2
บทนํ
า
กระทรวงศึ
กษาธิ
การ นํ
าหลั
กธรรมของพระพุ
ทธศาสนามาประยุ
กต
เพื่
อเป
นหลั
กบริ
หารในโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธ
การพั
ฒนาผู
เรี
ยนโดยรวม เน
นการพั
ฒนาตามหลั
กไตรสิ
กขาแบบบู
รณาการ ผู
เรี
ยนได
เรี
ยนรู
เพื่
อพั
ฒนาชี
วิ
ตผ
าน
กระบวนการทางวั
ฒนธรรม แสวงหาป
ญญา เมตตา เป
นฐานการดํ
าเนิ
นชี
วิ
ต ซึ่
งมุ
งเน
นให
ผู
เรี
ยนเข
าใจชี
วิ
ตจริ
งและ
สามารถดํ
าเนิ
นชี
วิ
ตได
อย
างถู
กต
อง โดยอาศั
ยระบบการศึ
กษาหลั
กพุ
ทธธรรม 3 ระการ คื
อ ไตรสิ
กขา ได
แก
ศี
ล สมาธิ
ป
ญญา มาใช
ฝ
กอบรมอย
างครอบคลุ
มทุ
กด
านสู
การพั
ฒนาที่
สมบู
รณ
ดั
งนั้
นการดํ
าเนิ
นงานของโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธ จึ
งเป
น
หลั
กของการศึ
กษาที่
จะพั
ฒนามนุ
ษย
สู
ชี
วิ
ตที่
สมบู
รณ
ผู
บริ
หาร ครู
ผู
ปกครองและชุ
มชน ย
อมตระหนั
กว
าผู
เรี
ยนต
องมี
การพั
ฒนาด
านศี
ล สมาธิ
ป
ญญา มี
องค
รวมที่
ต
อเนื
่
องอั
นเป
นเป
าหมายของการจั
ดการศึ
กษา เป
นการเรี
ยนรู
ตลอดชี
วิ
ต
ต
องแกร
งกล
า เพี
ยรพยายาม เฉลี
ยวฉลาด อดทน คิ
ดเป
นทํ
าเป
นแก
ป
ญหาเป
นอย
างถู
กต
องตามความเป
นจริ
ง และเป
น
สมาชิ
กที่
ดี
ประสานประโยชน
ให
กั
บสั
งคมได
อย
างร
มเย็
นเป
นสุ
ข (มหาวิ
ทยาลั
ยมหาจุ
ฬาลงกรณราชวิ
ทยาลั
ย. 2547 : 5)
โรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธเป
นความหวั
งที่
สํ
าคั
ญของการปฏิ
รู
ปการศึ
กษา ที่
จะสร
างเด็
กไทยให
มี
ความเป
นไทย ถึ
งแม
หลั
กธรรมคํ
าสอนในทางพระพุ
ทธศาสนามี
ความประเสริ
ฐยิ่
ง แต
การนํ
าหลั
กธรรมต
างๆที่
เป
นนามธรรมที่
ค
อนข
างยาก
เพื่
อบู
รณาการสู
ระดั
บการเรี
ยนการสอน ดั
งนั้
นจํ
าเป
นอย
างยิ่
งที่
ควรจะมี
แนวทางการดํ
าเนิ
นงาน การเตรี
ยมพร
อม ด
าน
ต
างๆเป
นอย
างดี
มี
หลั
กการ ขอบเขตการดํ
าเนิ
นงานที่
ชั
ดเจน ซึ่
งนํ
ามาจากความต
องการของทุ
กส
วนที่
เกี่
ยวข
องโดย
ตระหนั
กถึ
งความสํ
าคั
ญในการดํ
าเนิ
นงานของโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธที่
น
าจะประสบความ สํ
าเร็
จตามเจตนารมณ
และเป
าหมาย
อย
างจริ
งจั
ง พรนิ
ภา ลิ
มปพยอม เลขาธิ
การคณะกรรมการการศึ
กษาขั้
นพื้
นฐาน แถลงในงานปฏิ
รู
ปการศึ
กษายุ
คใหม
(Beyond Education Reform ) ณ ศู
นย
ประชุ
มแห
งชาติ
สิ
ริ
กิ
ติ์
ผู
วิ
จั
ยจึ
งมี
ความสนใจว
า พฤติ
กรรมภาวะผู
นํ
าของผู
บริ
หารโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธป
จจุ
บั
นเป
นอย
างไร มี
ความสั
มพั
นธ
กั
บสภาพการดํ
าเนิ
นงานของโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธหรื
อไม
และพฤติ
กรรมภาวะผู
นํ
าของผู
บริ
หารแบบใดที่
ส
งผลต
อสภาพการ
ดํ
าเนิ
นงานของโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธ ใช
ตั
วชี้
วั
ดของกระทรวงศึ
กษาธิ
การ โดยคาดหวั
งว
าผลการศึ
กษาจะเป
นประโยชน
ได
ทราบพฤติ
กรรมภาวะผู
นํ
าของผู
บริ
หารที่
สามารถเป
นแนวทางในการดํ
าเนิ
นงานของโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธ เพื่
อพั
ฒนา
ปรั
บปรุ
งสภาพการดํ
าเนิ
นงานของโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธให
มี
ประสิ
ทธิ
ภาพยิ่
งขึ้
น
วั
ตถุ
ประสงค
ของการวิ
จั
ย
1.
เพื่
อศึ
กษาความสั
มพั
นธ
ระหว
างพฤติ
กรรมภาวะผู
นํ
าของผู
บริ
หารโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธกั
บสภาพการ
ดํ
าเนิ
นงานของโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธ สํ
านั
กงานเขตพื้
นที่
การศึ
กษานครราชสี
มา
2.
เพื่
อศึ
กษาพฤติ
กรรมภาวะผู
นํ
าของผู
บริ
หารที่
ส
งผลต
อสภาพการดํ
าเนิ
นงานของโรงเรี
ยนวิ
ถี
พุ
ทธ
สํ
านั
กงานเขตพื้
นที่
การศึ
กษานครราชสี
มา
วิ
ธี
การวิ
จั
ย
ประชากร คื
อ สถานศึ
กษาที่
เป
นโรงเรี
ยนแกนนํ
าวิ
ถี
พุ
ทธและโรงเรี
ยนเครื
อข
ายวิ
ถี
พุ
ทธ สํ
านั
กงานเขต
พื้
นที่
การศึ
กษานครราชสี
มา ป
การศึ
กษา 2552 มี
7 เขต เป
นโรงเรี
ยนแกนนํ
าวิ
ถี
พุ
ทธ จํ
านวน 32 โรงเรี
ยน และ
โรงเรี
ยนเครื
อข
ายวิ
ถี
พุ
ทธ จํ
านวน 170 โรงเรี
ยน รวมจํ
านวน 202 โรงเรี
ยน
กลุ
มตั
วอย
าง กลุ
มตั
วอย
างที่
ใช
ในการวิ
จั
ยครั้
งนี
้
เป
นโรงเรี
ยนแกนนํ
าวิ
ถี
พุ
ทธ จํ
านวน 32 โรงเรี
ยน และเป
น
โรงเรี
ยนเครื
อข
ายวิ
ถี
พุ
ทธ จํ
านวน 60 โรงเรี
ยน รวมกลุ
มตั
วอย
าง ทั้
งสิ้
น 92 โรงเรี
ยน เป
นผู
ให
ข
อมู
ล จํ
านวน 276 คน
โดยกํ
าหนดขนาดของกลุ
มตั
วอย
างจากตาราง R.V. Krejcie และD.W. Morgan (สมบู
รณ
ตั
นยะ. 2547 : 105-106)