การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 139

138
บทนา
ปั
จจุ
บั
นพลาสติ
กสั
งเคราะห์
ถู
กนามาใช้
งานอย่
างกว้
างขวางและมี
ปริ
มาณในการใช้
งานด้
านต่
างๆ เพิ่
มขึ้
นอย่
าง
ต่
อเนื่
อง อาจกล่
าวได้
ว่
าพลาสติ
กสั
งเคราะห์
เป็
นวั
สดุ
ที่
มี
บทบาทสาคั
ญในชี
วิ
ตประจาวั
น เนื่
องจากพลาสติ
กสั
งเคราะห์
มี
น้
าหนั
กเบา และสามารถผลิ
ตเป็
นผลิ
ตภั
ณฑ์
ได้
หลากหลาย เช่
น ถุ
งพลาสติ
ก บรรจุ
ภั
ณฑ์
ใส่
อาหารและเครื่
องดื่
ม ฟิ
ล์
มถนอม
อาหาร โฟมกั
นกระแทก และถาดโฟม เป็
นต้
น ผลิ
ตภั
ณฑ์
ประเภทโฟมที่
นิ
ยมนามาใช้
คื
อโฟมพอลิ
สไตรี
นที่
เกิ
ดจากการนา
โมเลกุ
ลของสารสไตรี
นมาเชื่
อมต่
อเป็
นสายยาวโดยขบวนการพอลิ
เมอไรเซชั
น (Polymerization) และเติ
มสารช่
วยในการ
ขยายตั
ว (Blowing agent) ได้
แก่
คาร์
บอนไดออกไซด์
(Carbondioxide; CO
2
) และเพนที
น (Pentene) เพื่
อช่
วยให้
พลาสติ
กสามารถพองตั
วและเกิ
ดการแทรกตั
วของก๊
าซในเนื้
อพลาสติ
ก สมบั
ติ
ที่
ดี
ของโฟม คื
อ มี
ความหนาแน่
นต่
า เป็
ฉนวนกั
นความร้
อนที่
ดี
มี
ความแข็
งแรงที่
เหมาะสม และต้
านทานน้
าสู
ง นอกจากนี้
ภาชนะที่
เตรี
ยมจากพลาสติ
กโฟมมี
ราคา
ถู
กกว่
าภาชนะชนิ
ดอื่
นๆ
แต่
การผลิ
ตโฟมจากพอลิ
สไตรี
นมี
ผลกระทบต่
อสิ่
งแวดล้
อมมากมาย นั่
นคื
อการใช้
พลั
งงานในการ
ผลิ
ตสู
ง ปั
ญหาขยะ สิ้
นเปลื
องพื้
นที่
ในการฝั
งกลบ และการเกิ
ดภาวะโลกร้
อน ซึ่
งเป็
นปั
ญหาที่
ตามมาอย่
างหลี
กเลี่
ยงไม่
ได้
อี
ทั้
งโฟมยั
งอาจปนเปื้
อนสู่
ห่
วงโซ่
อาหารและเป็
นอั
นตรายต่
อสุ
ขภาพ ด้
วยเหตุ
นี้
บรรจุ
ภั
ณฑ์
ที่
มี
สมบั
ติ
ในการย่
อยสลายได้
ใน
ธรรมชาติ
จึ
งได้
รั
บความสนใจมากขึ้
น ดั
งนั้
นโฟมที่
เตรี
ยมจากแป้
งจึ
งเป็
นทางเลื
อกหนึ่
งที่
สามารถนามาใช้
ทดแทนโฟมจากพอ
ลิ
สไตรี
น เนื่
องจากแป้
งสามารถหาได้
ง่
าย ราคาถู
ก มี
ปริ
มาณมาก เป็
นทรั
พยากรหมุ
นเวี
ยน และย่
อยสลายได้
เองตาม
ธรรมชาติ
อี
กทั้
งโฟมแป้
งสามารถเตรี
ยมได้
จากแป้
งหลายชนิ
ด เช่
น แป้
งมั
นฝรั่
ง [1] แป้
งข้
าวโพด [2] และแป้
งมั
นสาปะหลั
[2] เป็
นต้
น แต่
อย่
างไรก็
ตามโฟมแป้
งยั
งมี
ข้
อเสี
ยคื
อ มี
ความเปราะและไวต่
อความชื้
น มี
งานวิ
จั
ยที่
สนใจปรั
บปรุ
งสมบั
ติ
ของ
โฟมแป้
งโดยผสมเส้
นใย เช่
น เส้
นใยปอกระเจา เส้
ยใยป่
าน [3] ชานอ้
อย [4] และเส้
นใยคราฟท์
[5] พบว่
าสามารถปรั
บปรุ
สมบั
ติ
เชิ
งกล และสมบั
ติ
ทางความร้
อน แต่
อย่
างไรก็
ตามเส้
นใยเหล่
านี้
มี
ข้
อจากั
ดของปริ
มาณในการใช้
เนื่
องจากการใช้
เส้
ใยในปริ
มาณสู
งทาให้
เกิ
ดการเกาะกลุ่
มกั
น ส่
งผลให้
การดู
ดซั
บน้
าของโฟมแป้
งเพิ่
มขึ้
น นอกจากนี้
การใช้
สารอนิ
นทรี
ย์
เช่
น เค
โอลิ
น (Kaolin) [6] และมอนต์
มอริ
ลโลไนท์
(Montmorillonite) [4] พบว่
าสารอนิ
นทรี
ย์
ช่
วยปรั
บปรุ
งสมบั
ติ
ความต้
านทาน
ต่
อแรงกระแทก และยั
งสามารถลดการดู
ดซั
บน้
าของโฟมแป้
ง แต่
มี
ราคาแพง แตกตั
วและกระจายตั
วในเมทริ
กซ์
ของแป้
งได้
ไม่
ดี
แคลเซี
ยมคาร์
บอเนตเป็
นสารอนิ
นทรี
ย์
ที่
มี
การนาไปใช้
อย่
างแพร่
หลายในอุ
ตสาหกรรมหลายๆ ประเภท
เนื่
องจากไม่
เป็
นพิ
ษ นอกจากนี้
ยั
งสมบั
ติ
พิ
เศษอื่
นๆ เช่
น ความขาว (Brightness) การดู
ดซั
บน้
ามั
น (Oil absorption) ที่
เอื้
ประโยชน์
ต่
ออุ
ตสาหกรรมบางประเภท เช่
น อุ
ตสาหกรรมกระดาษ อุ
ตสาหกรรมสี
อุ
ตสาหกรรมพลาสติ
กและยาง เป็
นต้
โดยเฉพาะในอุ
ตสาหกรรมยาง แคลเซี
ยมคาร์
บอเนตเกิ
ดการยึ
ดเกาะกั
บอนุ
ภาคยางอิ
พอกซิ
ไดซ์
ได้
ดี
จึ
งช่
วยปรั
บปรุ
งความ
แข็
งแรง [7] และช่
วยปรั
บปรุ
งสมบั
ติ
เชิ
งกลในยางธรรมชาติ
[8] แม้
ว่
า Glenn และคณะ[2] ได้
ศึ
กษาสมบั
ติ
ของโฟมแป้
ผสมแคลเซี
ยมคาร์
บอเนต โดยขึ้
นรู
ปด้
วยเทคนิ
ค baking ที่
อุ
ณหภู
มิ
180 °C เป็
นเวลา 3 นาที
พบว่
าโฟมแป้
งผสม
แคลเซี
ยมคาร์
บอเนตมี
ความหนาแน่
นเพิ่
มขึ้
น แต่
ส่
งผลให้
ค่
า flexural strain to break และ elongation to break ลดลง
แต่
จากการค้
นคว้
าพบว่
ายั
งไม่
มี
งานวิ
จั
ยที่
ศึ
กษาเกี่
ยวกั
บอิ
ทธิ
พลของแคลเซี
ยมคาร์
บอเนตที่
มี
ผลต่
อการทนต่
อแรงกระแทก
1...,129,130,131,132,133,134,135,136,137,138 140,141,142,143,144,145,146,147,148,149,...300
Powered by FlippingBook