3
คํ
านํ
า
โรคปริ
ทั
นต
เป
นโรคที่
เกี่
ยวข
องกั
บอวั
ยวะที่
อยู
รอบๆฟ
น โดยสามารถแบ
งออกเป
น 2 โรคใหญ
ได
แก
โรค
เหงื
อกอั
กเสบและโรคปริ
ทั
นต
อั
กเสบ
โดยโรคเหงื
อกอั
กเสบหมายถึ
งโรคที่
เกิ
ดการอั
กเสบของเหงื
อกแต
ไม
มี
การ
ทํ
าลายของเอ็
นยึ
ดปริ
ทั
นต
และกระดู
กที่
รองรั
บรากฟ
น
ส
วนโรคปริ
ทั
นต
อั
กเสบเป
นโรคที่
มี
การอั
กเสบของเหงื
อก
และมี
การลุ
กลามมาที่
อวั
ยวะปริ
ทั
นต
ซึ่
งทํ
าให
เกิ
ดการทํ
าลายของเอ็
นยึ
ดปริ
ทั
นต
และกระดู
กที่
รองรั
บรากฟ
นและ
เคลื
อบรากฟ
น ป
จจุ
บั
นโรคปริ
ทั
นต
ยั
งเป
นป
ญหาทางทั
นตสุ
ขภาพที่
สํ
าคั
ญของประชาชนทุ
กเชื้
อชาติ
ในโลก และ
เป
นได
ตั้
งแต
วั
ยเด็
กจนถึ
งวั
ยผู
ใหญ
ความชุ
กและความรุ
นแรงของโรคมี
ความแตกต
างกั
นไปตามอายุ
เชื้
อชาติ
การศึ
กษา เศรษฐานะ และอนามั
ยช
องปาก และหากไม
ได
รั
บการบํ
าบั
ดรั
กษาที่
ถู
กต
องจะเป
นสาเหตุ
ให
เกิ
ดการ
สู
ญเสี
ยฟ
นไปในที่
สุ
ด
นอกจากนี้
โรคปริ
ทั
นต
อั
กเสบยั
งสามารถเป
นป
จจั
ยเสี่
ยงที่
สํ
าคั
ญต
อโรคทางระบบอื่
นๆเช
น
โรคทางหลอดเลื
อดและหั
วใจ โรคเบาหวาน และอื่
นๆ
การอั
กเสบของโรคปริ
ทั
นต
สามารถแบ
งได
เป
น 2 ระยะ คื
อ ระยะที่
โรคยั
งไม
สงบ(active phase) และ
ระยะที่
โรคสงบแล
ว (inactive or quiescent) (Socransky et al., 1984) ซึ่
งความน
าเชื่
อถื
อในการประเมิ
นระยะการ
อั
กเสบของโรคเป
นสิ่
งสํ
าคั
ญสํ
าหรั
บการวิ
นิ
จฉั
ย การวางแผนการรั
กษา รวมทั้
งการเลื
อกการรั
กษาที่
เหมาะสมให
กั
บ
ผู
ป
วยด
วย การวิ
นิ
จฉั
ยโรคปริ
ทั
นต
จํ
าเป
นต
องอาศั
ยการสื
บค
นจากข
อมู
ลหลายอย
างประกอบกั
น เช
น การตรวจและ
เก็
บข
อมู
ลค
าต
างๆทางคลิ
นิ
ก การใช
ภาพถ
ายรั
งสี
การวิ
เคราะห
น้ํ
าเหลื
องเหงื
อก เป
นต
น วิ
ธี
การที่
นํ
ามาใช
ในการ
วิ
นิ
จฉั
ยโรคปริ
ทั
นต
อั
กเสบที่
ใช
กั
นอย
างแพร
หลายทั่
วไปในป
จจุ
บั
นได
แก
การตรวจทางคลิ
นิ
กร
วมกั
บการใช
ภาพถ
ายรั
งสี
แต
ทั้
ง 2 วิ
ธี
ก็
มี
ข
อจํ
ากั
ด เนื่
องจากเป
นการวั
ดข
อมู
ลเกี่
ยวกั
บความรุ
นแรงของโรคและเป
นการวั
ดความ
สะสมของโรคที
่
เกิ
ดขึ้
นในอดี
ตหลั
งจากที่
มี
โรคเกิ
ดขึ้
นแล
ว และไม
สามารถบอกได
ว
าป
จจุ
บั
นนี้
โรคกํ
าลั
งอยู
ในระยะ
ใดหรื
อมี
ความเสี่
ยงต
อระยะที่
โรคยั
งไม
สงบหรื
อไม
(Haffajee et al., 1983) นอกจากนี้
ยั
งมี
ข
อจํ
ากั
ดในเรื่
องความ
คลาดเคลื่
อนเกี่
ยวกั
บการวั
ดและใช
เวลาในการประเมิ
นค
อนข
างมาก (Kaufman and Lamster, 2000) ป
จจุ
บั
นมี
การศึ
กษาและพั
ฒนาวิ
ธี
การวิ
นิ
จฉั
ยแบบใหม
ๆที่
อาจจะสามารถตรวจพบและบอกได
ว
ามี
การดํ
าเนิ
นของโรคในระยะ
ที่
โรคยั
งไม
สงบอยู
ทั้
งนี้
เพื่
อนํ
ามาประเมิ
นผลการดํ
าเนิ
นของโรค การตอบสนองต
อการรั
กษา และนํ
ามาใช
ในการ
เฝ
าระวั
งการเกิ
ดโรคปริ
ทั
นต
ในอนาคตด
วย
อย
างไรก็
ตามยั
งไม
มี
วิ
ธี
การใดที่
สามารถบ
งชี้
ได
แน
นอนว
า บุ
คคลนั้
นกํ
าลั
งมี
การดํ
าเนิ
นของโรคปริ
ทั
นต
อั
กเสบ
ในระยะที่
โรคยั
งไม
สงบ ดั
งนั้
นการหาตั
วบ
งชี้
เพื่
อประเมิ
นการดํ
าเนิ
นของโรคปริ
ทั
นต
อั
กเสบในระยะที่
โรคยั
งไม
สงบ
โดยใช
วิ
ธี
ที่
ง
าย รวดเร็
ว และมี
ความแม
นยํ
าในการตรวจในแต
ละบุ
คคลจึ
งเป
นสิ่
งจํ
าเป
นทั้
งนี้
เพื่
อประโยชน
ต
อ
ทั
นตแพทย
ที่
ให
การรั
กษาและเป
นประโยชน
ต
อผู
ป
วยที่
จะป
องกั
นการทํ
าลายของอวั
ยวะปริ
ทั
นต
จากโรคด
วย
น้ํ
าลายเป
นของเหลวที
่
อยู
ในปากที
่
สามารถเก็
บได
ง
าย มี
รายงานการศึ
กษาที
่
กล
าวถึ
งตั
วบ
งชี
้
ในน้ํ
าลายที่
เกี่
ยวข
องกั
บโรคปริ
ทั
นต
และอาจใช
เป
นข
อมู
ลในการทดสอบความเสี่
ยงต
อการเป
นโรคปริ
ทั
นต
ได
(Kaufman and
Lamster, 2000) ในน้ํ
าลายประกอบด
วยสารต
างๆมากมายเช
น โมเลกุ
ลของสารอิ
นทรี
ย
อิ
เลคโตรไลท
และโปรตี
น
ต
างๆ ซึ่
งเอนไซม
เป
นโปรตี
นที่
พบได
ในน้ํ
าลายเช
นกั
น
เอนไซม
ถู
กผลิ
ตจากเชื้
อโรคที่
อยู
ในช
องปาก เม็
ดเลื
อดขาว และมี
บางส
วนมาจากน้ํ
าเหลื
องเหงื
อก
(Chauncey, 1961) มี
การศึ
กษาที่
ทํ
าการทดสอบความสั
มพั
นธ
ของเอนไซม
กั
บการตอบสนองต
อการรั
กษาโรคปริ
ทั
นต
และการศึ
กษาถึ
งความเป
นไปได
ในการนํ
าเอาเอนไซม
มาใช
เป
นตั
วบ
งชี้
ว
าผู
ป
วยกํ
าลั
งเป
นโรคปริ
ทั
นต
อั
กเสบ
ในระยะที่
โรคยั
งไม
สงบ
เอนไซม
อลานี
น อะมิ
โนเพปติ
เดส หรื
อเอเอพี
(alanine aminopeptidase, AAP) และ