษา : ศึกษากรณี สถาบันอุ ดมศึกษาเอกชนประเภทมหาวิ ทยาลัยในเขต
กรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบว า ดานการบริหารจัดการดําเนินงานโครงการกองทุนเงินให กูยืมเพื่ อการศึกษา การรั บรูและ
เขาใจโครงการกองทุ นเงินใหกูยืมเพื่ อการศึกษาของผู ปฏิบั ติงานและดําเนินโครงการกองทุ นเงินใหกูยืมฯ มีการรับรูขาวสารทุก
คน โดยรับรูขอมู ลจากกองบริการการศึกษาของทบวงมหาวิทยาลัยมากที่สุด (รอยละ 92.9) ซึ่ งเปนการรับรูขาวสารที่มาจากคูมือ
ปฏิบั ติงานโครงการกองทุ นเงินใหกูยืมฯ ของทบวงมหาวิทยาลัย สํ าหรับการเขาใจโครงการกองทุนเงิ นใหกูยืมฯ สวนใหญ
เขาใจวั ตถุประสงคสอดคลองตามพระราชบัญญั ติ คือ เป นกองทุนเงินใหกูยืมฯ แก นักเรี ยนและนักศึ กษาที่ขาดแคลนทุ นทรัพย
เพื่อเป นค าเลาเรียน ค าใชจายการศึ กษา และคาครองชีพระหวางการเรียน แต ไมสอดคลองกับสมมุติฐานที่ตั้งไว การ
เปรียบเที ยบจํานวนครั้งที่ขอการกูยืมเงิ นกองทุนเงินใหกูยืมเพื่ อการศึกษา พบวา นิสิ ตที่ขอกูยืมเงิน กองทุนเงินใหกูยืมเพื่ อ