full2012.pdf - page 582

2. การนํ
าเสนอผลการปฏิ
บั
ติ
ที่
ดี
เลิ
ศของสถานศึ
กษาในเครื
อข่
ายการศึ
กษาศรี
ตรั
การนํ
าเสนอผลการปฏิ
บั
ติ
ที่
ดี
เลิ
ศของสถานศึ
กษาในเครื
อข่
ายการศึ
กษาศรี
ตรั
ง เป็
นผลจาก
การทํ
างานร่
วมกั
นอย่
างต่
อเนื่
อง เพื่
อตอบคํ
าถามว่
า หากแต่
ละฝ่
ายได้
แสดงบทบทของตนอย่
างเต็
ม ที่
แล้
ว จะส่
งผล
อย่
างไรต่
อการพั
ฒนาผู
เรี
ยน กิ
จกรรมดั
งกล่
าว เป็
นตั
วกระตุ
นให้
เกิ
ดความเชื่
อมโยงการการทํ
างานร่
วมกั
นระหว่
าง
สถาบั
นการศึ
กษาระดั
บต่
างๆ และสํ
านั
กงานเขตพื
นที่
การศึ
กษา เกิ
ดการแลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู
และนํ
าเอาผลการปฏิ
บั
ติ
ที่
ดี
เลิ
ศไปทดลองและขยายผลในโรงเรี
ยนของตน ก่
อให้
เกิ
ดชุ
มชนนั
กปฏิ
บั
ติ
ที่
มี
อั
ตลั
กษณ์
เฉพาะตั
วอั
นเนื่
องมาจากสภาพ
ปั
ญหาเดี
ยวกั
น ลั
กษณะทางภู
มิ
สั
งคมเหมื
อนกั
น สอดคล้
องกั
บ สํ
านั
กงานเพิ่
มผลผลิ
ตแห่
งชาติ
(2543) ที่
สรุ
ปไว้
ว่
า ผลการ
ปฏิ
บั
ติ
ที่
เป็
นเลิ
ศ (Best Practice) จึ
งไม่
ใช่
เป็
นแค่
เพี
ยงวิ
ธี
การทํ
างานที่
ดี
แต่
เป็
นการทํ
างานที่
ดี
กว่
า หรื
อดี
ที่
สุ
ด ซึ
งมี
ทั
งการ
ทํ
างานในเชิ
งระบบบริ
หาร เพื่
อสรุ
ปองค์
ความรู
ที่
ได้
จากการแลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู
ในเครื
อข่
ายการศึ
กษาศรี
ตรั
งและเทคนิ
วิ
ธี
การต่
าง ๆ ทํ
าให้
ผลงานนั
นบรรลุ
เป้
าหมายสู
งสุ
3. เพื่
อสรุ
ปองค์
ความรู
ที่
ได้
จากการแลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู
ในเครื
อข่
ายการศึ
กษาศรี
ตรั
ในการวิ
จั
ยและพั
ฒนาส่
งเสริ
มนวั
ตกรรมเครื
อข่
ายการเรี
ยนรู
ของครู
และบุ
คลากรทางการศึ
กษาในสามจั
งหวั
ชายแดนภาคใต้
ก่
อให้
เกิ
ดประเด็
นความรู
ใหม่
ที่
ได้
จากการแลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู
และนํ
ามาซึ
งการตอบคํ
าถามการวิ
จั
ย อาทิ
ลั
กษณะกระบวนการเรี
ยนรู
ในเครื
อข่
ายการศึ
กษา
ศรี
ตรั
ง ลั
กษณะของเครื
อข่
ายการเรี
ยนรู
ที่
เข้
มแข็
ง รู
ปแบบการบริ
หารเครื
อข่
ายที่
เหมาะสม ปั
จจั
ย บริ
บทและเงื่
อนไข ที่
ส่
งผลต่
อความเข้
มแข็
งของเครื
อข่
าย และผลการพั
ฒนาที่
เกิ
ดขึ
นกั
บครู
และบุ
คลากรทางการศึ
กษา องค์
ความรู
ที่
ได้
ทั
งหมดมาจากการแลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู
ที่
ได้
จาการปฏิ
บั
ติ
ซึ
งเป็
นกิ
จกรรมหนึ
งที่
เกิ
ดจากการจั
ดการความรู
ซึ
งเห็
นได้
ชั
ดเจน
ว่
า ส่
วนองค์
กรที่
ไม่
ประสบความสํ
าเร็
จ มั
กเป็
นองค์
กรที่
ไม่
ใช่
กลุ
มขององค์
กรที่
มี
ลั
กษณะที่
ปรึ
กษา โดยอาจจะยั
งไม่
มี
ค่
านิ
ยม ไม่
มี
วั
ฒนธรรมระบบการทํ
างานขององค์
กรที่
เอื
และไม่
มี
บรรยากาศที่
ส่
งเสริ
มให้
เกิ
ดการถ่
ายทอด
ความรู
โดยเฉพาะหากเกิ
ดจากการ “สั่
ง” จากผู
บริ
หารแล้
ว มั
กจะไม่
ประสบความสํ
าเร็
จแบบยั่
งยื
นรู
ปแบบการบริ
หาร
เครื
อข่
ายจึ
งต้
องมี
ทั
งแนวดิ่
งและแนวราบ
ในระยะแรกอาจจะมี
การส่
งสาระความรู
มาลงในฐานข้
อมู
ลบ้
าง
เพราะต้
องปฏิ
บั
ติ
ตามนโยบายและ
คํ
าสั่
ง ดั
งนั
น คุ
ณภาพเนื
อหาของความรู
ที่
ได้
รั
บการถ่
ายทอด มั
กจะมี
คุ
ณภาพตํ
ากว่
าสิ่
งที่
ผู
เชี่
ยวชาญคนนั
นมี
ความรู
อยู
จริ
ง นั่
นหมายความว่
า การถ่
ายทอดความรู
ต้
องอยู
บนพื
นฐานของ “ความสมั
ครใจ” เป็
นหลั
กในจุ
ดของการเปลี่
ยนแปลง
นั
น การแก้
ปั
ญหาที่
ซั
บซ้
อนและเป็
นระบบมากขึ
น ในแต่
ละที
มจํ
าเป็
นต้
องมี
ความหลากหลาย จึ
งควรมี
การก่
อตั
งชุ
มชน
นั
กปฏิ
บั
ติ
“Community of Practice, CoP) ที่
แต่
ละคนในชุ
มชนมี
ความสนใจและมี
วั
ตถุ
ประสงค์
ร่
วมกั
น ที่
จะเข้
ามา
แลกเปลี่
ยนความรู
ซึ
งกั
นและกั
น ผ่
านทั
งรู
ปแบบที่
เป็
นทางการและไม่
เป็
นทางการ ทั
งผ่
านการพบปะกั
น หรื
อผ่
าน
เครื
อข่
ายอิ
นทราเน็
ต และหากองค์
กรสามารถเชื่
อมโยง CoP เข้
าด้
วยกั
น จะเป็
นเครื
อข่
าย (Social Network) ที่
มี
การ
ปฏิ
บั
ติ
งานร่
วมกั
นหลาย ๆ งาน CoP จะก้
าวหน้
าและยั่
งยื
นได้
นั
น สาระสํ
าคั
ญอยู
ที่
“คน” มากกว่
า เทคโนโลยี
หรื
อไอ
ที
โดยเป็
นเรื่
องของการปลู
กฝั
งวั
ฒนธรรมของการแบ่
งปั
นความรู
เป็
นการสร้
างพลั
งร่
วมกั
น คํ
าว่
า “Knowledge Sharing
is Power” นั่
นหมายความว่
า จากการให้
ความรู
ทํ
าให้
อย่
างน้
อยเรารู
จริ
งมากขึ
น และจากผลของการให้
เราจะเป็
นผู
รั
ความรู
ใหม่
ๆ จากผู
ที่
เราให้
ความรู
ไปเป็
นการแลกเปลี่
ยนกั
น ทํ
าให้
เรามี
ความรู
เพิ่
มมากขึ
น CoP จะช่
วยให้
องค์
กรที่
มี
การเติ
บโต มี
การกระจายพื
นที่
ทํ
างานในหลายพื
นที่
สามารถเชื่
อมโยงช่
วยเหลื
อการปฏิ
บั
ติ
งาน และการแลกเปลี่
ยน
ความรู
กั
นได้
อย่
างมี
ประสิ
ทธิ
ภาพโดยสมาชิ
กใน CoP เอง ซึ
งจะดี
กว่
าการจั
ดการและประสานงานตามสายบั
งคั
บบั
ญชา
ในรู
ปแบบปกติ
582
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555
1...,572,573,574,575,576,577,578,579,580,581 583,584,585,586,587,588,589,590,591,592,...1917
Powered by FlippingBook