full2012.pdf - page 573

7
และระดับการศึกษาพบว่า ไม่มีผลต่อการปฏิบัติงานระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่สาธารณสุ ขประจําสถานีอนามัยในจังหวัด
ตรัง ซึ่ งสอดคล้องกับการศึกษาของรักษ์เกียรติ จิรันธรและคณะ (2548 : 2512) ที่พบว่า ระดับการศึ กษาไม่มีความ
สัมพันธ์กับการปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ของเภสัชกรประจําหน่ วยบริการสุ ขภาพระดับปฐมภูมิ(PCU)ในภาคใต้ตอนบน
อย่างไรก็ตามการศึกษาครั้ งนี้ แตกต่างจากการศึ กษาของจักรสันต์ เลยหยุด (2549 : 68) ที่พบว่า ระดับการศึกษามี ความ
สัมพันธ์กับความสามารถในการปฏิบัติงานระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขในศูนย์สุขภาพชุมชนในจังหวัดขอนแก่น
และในส่ วนของประสบการณ์ด้านระบาดวิทยามีผลเชิงบวกต่อการปฏิบัติงานระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่สาธารณสุ ขประจํา
สถานีอนามัยในจังหวัดตรัง (R2 = 0.040, p =0.038) สอดคล้องกับแนวคิ ดของเชอมาฮอร์นที่กล่ าวว่า ผลการปฏิ บัติงาน
จะเกี่ยวข้องกับคุณลักษณะส่วนบุคคล รวมทั้ งความสามารถและประสบการณ์ (Schermerhorn R. et al. 2003 : 56)
เช่นเดียวกับการศึกษาของจักรสันต์ เลยหยุด (2549 : 69) ที่ พบว่า ประสบการณ์ในการทํางานมีความสั มพันธ์กับความ
สามารถในการปฏิ บัติงานระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่สาธารณสุ ขในศูนย์สุขภาพชุ มชนในจังหวัดขอนแก่น ส่ วนการฝึ ก
อบรมทางระบาดวิทยามีผลเชิงบวกต่อการปฏิบัติงานระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจําสถานี อนามัยในจังหวัดตรัง
(p = 0.025) ซึ่ งสอดคล้องกับข้อสรุ ปที่กล่าวว่า องค์ประกอบของความสามารถในการปฏิบัติงานของบุ คคลส่วนหนึ่ ง
ขึ้ นอยู่ กับชนิดของการฝึ กอบรม (McCormick and Ligen. 1985 : 65) เช่นเดียวกับการศึกษาของจักรสันต์ เลยหยุด (2549 :
69) ที่พบว่า การได้รับการฝึ กอบรมมีความสั มพันธ์เชิงบวกกับความสามารถในการปฏิ บัติงานระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่
สาธารณสุ ขในศูนย์สุขภาพชุ มชนในจังหวัดขอนแก่น และปัจจัยสนับสนุนจากองค์กรมี ผลเชิงบวกต่อการปฏิบัติงาน
ระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่ สาธารณสุ ขประจําสถานีอนามัยในจังหวัดตรัง (p<0.001) สอดคล้องกับแนวคิ ดที่ว่า ความ
สําเร็จของการบริ หารสาธารณสุขส่ วนใหญ่ ขึ้ นอยู่กับทรั พยากรการบริ หาร อันประกอบด้วย บุ คลากร งบประมาณ วัสดุ
อุปกรณ์ และเทคนิ ควิธีการบริ หาร (ทองหล่อ เดชไทย. 2545 : 33-35) เช่นเดี ยวกับการศึกษาของจักรสั นต์ เลยหยุ ด
(2549 : 69) ที่พบว่า การสนับสนุนขององค์กรมีความสัมพันธ์กับความสามารถในการปฏิบัติงานระบาดวิทยาของ
เจ้าหน้าที่ สาธารณสุขในศูนย์สุ ขภาพชุมชนในจังหวัดขอนแก่น และด้านปั จจัยแรงจูงใจในการปฏิบัติงานระบาดวิทยา
ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุ ขประจําสถานีอนามัยในจังหวัดตรังพบว่า แรงจูงใจในการปฏิบัติงานระบาดวิทยาอยู่ในระดับ
ปานกลาง ( x = 3.54, S.D. = 0.41) โดยพบว่า ปั จจัยคํ้าจุนและปั จจัยจูงใจมี ผลเชิงบวกต่อการปฏิบัติงานระบาดวิทยา (p
<0.001) โดยที่แรงจูงใจ คื อ แรงผลักดัน แรงกระตุ ้น ที่เกิดจากความต้องการที่ได้รับการตอบสนองต่ อสิ่งกระตุ ้นที่องค์กร
จัดให้ก่อให้เกิดพฤติกรรมในการทํางาน (ตุลา มหาพสุ ธานนท์. 2545 : 110) ซึ่ งสอดคล้องกับการศึกษาของจั กรสันต์ เลย
หยุด (2549 : 69) ที่พบว่า ปั จจัยแรงจูงใจ ทั้ งปั จจัยคํ้ าจุนและจูงใจ มีความ สัมพันธ์กับความสามารถในการปฏิ บัติงาน
ระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่ สาธารณสุ ขในศูนย์สุขภาพชุมชนจังหวัดขอนแก่น
การปฏิบัติงานระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่สาธารณสุ ขประจําสถานีอนามัยในจังหวัดตรังพบว่า อยู่ในระดับสู ง
( x = 3.77, S.D. = 0.50) ซึ่ งการศึ กษาครั้ งนี้มีความแตกต่ างกับการศึกษาของจักรสันต์ เลยหยุด (2549 : 56) ที่ พบว่า
ความสามารถในการปฏิบัติงานระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่สาธารณสุ ขในศูนย์สุขภาพชุ มชนในจังหวัดขอนแก่นอยู่ ระดับ
ปานกลาง อาจเนื่องมาจากบริบทของพื้นที่ และช่วงระยะเวลาที่ต่างกัน ซึ่ งสํานักระบาดวิทยาได้มีการพัฒนางานระบาด
วิทยาทั้งในส่ วนการจัดการฝึ กอบรม และการประเมินมาตรฐานงานระบาดวิทยาในระดับสถานี อนามัยที่ เพิ่มขึ้ น เมื่อ
พิ จารณารายด้านพบว่า การแจ้งข่าวการระบาด การสอบสวนและควบคุ มโรค การรายงานโรค และการตรวจสอบข้อมู ล
อยู่ ในระดับสู ง โดยการปฏิบัติงานระบาดวิทยาของเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขประจําสถานีอนามัยในจังหวัดตรังด้านการ
วิเคราะห์ข้อมูลและแปลความหมายอยู่ในระดับปานกลาง ( x = 3.26, S.D. = 0.70)
¦» žŸ¨„µ¦ª·‹´¥Â¨³ o °Áœ°Âœ³
โดยสรุ ปจากการศึกษาพบว่า ปัจจัยสนับสนุนจากองค์กรอยู่ในระดับปานกลาง ( x = 3.41, S.D. = 0.46) ปัจจัย
แรงจูงใจอยู่ในระดับปานกลาง ( x = 3.54, S.D. = 0.41) การปฏิบัติงานระบาดวิทยาอยู่ในระดับสูง ( x = 3.77, S.D. =
573
การประชุมวิชาการระดับชาติ มหาวิ ทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 22 ประจำปี 2555