2
บทนํ
า
สาหร
ายคาบอมบ
า หรื
อสาหร
ายบั
ว (Green cabomba, Fanwort) เป
นพรรณไม
น้ํ
าจื
ดที่
มี
การนํ
าเข
ามาเพาะ
ขยายพั
นธุ
จนกระทั่
งแพร
หลายในประเทศไทย เพราะสามารถปรั
บตั
วเข
ากั
บสภาพพื้
นที่
และภู
มิ
อากาศของไทยได
ดี
(อรุ
ณี
และคณะ, 2547) เป
นพื
ชที่
เจริ
ญเติ
บโตใต
ท
องน้ํ
า หรื
อ ไม
โผล
เหนื
อน้ํ
า(Submerged anchored or emerged plant)
เป
นไม
น้ํ
าที่
มี
รากและลํ
าต
นอยู
ใต
น้ํ
า มี
ใบบางส
วนและดอกเจริ
ญเหนื
อน้ํ
า (อุ
ไร. 2548; บุ
ญยา, 2549; เศรษฐมั
นตร
, 2551;
Yu
et al.
, 2004) เป
นพื
ชมี
ดอก ใบเลี้
ยงคู
มี
อายุ
หลายฤดู
ต
นมี
ลั
กษณะเป
นก
านเรี
ยวยาวกลมทอดไปตามระดั
บความลึ
ก
ของน้ํ
า อาจยาวได
ถึ
ง 2 เมตร ส
วนรากจะอยู
ในดิ
นใต
พื้
นท
องน้ํ
า ใบที่
อยู
ใต
น้ํ
าจะแตกออกแบบตรงกั
นข
ามเป
นคู
ๆ
หรื
อเรี
ยงเป
นวงรอบข
อ มี
ก
านใบสั้
นเพี
ยง 0.3 เซนติ
เมตร แผ
นใบแตกเป
นฝอยดู
คล
ายพั
ดมี
สี
เขี
ยวสด ส
วนใบที่
อยู
เหนื
อ
น้ํ
าจะมี
รู
ปร
างแตกต
างออกไป คื
อมี
ขนาดเล็
ก แผ
นใบเป
นรู
ปทรงรี
แบนเรี
ยงตั
วสลั
บกั
น มี
ดอกบานเหนื
อน้ํ
าสี
ขาวหรื
อ
สี
ครี
ม (พั
ฒน
, 2550; ปรั
ชญา, มปป.) กลี
บดอกรู
ปไข
จํ
านวน 6 กลี
บ มี
การเจริ
ญเติ
บโตได
รวดเร็
วมาก จึ
งนิ
ยมนํ
าไป
ประดั
บเป
นฉากบริ
เวณส
วนหลั
งของตู
เมื่
อเจริ
ญเต็
มที่
จะเกิ
ดรากฝอยแตกออกตามข
อ (ภาพที่
1) การขยายพั
นธุ
ทํ
าได
โดย
ตั
ดลํ
าต
นไปป
กชํ
าในพื้
นดิ
นโคลนใต
น้ํ
า (ช
อทิ
พย
, 2531; กรมประมง, 2545)
ภาพที่
1 : ลั
กษณะทั่
วไปของสาหร
ายคาบอมบ
า (
Cabomba caroliniana
)
ที่
มา : Pablo (2002) และ Abella (2004)
พรรณไม
น้ํ
านั
บเป
นพื
ชเศรษฐกิ
จที่
มี
อนาคตสดใส เพราะเป
นที่
ต
องการทั้
งตลาดในประเทศและต
างประเทศ มี
ผู
ซื้
อนิ
ยมนํ
าพรรณไม
น้ํ
ามาประดั
บตกแต
งตู
ปลาและจั
ดสวนพรรณไม
น้ํ
า โดยมี
การผลิ
ตและจํ
าหน
ายพรรณไม
น้ํ
าเพื่
อ
การค
ามากกว
า 250 ชนิ
ด (ปรั
ชญา, มปป.) ซึ่
งสาหร
ายคาบอมบ
าเป
น 1 ใน 5 อั
นดั
บแรกของพรรณไม
น้ํ
าที่
มี
การส
งออก
มากที่
สุ
ด (อรุ
ณี
และคณะ, 2551) ในภาวะที่
สถานการณ
ด
านเศรษฐกิ
จของประเทศไทยยั
งไม
แน
นอน ควรหาอาชี
พ
เสริ
มหรื
อเตรี
ยมตั
วไว
ก
อน โดยหาอาชี
พรองรั
บที่
ไม
เสี่
ยงในด
านการลงทุ
น ซึ่
งอาชี
พการเพาะเลี้
ยงพรรณไม
น้ํ
าน
าจะ
เป
นทางเลื
อกที่
ดี
อี
กทางหนึ่
งโดยเฉพาะการเพาะเลี้
ยงสาหร
ายคาบอมบ
า ซึ่
งเป
นพรรณไม
น้ํ
าที่
นิ
ยมใช
ประดั
บตกแต
งตู
ปลา (สุ
กั
ญญา, 2548; มยุ
รี
, 2551) และเป
นพรรณไม
น้ํ
าที่
ประเทศไทยส
งออกต
างประเทศมากที่
สุ
ด แต
เนื่
องจากยั
งไม
พบ