full2010.pdf - page 1614
1576
จากผลการวิ
จั
ย พบว
า
1. สภาพการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญของโรงเรี
ยนสั
งขะ สํ
านั
กงานเขตพื้
นที่
การศึ
กษาสุ
ริ
นทร
เขต 3 ทั้
ง 5 ด
านได
แก
ด
านการปฐมนิ
เทศ ด
านการทํ
าความเข
าใจ ด
านการจั
ดสร
างแนวคิ
ดใหม
ด
านการนํ
าความคิ
ด
ไปใช
และด
านการทบทวน มี
การปฏิ
บั
ติ
อยู
ในระดั
บปานกลาง สอดคล
องกั
บสมมติ
ฐานการวิ
จั
ยข
อที่
1 เหตุ
ที่
เป
น
เช
นนี้
อาจเนื่
องมาจากผู
วิ
จั
ยได
ดํ
าเนิ
นการประเมิ
นผลการปฏิ
บั
ติ
งานตลอดป
การศึ
กษา 2551 และ 2552 พบว
า ครู
ส
วน
ใหญ
ยั
งมี
ทั
กษะกระบวนการจั
ดการเรี
ยนรู
ค
อนข
างน
อย อี
กทั้
งขนาดของชั้
นเรี
ยนโรงเรี
ยนสั
งขะค
อนข
างมี
ขนาดใหญ
คื
อมี
จํ
านวนนั
กเรี
ยนต
อห
องมากกว
า 40 คน และครู
มี
ภาระการสอนค
อนข
างมากจึ
งอาจมี
การเร
งสอนเพื่
อให
ทั
นต
อ
เวลาและเนื้
อหาที่
เรี
ยน ทางโรงเรี
ยนจึ
งควรได
มี
การวิ
เคราะห
ประเมิ
นความต
องการจํ
าเป
นเกี่
ยวกั
บการบริ
หารจั
ดการ
เรื่
องขนาดของชั้
นเรี
ยน เพื่
อจะได
ดํ
าเนิ
นการแก
ป
ญหาในป
การศึ
กษาต
อไป
2. ผลการเปรี
ยบเที
ยบการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญ ของโรงเรี
ยนสั
งขะ จํ
าแนกตามระดั
บชั้
น
ของนั
กเรี
ยน พบว
า สภาพการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญของโรงเรี
ยนสั
งขะ ในระดั
บชั้
นที่
ต
างกั
นมี
ความ
แตกต
างกั
นอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .01 โดยเมื่
อทํ
าการเปรี
ยบเที
ยบรายคู
พบว
า คู
ที่
มี
ค
าเฉลี่
ยของการรั
บรู
เกี่
ยวกั
บการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญแตกต
างกั
นอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .01 คื
อ ระดั
บชั
้
น
มั
ธยมศึ
กษาป
ที่
3 ระดั
บชั้
นมั
ธยมศึ
กษาป
ที่
5 ไม
สอดคล
องกั
บสมมติ
ฐานการวิ
จั
ยข
อที่
2 เหตุ
ที่
เป
นเช
นนี้
อาจ
เนื่
องมาจากครู
ที่
สอนในระดั
บชั้
นมั
ธยมศึ
กษาป
ที่
3 มี
บางส
วนเป
นครู
บรรจุ
ใหม
อาจจะยั
งไม
มี
ความชํ
านาญการใน
การสอน และเช
นเดี
ยวกั
นครู
ที่
สอนในระดั
บชั้
นมั
ธยมศึ
กษาป
ที่
5 ส
วนใหญ
เป
นครู
ที่
บรรจุ
มาเกิ
น 5 ป
แล
ว อาจจะมี
ทั
กษะและเทคนิ
คการสอนที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญมากกว
า
3. ผลการเปรี
ยบเที
ยบการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญ ของโรงเรี
ยนสั
งขะ จํ
าแนกช
วงชั้
นของ
นั
กเรี
ยน พบว
า นั
กเรี
ยนช
วงชั้
นที่
4 มี
การรั
บรู
ต
อสภาพการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญของโรงเรี
ยนสั
งขะสู
ง
กว
านั
กเรี
ยนระดั
บช
วงชั้
นที่
3 อย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .01 ไม
สอดคล
องกั
บสมมติ
ฐานการวิ
จั
ยข
อที่
3 เหตุ
ที่
เป
นเช
นนี้
อาจเนื่
องมาจากเหตุ
ผลเช
นเดี
ยวกั
บข
อ 2 คื
อ ครู
ที่
สอนในช
วงชั้
นที่
4 ส
วนใหญ
เป
นครู
ที่
บรรจุ
มาเกิ
น 5 ป
แล
ว ได
รั
บการส
งเสริ
มทั
กษะการสอนโดยการเข
าร
วมอบรม ประชุ
มทางวิ
ชาการที่
หลากหลาย และมี
ความรู
ความ
เข
าใจเกี่
ยวกั
บพระราชบั
ญญั
ติ
การศึ
กษาแห
งชาติ
พ.ศ.2542 มี
แนวทางการจั
ดการศึ
กษา ตามมาตรา 22 ว
า การจั
ดการ
ศึ
กษาต
องยึ
ดหลั
กว
าผู
เรี
ยนทุ
กคนมี
ความสามารถเรี
ยนรู
และพั
ฒนาตนเองได
และถื
อว
าผู
เรี
ยนมี
ความสํ
าคั
ญที่
สุ
ด
กระบวนการจั
ดการศึ
กษาต
องส
งเสริ
มให
ผู
เรี
ยนสามารถพั
ฒนาตามธรรมชาติ
และเต็
มศั
กยภาพ จึ
งทํ
าให
ครู
เห็
น
ความสํ
าคั
ญของการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
ยึ
ดผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญ และปรั
บเปลี่
ยนบทบาทในการสอนแบบเดิ
มของตนเองมา
เป
นบทบาทแบบใหม
ที่
ยึ
ดผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญ
4. ผลการเปรี
ยบเที
ยบสภาพการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญของโรงเรี
ยนสั
งขะ ตามการรั
บรู
ของ
นั
กเรี
ยนและครู
พบว
า ทั้
งในภาพรวมและรายประเด็
น นั
กเรี
ยนมี
การรั
บรู
ต
อสภาพการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
น
สํ
าคั
ญของโรงเรี
ยนสั
งขะสู
งกว
าการรั
บรู
ของตั
วครู
อย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ที่
ระดั
บ .01 ไม
สอดคล
องกั
บสมมติ
ฐาน
การวิ
จั
ยข
อที่
4 เหตุ
ที่
เป
นเช
นนี้
อาจเนื่
องมาจากครู
ยั
งคิ
ดว
ากระบวนการจั
ดการเรี
ยนการสอนในชั้
นเรี
ยนยั
งไม
เป
นไป
ตามที่
คาดหวั
ง และยั
งไม
บรรลุ
มาตรฐานของสํ
านั
กงานคณะกรรมการการศึ
กษาขั้
นฐาน และมาตรฐานของสํ
านั
กงาน
รั
บรองมาตรฐานและประเมิ
นคุ
ณภาพการศึ
กษา แต
ถึ
งแม
จะมี
ความแตกต
างกั
นของการรั
บรู
เกี่
ยวกั
บสภาพการจั
ดการ
เรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญของโรงเรี
ยนสั
งขะ ระหว
างครู
และนั
กเรี
ยนแต
โดยภาพรวมสภาพการจั
ดการเรี
ยนรู
ที่
เน
นผู
เรี
ยนเป
นสํ
าคั
ญของโรงเรี
ยนสั
งขะตามการรั
บรู
ของครู
และนั
กเรี
ยนก็
อยู
ในระดั
บปานกลางเช
นเดี
ยวกั
น
1...,1604,1605,1606,1607,1608,1609,1610,1611,1612,1613
1615,1616,1617,1618,1619,1620,1621,1622,1623,1624,...2023