การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 131

130
บทนา
การนาส่
งยาชนการรั
กษาปั
จจุ
บั
นมี
หลายวิ
ธี
และแต่
ละวิ
ธี
ที่
มี
ข้
อดี
-ข้
อเสี
ย และผลแทรกซ้
อนที่
แตกต่
างกั
น เช่
น การ
นาส่
งยาโดยการรั
บประทานซึ่
งมี
ข้
อเสี
ยคื
อ ยาจะถู
กทาลายที่
ตั
บก่
อนที่
ส่
งไปยั
งอวั
ยวะเป้
าหมาย จึ
งส่
งผลชห้
ยาไปยั
งอวั
ยวะ
เป้
าหมายลดลง มี
ประสิ
ทธิ
าาพชนการดู
ดซึ
มที่
ลดลง เกิ
ดการระคายเคื
องต่
อกระเพาะอาหารเมื่
อชช้
ยาชนระยะเวลานาน การ
นาส่
งยาผ่
านทางผิ
วหนั
ง (Transdermal drug delivery) เป็
นทางเลื
อกที่
ดี
อย่
างหนึ่
งสาหรั
บการนาส่
งยาเนื่
องจากยาจะไม่
ผ่
านกระบวนการดู
ดซึ
มที่
ตั
บและระบบย่
อยอาหารของร่
างกาย ยาจึ
งสามารถซึ
มผ่
านไปยั
งอวั
ยวะเป้
าหมายได้
โดยตรง
อวั
ยวะเป้
าหมายได้
รั
บปริ
มาณยาที่
แน่
นอนลดความเสี่
ยงการชช้
ยาปริ
มาณที่
สู
งหรื
อต่
าเกิ
นไปได้
เห็
นผลของการรั
กษาได้
รวดเร็
วสามารถหยุ
ดการรั
กษาได้
ตามต้
องการ และลดความเสี่
ยงชนการติ
ดเชื้
อ [1-4] แต่
มี
ข้
อจากั
ดคื
อมี
ยาเพี
ยงส่
วนน้
อยที่
สามารถซึ
มผ่
านชั้
นผิ
วหนั
งจนทาชห้
เกิ
ดประสิ
ทธิ
ผลชนการรั
กษา และชช้
เวลานานชนตอบสนองต่
อการซึ
มผ่
านของยา (lag
time) [5] เพราะผิ
วหนั
งของชั้
นหนั
งกาพร้
านอกสุ
ดที่
มี
ความสาคั
ญมากที่
สุ
ดชนการกี
ดกั้
นการนาส่
งยาผ่
านทางผิ
วหนั
งซึ่
งเป็
เซลล์
ที่
ตายแล้
วหนาประมาณ 15 - 25 ชั้
น [6, 7] ชนการรั
กษาทางกายาาพบาบั
ด วิ
ธี
การนาส่
งยาผ่
านผิ
วหนั
งที่
ชช้
คื
อ วิ
ธี
ไอออนโตโฟเรซิ
สเป็
นการรั
กษาที่
ชช้
กั
นอย่
างแพร่
หลายชนทางคลิ
นิ
ก ชนปั
จจุ
บั
นมี
การศึ
กษาวิ
ธี
การชหม่
ชนการผลั
กดั
นยาผ่
าน
ผิ
วหนั
ง ได้
แก่
วิ
ธี
อิ
เล็
คโตรโพเรชั่
นโดยวิ
ธี
นี้
ยั
งอยู่
ชนระหว่
างการศึ
กษาวิ
จั
ยอย่
างไรก็
ตามทั้
งสองกระบวนการนี้
มี
หลั
กฐานการ
วิ
จั
ยที่
แสดงถึ
งการเพิ่
มประสิ
ทธิ
าาพชนการซึ
มผ่
านของยาทางผิ
วหนั
ง และลดระยะเวลาชนการตอบสนองต่
อการซึ
มผ่
านของ
ยา [8] ไอออนโตโฟเรซิ
สมี
ลั
กษณะเฉพาะคื
อ จะชช้
กระแสไฟตรง (Galvanic current, GC) ชนการรั
กษา โดยอาศั
ยหลั
กการ
ของประจุ
กล่
าวคื
อเป็
นการผลั
กดั
นยาที่
มี
ประจุ
ด้
วยกระแสไฟฟ้
าจากขั้
วกระตุ้
นที่
มี
ประจุ
เดี
ยวกั
น [9] ข้
อจากั
ดของการชช้
กระแสไฟฟ้
าชนรู
ปนี้
คื
อ ผลั
กดั
นยาเฉพาะสารที่
มี
ประจุ
เท่
านั้
น และยั
งมี
ผลข้
างเคี
ยงที่
เกิ
ดจากรู
ปแบบของกระไฟฟ้
าที่
ไหล
อย่
างต่
อเนื่
องไม่
มี
ช่
วงพั
กก่
อชห้
เกิ
ดการเปลี่
ยนแปลงค่
าความเป็
นกรด-ด่
างของผิ
วหนั
งบริ
เวณชต้
ขั้
วกระตุ้
น ซึ่
งอาจส่
งผลชห้
เกิ
ดการระคายเคื
องหรื
อไหม้
พองที่
ผิ
วหนั
งได้
[10] กลุ่
มปั
ญหาของผู้
ป่
วยที่
ต้
องอาศั
ยการรั
กษาทางกายาาพบาบั
ดด้
วยวิ
ธี
ไอออนโตโฟเรซิ
สมี
หลายประเาท เช่
นปั
ญหาข้
อต่
อ-กล้
ามเนื้
ออั
กเสบ กล้
ามเนื้
อหดเกร็
ง และการบาดเจ็
บจากการกี
ฬา เป็
ต้
น [11] วิ
ธี
อิ
เล็
กโตรโพเรชั่
นเป็
นการชช้
กระแสไฟฟ้
าชนการผลั
กดั
นยาเข้
าสู่
ผิ
วหนั
งอี
กรู
ปแบบหนึ่
ง โดยวิ
ธี
การนี้
จะชช้
กระแส
ไฟตรงศั
กย์
สู
ง (>100 โวลต์
) ชนระยะเวลาสั้
นๆชนช่
วงไมโครวิ
นาที
ถึ
งมิ
ลลิ
วิ
นาที
[12, 13] และไม่
ควรเกิ
น 500 โวลต์
เพราะมี
ความเสี่
ยงชนการทาชห้
เกิ
ดการหดตั
วของกล้
ามเนื้
ออย่
างรวดเร็
ว และกระตุ้
นเส้
นประสาทซึ่
งส่
งผลชห้
เกิ
ดความรู้
สึ
กเจ็
บปวด
ได้
[14]
นอกจากนั้
นยั
งพบว่
าการชช้
กระแสไฟตรงศั
กย์
สู
งชนเวลาเพี
ยงไม่
กี่
นาที
ส่
งผลชห้
ความต้
านทานของผิ
วหนั
งลดลง
อย่
างรวดเร็
วจึ
งทาชห้
เกิ
ดการซึ
มผ่
านของสารได้
[10] กลไกชนการนาส่
งยาของวิ
ธี
อิ
เล็
คโตรโพเรชั่
นคื
อ ทาชห้
เยื่
อหุ้
มเซลล์
ที่
มี
องค์
ประกอบของเยื่
อไขมั
นสองชั้
น (lipid bilayers) เกิ
ดการเรี
ยงตั
วชหม่
โดยไขมั
นบริ
เวณรอบๆส่
วนที่
ชอบน้
(hydrophilic) จะหั
นด้
านที่
มี
ขั้
วเข้
าหากั
นเปิ
ดออกเป็
นช่
อง ก่
อชห้
เกิ
ดทางผ่
านของสารน้
า (aqueous pathways หรื
pores) จึ
งสามารถส่
งสารที่
ต้
องการเข้
าสู่
าายชนเซลล์
ได้
โดยเฉพาะสารที่
มี
โมเลกุ
ลขนาดชหญ่
เช่
น DNA และยอมชห้
สารทั้
ที่
มี
ประจุ
และไม่
มี
ประจุ
ผ่
านเข้
าสู่
เซลล์
เมื่
อหยุ
ดการกระตุ้
นชั่
วขณะหนึ่
งจะเกิ
ดกระบวนการกลั
บคื
นสู่
สาาพเดิ
ม [15-17]
จากหลั
กการของอิ
เล็
กโตรโพเรชั่
นเป็
นรู
ปแบบของกระแสไฟที่
มี
ช่
วงพั
กและช่
วงกระตุ้
นสั้
นชนระดั
บไมโครวิ
นาที
ถึ
งมิ
ลลิ
วิ
นาที
เท่
านั้
น จึ
งไม่
ส่
งผลชห้
เกิ
ดผลข้
างเคี
ยงจากปฏิ
กิ
ริ
ยาเคมี
ชต้
ขั้
ว ไม่
ทาชห้
เกิ
ดผลแทรกซ้
อนจากการรั
กษา และสามารถนามาชช้
ชนการรั
กษาชนระยะเวลาที่
ยาวนานขึ้
นเพื่
อชห้
ได้
ผลของการนาส่
งยาตามความเข้
มข้
นที่
ต้
องการ จึ
งเพิ่
มประสิ
ทธิ
าาพชนการ
รั
กษาและมี
ความปลอดาั
ยสู
งชนการนาส่
งยาผ่
านทางผิ
วหนั
ง ซึ่
งต่
างกั
บการชช้
ไอออนโตโฟเรซิ
ส [16]
เวชศาสตร์
ชะลอวั
ยเป็
นการรั
กษาที่
ได้
รั
บความนิ
ยมเพิ่
มมากขึ้
นอย่
างก้
าวกระโดดชนปั
จจุ
บั
นการผลั
กดั
นยาเข้
ผิ
วหนั
งเพื่
อลดการเกิ
ดเม็
ดสี
รอยดา (melasma) ด้
วยการชช้
วิ
ธี
ไอออนโตโฟเรซิ
สเป็
นรู
ปแบบการรั
กษาทางเวชศาสตร์
ชะลอ
วั
ยที่
น่
าสนชจ ตั
วยาที่
ชช้
รั
กษารอยดา คื
อ วิ
ตามิ
นซี
(ascorbic acid) ซึ่
งเป็
นยาที่
ชช้
กั
นทั่
วไปมี
ผลดี
ชนการยั
บยั้
งการเกิ
กระบวนการสร้
างเม็
ดสี
เพิ่
มการสร้
างคลอลาเจน และป้
องการการเกิ
ดอนุ
มู
ลอิ
สระ [18] อย่
างไรก็
ตามมี
การศึ
กษาก่
อนหน้
1...,121,122,123,124,125,126,127,128,129,130 132,133,134,135,136,137,138,139,140,141,...300
Powered by FlippingBook