การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 141

140
ผลการวิจั ยและอภิปรายผลการวิจัย
ภาพที่ 1 แสดงโครงสร้างทางสั ณฐานวิทยาของโฟมแป้งไม่ผสมแคลเซี ยมคาร์บอเนต (a) และโฟมแป้งผสม
แคลเซียมคาร์ บอเนต 20 wt.% (b) พบว่าลักษณะเซลล์ (Cell) ของโฟมแป้ งไม่ผสมแคลเซียมคาร์บอเนตมีขนาดที่แตกต่าง
กันและไม่สม่าเสมอ เมื่อเปรี ยบเทียบกับโครงสร้างทางสัณฐานวิทยาของโฟมแป้งผสมแคลเซียมคาร์บอเนต 20 wt.% จะ
เห็นได้ว่าแคลเซียมคาร์ บอเนตมีอิ ทธิพลต่อลักษณะเซลล์ของโฟมแป้งอย่างชัดเจน คื อ โฟมแป้งมีขนาดเซลล์ที่เล็ กลง มี
ความหนาแน่นของเซลล์ มากขึ้น และมีขนาดเซลล์ที่ใกล้ เคียงกัน ซึ่งสอดคล้องกับค่าความหนาแน่นที่ เพิ่มขึ้น (ดังแสดงใน
ภาพที่ 2(b)) จากผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแคลเซียมคาร์บอเนตทาหน้าที่เป็น nucleating site [11] ส่งผลให้เกิ ด steam
bubble ในโฟมแป้งได้มากขึ้น ดังนั้ นโฟมแป้งผสมแคลเซียมคาร์บอเนตจึ งมีเซลล์ที่หนาแน่ นมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบ
กับโฟมแป้ งไม่ผสมแคลเซียมคาร์บอเนต [9]
ภาพที่ 1 ลักษณะสัณฐานวิทยาของโฟมแป้งไม่ผสมผสมแคลเซียมคาร์บอเนต (a) และโฟมแป้งผสมแคลเซียมคาร์บอเนต
20 wt.% (b)
ผลการศึกษาอิ ทธิผลของแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีผลต่ อความหนาและความหนาแน่นของโฟมแป้งแสดงในภาพที่
2 พบว่าโฟมแป้งไม่ผสมแคลเซียมคาร์บอเนตมีค่าความหนาเท่ากับ 4.67 mm. และโฟมแป้งผสมแคลเซียมคาร์บอเนตที่
ปริมาณ 5, 10, 15 และ 20 wt.% มีค่าความหนาเท่ากับ 5.81, 6.05, 5.11 และ 5.61 mm. ตามลาดั บ ส่วนค่ าความ
หนาแน่นของโฟมแป้งไม่ผสมแคลเซียมคาร์บอเนตมีค่าเท่ากับ 0.16 g/cm 3 และพบว่าเมื่อผสมแคลเซียมคาร์บอเนต 5
wt.% โฟมแป้งมีค่าความหนาแน่นเพิ่มขึ้นเป็ น 0.17 g/cm3 และมีค่าความหนาแน่นสู งที่สุดคื อ 0.24 g/cm3 เมื่อผสม
แคลเซียมคาร์บอเนต 20 wt.% ซึ่ งเห็นได้ ว่าเมื่อปริ มาณแคลเซี ยมคาร์ บอเนตเพิ่มขึ้ นโฟมแป้งมีความหนาและความ
หนาแน่นเพิ่มขึ้น ซึ่ งสอดคล้องกับโครงสร้างทางสัณฐานวิทยาของโฟมแป้ ง แต่อย่างไรก็ตามพบว่าค่ าความหนาแน่นของ
โฟมแป้งผสมแคลเซียมคาร์ บอเนตยังมีค่าที่ต่ากว่าโฟมแป้งที่ ผสมเปลือกหุ้มฝั กข้าวโพด (Corn husk) ไขผึ้ง (Beeswax)
และเคโอลิน ที่มีค่าความหนาแน่นอยู่ ในช่วง 0.25-0.31 g/cm3 [10]
a b