เอกสารการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัย ครั้งที่ 21 / 2554 (Oral) - page 346

2
บทนํ
สาหร
ายคาบอมบ
า หรื
อสาหร
ายบั
ว (Green cabomba, Fanwort) เป
นพรรณไม
น้ํ
าจื
ดที่
มี
การนํ
าเข
ามาเพาะ
ขยายพั
นธุ
จนกระทั่
งแพร
หลายในประเทศไทย เพราะสามารถปรั
บตั
วเข
ากั
บสภาพพื้
นที่
และภู
มิ
อากาศของไทยได
ดี
(อรุ
ณี
และคณะ, 2547) เป
นพื
ชที่
เจริ
ญเติ
บโตใต
ท
องน้ํ
า หรื
อ ไม
โผล
เหนื
อน้ํ
า(Submerged anchored or emerged plant)
เป
นไม
น้ํ
าที่
มี
รากและลํ
าต
นอยู
ใต
น้ํ
า มี
ใบบางส
วนและดอกเจริ
ญเหนื
อน้ํ
า (อุ
ไร. 2548; บุ
ญยา, 2549; เศรษฐมั
นตร
, 2551;
Yu
et al.
, 2004) เป
นพื
ชมี
ดอก ใบเลี้
ยงคู
มี
อายุ
หลายฤดู
ต
นมี
ลั
กษณะเป
นก
านเรี
ยวยาวกลมทอดไปตามระดั
บความลึ
ของน้ํ
า อาจยาวได
ถึ
ง 2 เมตร ส
วนรากจะอยู
ในดิ
นใต
พื้
นท
องน้ํ
า ใบที่
อยู
ใต
น้ํ
าจะแตกออกแบบตรงกั
นข
ามเป
นคู
หรื
อเรี
ยงเป
นวงรอบข
อ มี
ก
านใบสั้
นเพี
ยง 0.3 เซนติ
เมตร แผ
นใบแตกเป
นฝอยดู
คล
ายพั
ดมี
สี
เขี
ยวสด ส
วนใบที่
อยู
เหนื
น้ํ
าจะมี
รู
ปร
างแตกต
างออกไป คื
อมี
ขนาดเล็
ก แผ
นใบเป
นรู
ปทรงรี
แบนเรี
ยงตั
วสลั
บกั
น มี
ดอกบานเหนื
อน้ํ
าสี
ขาวหรื
สี
ครี
ม (พั
ฒน
, 2550; ปรั
ชญา, มปป.) กลี
บดอกรู
ปไข
จํ
านวน 6 กลี
บ มี
การเจริ
ญเติ
บโตได
รวดเร็
วมาก จึ
งนิ
ยมนํ
าไป
ประดั
บเป
นฉากบริ
เวณส
วนหลั
งของตู
เมื่
อเจริ
ญเต็
มที่
จะเกิ
ดรากฝอยแตกออกตามข
อ (ภาพที่
1) การขยายพั
นธุ
ทํ
าได
โดย
ตั
ดลํ
าต
นไปป
กชํ
าในพื้
นดิ
นโคลนใต
น้ํ
า (ช
อทิ
พย
, 2531; กรมประมง, 2545)
ภาพที่
1 : ลั
กษณะทั่
วไปของสาหร
ายคาบอมบ
า (
Cabomba caroliniana
)
ที่
มา : Pablo (2002) และ Abella (2004)
พรรณไม
น้ํ
านั
บเป
นพื
ชเศรษฐกิ
จที่
มี
อนาคตสดใส เพราะเป
นที่
ต
องการทั้
งตลาดในประเทศและต
างประเทศ มี
ผู
ซื้
อนิ
ยมนํ
าพรรณไม
น้ํ
ามาประดั
บตกแต
งตู
ปลาและจั
ดสวนพรรณไม
น้ํ
า โดยมี
การผลิ
ตและจํ
าหน
ายพรรณไม
น้ํ
าเพื่
การค
ามากกว
า 250 ชนิ
ด (ปรั
ชญา, มปป.) ซึ่
งสาหร
ายคาบอมบ
าเป
น 1 ใน 5 อั
นดั
บแรกของพรรณไม
น้ํ
าที่
มี
การส
งออก
มากที่
สุ
ด (อรุ
ณี
และคณะ, 2551) ในภาวะที่
สถานการณ
ด
านเศรษฐกิ
จของประเทศไทยยั
งไม
แน
นอน ควรหาอาชี
เสริ
มหรื
อเตรี
ยมตั
วไว
ก
อน โดยหาอาชี
พรองรั
บที่
ไม
เสี่
ยงในด
านการลงทุ
น ซึ่
งอาชี
พการเพาะเลี้
ยงพรรณไม
น้ํ
าน
าจะ
เป
นทางเลื
อกที่
ดี
อี
กทางหนึ่
งโดยเฉพาะการเพาะเลี้
ยงสาหร
ายคาบอมบ
า ซึ่
งเป
นพรรณไม
น้ํ
าที่
นิ
ยมใช
ประดั
บตกแต
งตู
ปลา (สุ
กั
ญญา, 2548; มยุ
รี
, 2551) และเป
นพรรณไม
น้ํ
าที่
ประเทศไทยส
งออกต
างประเทศมากที่
สุ
ด แต
เนื่
องจากยั
งไม
พบ
1...,336,337,338,339,340,341,342,343,344,345 347,348,349,350,351,352,353,354-355,356-357,358-359,...1102
Powered by FlippingBook