เอกสารการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัย ครั้งที่ 21 / 2554 (Oral) - page 209

3
หน่
อไว้
ในทีÉ
ร่
ม ใส่
ปุ
ยตามแผนการทดลองทีÉ
วางไว้
เมืÉ
อสั
บปะรดอายุ
2 เดื
อน กํ
าจั
ดวั
ชพื
ชสมํ
É
าเสมอ เมืÉ
อสั
บปะรดอายุ
4
เดื
อน สุ่
มเก็
บใบสั
บปะรด เพืÉ
อวิ
เคราะห์
ปริ
มาณไนโตรเจนโดยจะเก็
บใบD-leaves
การเก็
บตั
วอย่
างใบสั
บปะรด
เมืÉ
อสั
บปะรดอายุ
4 เดื
อน วั
ดปริ
มาณธาตุ
ไนโตรเจนในใบสั
บปะรด โดยใช้
ส่
วนกลางใบทีÉ
เป็
นสี
เขี
ยวของใบD-
leaves ซึ
É
งเป็
นใบมี
การเจริ
ญเติ
บโตสมบู
รณ์
ซึ
É
งสามารถใช้
เป็
นดั
ชนี
วั
ดการขาดแคลนธาตุ
อาหารของพื
ชได้
(Malezieux
and Bartholomew, 2003) โดยสุ่
มเก็
บแปลงย่
อยละ 10 ต้
น จากนั
Ê
นเมืÉ
อสั
บปะรดอายุ
ได้
13 เดื
อน สุ่
มเก็
บผลสั
บปะรด
แปลงย่
อยละ 3 ผล เพืÉ
อศึ
กษาหานํ
Ê
าหนั
กของผลผลิ
ต และคุ
ณภาพของผลสั
บปะรด
การวิ
เคราะห์
ทางเคมี
อบใบสั
บปะรดทีÉ
อุ
ณหภู
มิ
60 องศาเซลเซี
ยส จนได้
นํ
Ê
าหนั
กคงทีÉ
บดด้
วยเครืÉ
องบดตั
วอย่
างผ่
านตะแกรงขนาด 40
meshes ชั
É
งตั
วอย่
างทีÉ
อบแล้
ว0.2 กรั
ม ย่
อยสลายด้
วย digestion mixture (H
2
SO
4
conc., Na
2
SO
4
, และ Se ผสมกั
นใน
อั
ตราส่
วน 100:10:1) บน digesting apparatus ภายใน fume hood ทีÉ
อุ
ณหภู
มิ
375 องศาเซลเซี
ยส จนสารละลายทีÉ
ได้
มี
สี
ใส
ทิ
Ê
งให้
เย็
นแล้
วปรั
บปริ
มาตรเป็
น 50 มิ
ลลิ
ลิ
ตร นํ
าไปหาไนโตรเจน โดยวิ
ธี
การกลั
É
น (ทั
ศนี
และ จงรั
กษ์
, 2527) และ
วิ
เคราะห์
องค์
ประกอบด้
านคุ
ณภาพของสั
บปะรด ได้
แก่
ปริ
มาณของแข็
งทีÉ
ละลายนํ
Ê
าได้
(Total soluble solids; TSS) และ
ปริ
มาณกรดทีÉ
ไทเทรตได้
ซึ
É
งจะใช้
กรดซิ
ตริ
กในการคํ
านวณโดยวิ
ธี
Titration AOAC (1990)
การวิ
เคราะห์
ข้
อมู
ลทางสถิ
ติ
นํ
าข้
อมู
ลปริ
มาณไนโตรเจนในใบสั
บปะรดวิ
เคราะห์
ความแปรปรวน (analysis of variance) และเปรี
ยบเที
ยบ
ความแตกต่
างของค่
าเฉลีÉ
ยโดยวิ
ธี
Duncan’s new multiple range test (DMRT)
ผลและวิ
จารณ์
ผลการทดลอง
ปริ
มาณไนโตรเจนในใบ D-leaves ของสั
บปะรด
ผลการทดลอง พบว่
า วิ
ธี
การใส่
ปุ
ยยู
เรี
ยทีÉ
แตกต่
างกั
นมี
ผลทํ
าให้
ใบสั
บปะรดมี
ปริ
มาณความเข้
มข้
นของธาตุ
ไนโตรเจนแตกต่
างกั
น (p<0.05) โดยวิ
ธี
การฝั
งกลบและโรยปุ
ยยู
เรี
ยทีÉ
ผสมกั
บไทโอยู
เรี
ยตรงโคนต้
นมี
ปริ
มาณความ
เข้
มข้
นของไนโตรเจนไม่
แตกต่
างกั
นทางสถิ
ติ
(p>0.05, 0.98 และ 0.99 เปอร์
เซ็
นต์
ตามลํ
าดั
บ) แต่
สู
งกว่
า (p<0.05) การใส่
ปุ
ยยู
เรี
ยตรงโคนต้
น ซึ
É
งมี
ค่
าเท่
ากั
บ 0.77 เปอร์
เซ็
นต์
(Table 1)
Havlin
et al.
(2005) รายงานว่
า ความเข้
มข้
นของไนโตรเจนในใบ D-leaves สู
งมี
ความสั
มพั
นธ์
เชิ
งบวกกั
ปริ
มาณโครโรฟิ
ลล์
ในใบ ส่
งผลให้
สั
บปะรดมี
การสั
งเคราะห์
แสงและมี
การเจริ
ญเติ
บโตทีÉ
สู
ง เมืÉ
อเปรี
ยบเที
ยบการใส่
ปุ
ยยู
เรี
ยโดยโรยตรงโคน การใส่
ปุ
ยยู
เรี
ยแบบฝั
งกลบและการผสมไทโอยู
เรี
ยโดยไม่
ฝั
งกลบมี
ผลทํ
าให้
สั
บปะรดมี
ปริ
มาณความ
เข้
มข้
นของธาตุ
ไนโตรเจนในใบมากกว่
าถึ
ง21 เปอร์
เซ็
นต์
ในสิ
É
งทดลองทีÉ
มี
การฝั
งกลบปุ
ยยู
เรี
ยมี
ค่
าความเข้
มข้
นของธาตุ
ไนโตรเจนสู
งเนืÉ
องจากการพรวนกลบหรื
อฝั
งกลบให้
ปุ
ยอยู่
ใต้
ผิ
วดิ
นจะช่
วยลดการสู
ญเสี
ยเนืÉ
องจากการชะล้
างและการ
ระเหยไปของแก๊
สแอมโมเนี
ยปุ
ยจึ
งคงอยู่
ในดิ
นได้
นานขึ
Ê
น พื
ชสามารถดู
ดใช้
ธาตุ
ดั
งกล่
าวได้
นานขึ
Ê
น Havlin
et al.
(2005)
รายงานว่
า การใส่
ปุ
ยโดยให้
ปุ
ยอยู่
ใต้
ผิ
วดิ
นประมาณ 2-3 ซม. สามารถลดการสู
ญเสี
ยแอมโมเนี
ยได้
25-75 เปอร์
เซ็
นต์
เช่
นเดี
ยวกั
บการโรยปุ
ยยู
เรี
ยทีÉ
ผสมกั
บไทโอยู
เรี
ยตรงโคนซึ
É
งจากการวิ
เคราะห์
ปริ
มาณไนโตรเจนในกลุ่
มใบ D-leaves ให้
1...,199,200,201,202,203,204,205,206,207,208 210,211,212,213,214,215,216,217,218,219,...1102
Powered by FlippingBook