1568
การศึ
กษา น
อยกว
า 3 ครั้
งต
อการขอกู
ยื
มเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา และนิ
สิ
ตที่
ขอกู
ยื
มเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อ
การศึ
กษา ตั้
งแต
3 ครั้
งขึ้
นไปต
อการขอกู
ยื
มเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา มี
ระดั
บการรั
บรู
ไม
แตกต
างกั
น ทั้
งนี้
อาจเป
น
เพราะกระบวนการในการขอกู
ยื
มเงิ
นนั้
นมี
ลั
กษณะเช
นเดิ
ม การกู
ยื
มเงิ
นในครั้
งแรก ครั้
งที่
2 หรื
อครั้
งถั
ดไป ก็
ต
องอาศั
ยการ
ทํ
าความเข
าใจในครั้
งแรกด
วยกั
นทั้
งสิ้
น หากมี
การรั
บรู
หลั
กเกณฑ
การกู
ยื
มในครั้
งแรกแล
ว ครั
้
งถั
ดไปก็
จะมี
ลั
กษณะตอกย้ํ
า ซ้ํ
า
ทวน ซึ่
งสอดคล
องกั
บแนวคิ
ดของ สถิ
ต วงศ
สวรรค
(2539 : 87-94) ได
กล
าวถึ
ง ธรรมชาติ
ของการรั
บรู
ของมนุ
ษย
โดยทั่
วไป
เราจะรั
บรู
โดยให
ความคงที่
หรื
อคงสภาพของวั
ตถุ
เสมอ ทั้
ง ๆ ที่
มั
นได
เปลี่
ยนลั
กษณะไปแล
วตามสิ่
งแวดล
อมและสภาพทาง
ร
างกายในขณะนั้
น การที่
เราไม
รู
สึ
กถึ
งการเปลี่
ยนแปลงเลยเป
นเพราะในการมองวั
ตถุ
คนเราจะนํ
าเหตุ
การณ
ต
าง ๆ
ประสบการณ
และสิ่
งแวดล
อมเข
ามาเกี่
ยวข
องกั
บการรั
บรู
ด
วย ความคงที่
ในการรั
บรู
วั
ตถุ
แต
ไม
สอดคล
องกั
บสมมุ
ติ
ฐานที่
ตั้
งไว
การเปรี
ยบเที
ยบจํ
านวนครั
้
งที
่
เข
าร
วมกิ
จกรรมชี
้
แจงการกู
ยื
มเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา พบว
า นิ
สิ
ตที่
เข
าร
วม
กิ
จกรรมชี้
แจงการกู
ยื
มเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา น
อยกว
าหรื
อเท
ากั
บ 2 ครั้
ง และนิ
สิ
ตที่
เข
าร
วมกิ
จกรรมชี้
แจงการ
กู
ยื
มเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา มากกว
า 2 ครั้
งขึ้
นไป มี
ระดั
บการรั
บรู
ไม
แตกต
างกั
น ทั้
งนี้
อาจเป
นเพราะ
มหาวิ
ทยาลั
ยได
จั
ดกิ
จกรรมชี้
แจงการกู
ยื
มเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา แต
ละครั้
งมี
ประสิ
ทธิ
ภาพส
งผลให
เกิ
ด
ประสิ
ทธิ
ผลนั
กศึ
กษาจะเข
าร
วมกิ
จกรรมกี่
ครั้
งก็
ไม
มี
ผลต
อการรั
บรู
ประกอบกั
บนิ
สิ
ตมี
ความตั้
งใจที่
จะรั
บรู
เพราะเป
นเรื่
องที่
เกี่
ยวกั
บตนเองและครอบครั
ว จนกว
าจะชํ
าระหนี้
หมดสิ้
น แต
ไม
สอดคล
องกั
บสมมุ
ติ
ฐานที่
ตั้
งไว
การเปรี
ยบเที
ยบคณะที่
กํ
าลั
งศึ
กษาอยู
พบว
า นิ
สิ
ตคณะต
าง ๆ มี
ระดั
บการรั
บรู
ในภาพรวม อยู
ในระดั
บปานกลาง (
X
= 3.39, S.D. = .46) เมื่
อ
พิ
จารณาเป
นรายคณะ พบว
า คณะนิ
ติ
ศาสตร
มี
ระดั
บการรั
บรู
มากเป
นอั
นดั
บ 1 (
X
= 3.51, S.D. = .42) และนิ
สิ
ตคณะต
าง ๆ
มี
ระดั
บการรั
บรู
ไม
แตกต
างกั
น ทั้
งนี้
อาจเป
นเพราะมหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณให
ความสํ
าคั
ญในเรื่
องการชี้
แจงหลั
กเกณฑ
การชํ
าระ
หนี้
คื
นกั
บนิ
สิ
ตโดยไม
เลื
อกปฏิ
บั
ติ
กั
บนิ
สิ
ตคณะใดคณะหนึ่
งระดั
บการรั
บรู
จึ
งไม
แตกต
างกั
น นอกจากนั
้
นแล
วการที
่
นิ
สิ
ตคณะ
นิ
ติ
ศาสตร
มี
ระดั
บการรั
บรู
มากเป
นอั
นดั
บ 1 อาจเป
นเพราะด
วย คุ
ณลั
กษณะเฉพาะของผู
ศึ
กษานิ
ติ
ศาสตร
ซึ่
งเป
นศาสตร
ที่
เกี่
ยวข
องกั
บการควบคุ
มคนในสั
งคม สิ
ทธิ
เสรี
และหน
าที
่
ของคน ดั
งนั
้
นคนที
่
เรี
ยนจะต
องมี
ความรั
บผิ
ดชอบสู
งกว
าปกติ
จึ
ง
ทํ
าให
ตระหนั
กในความสํ
าคั
ญของการรั
บรู
หลั
กเกณฑ
การชํ
าระหนี้
คื
นเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา อย
างไรก็
ตามเพื่
อ
การสร
างฐานความรู
ความเข
าใจให
แก
นิ
สิ
ตนั้
นทางมหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ควรจั
ดให
มี
ตั
วแทนของผู
กู
ยื
มทุ
กคณะเพื่
อที่
จะได
เป
นตั
วเชื่
อมในการกระจายข
าวสารไปยั
งนิ
สิ
ต ซึ่
งการเล
าสู
กั
นฟ
งของนิ
สิ
ตจะทํ
าได
ทั่
วถึ
งกว
าเจ
าหน
าที่
โดยใช
ความสนิ
ทสนม
ส
วนบุ
คคล ซึ่
งไม
สอดคล
องกั
บสมมุ
ติ
ฐานที่
ตั้
งไว
o
°Á°Â³
1.
o
°Á°Â³Á·
Ã¥µ¥¤®µª·
¥µ¨´
¥´
¬·
1.1 มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ควรร
วมมื
อกั
บกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษาในการจั
ดทํ
าระบบเทคโนโลยี
สารสนเทศ เพื่
อให
นิ
สิ
ตที่
สํ
าเร็
จการศึ
กษาแล
วได
รั
บทราบข
อมู
ลเกี่
ยวกั
บการชํ
าระหนี้
ยอดหนี้
คงเหลื
อ อย
างชั
ดเจน และ
ถู
กต
อง
1.2 มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณและหน
วยงานภายในที่
เกี่
ยวข
อง ควรร
วมกั
นกํ
าหนดยุ
ทธศาสตร
การพั
ฒนาระบบ
กองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา เพื่
อนํ
าไปเป
นแนวทางในการปฏิ
บั
ติ
2.
o
°Á°Â³Äµ¦Î
揎o
2.1 ควรจั
ดทํ
าคู
มื
อขั้
นตอนการชํ
าระหนี้
คื
นเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา ให
นิ
สิ
ตหลั
งสํ
าเร็
จการศึ
กษา
เพื่
อจะได
มี
ความรู
ความเข
าใจ และเตรี
ยมความพร
อมในการชํ
าระหนี้
คื
นเงิ
นกองทุ
นเงิ
นให
กู
ยื
มเพื่
อการศึ
กษา