การประชุมวิชาการและผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 17 2550 - page 210

16
สองข
างล
างนี้
โดยไม
เห็
นความสํ
าคั
ญของการพิ
สู
จน
ตามกฎข
อแรกนี้
ก
อนเลย จึ
งเป
นความผิ
ดของการ
ระบุ
สาเหตุ
ของผลหนึ่
งอย
างฉกรรจ
วิ
ธี
ที่
ถู
กต
องคื
อ จะต
องเริ่
มที่
ผลที่
เกิ
ดขึ้
นในปริ
มาณต
างกั
น ในคนที่
ถู
กแบ
งออกเป
นอย
างน
อย 2 กลุ
มมาก
อน นั่
นคื
อ นั
กวิ
จั
ยจะต
องมี
ทั้
งกลุ
มทดลอง และกลุ
มควบคุ
ม เมื่
พบว
ากลุ
มทดลองมี
ผลดี
มากกว
ากลุ
มควบคุ
ม แล
วจึ
งจะดํ
าเนิ
นการขั้
นต
อไป คื
อ หาสิ่
งที่
อาจเป
นสาเหตุ
ของผลดี
ที่
มากกว
านี้
ของกลุ
มทดลอง โดยนั
กวิ
จั
ยต
องยื
นยั
นได
ว
าสิ
งที่
สองกลุ
มนี้
แตกต
างกั
นมาแต
เดิ
มมี
น
อย แต
ที่
ได
รั
บต
างกั
นเด
นชั
ด คื
อ กลุ
มทดลองได
รั
บการพั
ฒนา แต
กลุ
มควบคุ
มไม
ได
รั
บ จึ
งอาจพู
ดได
ว
ผลดี
ที่
มี
มากกว
า ซึ่
งปรากฏในกลุ
มทดลอง เกิ
ดจากการได
รั
บการพั
ฒนานั่
นเอง กลุ
มควบคุ
มไม
ได
รั
บการ
พั
ฒนาจึ
งมี
ผลดั
งกล
าวน
อยกว
าอย
างชั
ดเจน
นั
กพั
ฒนาที่
มองไม
เห็
นความสํ
าคั
ญในกฎข
อนี้
มั
กใช
รู
ปแบบ
การวิ
จั
ย Pretest-Posttest one group design หรื
อรู
ปแบบวั
ดผลหลั
งการพั
ฒนาอย
างเดี
ยว (Post test only)
โดยละเลยไม
ใช
กลุ
มควบคุ
ม จึ
งเป
นรู
ปแบบการวิ
จั
ยที่
ยั
งไม
สมบู
รณ
เมื่
อพบผลดี
ที่
เกิ
ดขึ้
น จึ
งมั
กทึ
กทั
กว
ผลดี
นั้
นเกิ
ดจากการพั
ฒนาที่
ตนจั
ดขึ้
น ผลการวิ
จั
ยเช
นนี้
เป
นผลการวิ
จั
ยที่
ไม
มี
ใครเชื่
อถื
อ ยกเว
นผู
ที่
ไม
รู
เรื่
องหลั
กปรั
ชญาของการพิ
สู
จน
ความเป
นสาเหตุ
ของผล ก็
อาจหลงเชื่
อได
ส
วนผู
ที่
ระมั
ดระวั
งจะถามว
ผู
วิ
จั
ยมี
หลั
กฐานพิ
สู
จน
อย
างไรว
า ผลดี
ที่
เกิ
ดนั้
น จะไม
เกิ
ดหรื
อเกิ
ดน
อยกั
บคนที่
ไม
ได
เข
าร
วมโครงการ
ท
านจะต
องพิ
สู
จน
ให
ได
ก
อน โดยมี
กลุ
มควบคุ
มมาเปรี
ยบเที
ยบนั่
นเอง การเข
าใจและสามารถใช
กฎ
Covariation rule ได
อย
างถู
กต
องนี้
ต
องอาศั
ยการมี
สติ
ป
ญญาขั้
นสู
ง คื
อ ขั้
นปฏิ
บั
ติ
การแบบระบบตาม
ทฤษฎี
ของเพี
ยเจท
(Piaget, 1983 และ ดวงเดื
อน พั
นธุ
มนาวิ
น 2541) ด
วย
2) หลั
งจากพิ
สู
จน
ตามกฎข
อแรกได
แล
วว
า ผู
ที่
เข
าร
วมโครงการ ได
ผลดี
มากกว
า ผู
ที่
ไม
เข
าร
วม
โครงการ หรื
ออี
กนั
ยหนึ่
ง ผลดี
ที่
เกิ
ด (ตั
วแปรตาม) แปรผั
นไปตามการเข
าร
วมโครงการ (ตั
วแปรอิ
สระ)
ต
อไปคื
อกฎที่
ว
าสิ่
งที่
เป
นสาเหตุ
ย
อมเกิ
ดก
อนผล (Temporal precedence rule)
กฎข
อนี้
ไม
ยากที่
จะ
ดํ
าเนิ
นการเพื่
อพิ
สู
จน
ในงานวิ
จั
ยเชิ
งทดลอง วิ
ธี
ดํ
าเนิ
นการพิ
สู
จน
มี
2 ขั้
ขั้
นแรก
คื
อ นั
กวิ
จั
ยจะต
องมี
หลั
กฐานที่
ว
า ผลดี
ที่
เกิ
ดแตกต
างกั
นในกลุ
มทดลอง เมื่
อเปรี
ยบเที
ยบกั
บกลุ
มควบคุ
มในภายหลั
งที่
มี
การ
จั
ดการพั
ฒนานี้
ผลดี
ในสองกลุ
มนี้
มิ
ได
มี
แตกต
างกั
นมาก
อนที่
จะมี
การจั
ดการพั
ฒนาแต
อย
างใด วิ
ธี
การ
สร
างหลั
กฐาน นั
กวิ
จั
ยอาจดํ
าเนิ
นการได
2 ประการ คื
อ การวั
ดผลดี
นี้
ก
อน (Pretest) การเข
ารั
บการพั
ฒนา
ของทั้
งกลุ
มทดลอง และกลุ
มควบคุ
ม โดยต
องพบผลตรงนี้
ว
าไม
แตกต
างกั
นอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญ นั่
นคื
พิ
สู
จน
ว
าเดิ
มเด็
กในกลุ
มทดลองกั
บเด็
กในกลุ
มควบคุ
ม มี
ผลดี
ที่
เป
นเป
าหมายน
อย หรื
อไม
มี
เลยเท
าๆ กั
มาก
อน (แต
มาแตกต
างกั
นในภายหลั
ง) หรื
ออี
กวิ
ธี
หนึ่
ง ใช
การจั
ดการให
เกิ
ดความเท
าเที
ยมกั
น โดยนํ
กลุ
มตั
วอย
างที่
มี
ลั
กษณะเท
าเที
ยมกั
นในหลายประการ (Homogeneous) มาสุ
มโดยไม
ลํ
าเอี
ยงเข
ากลุ
ทดลอง และกลุ
มควบคุ
ม (Random
assignment) กลุ
มทั้
งสองนี้
จึ
งมี
ลั
กษณะต
างๆ รวมทั้
งผลที่
เป
เป
าหมายเท
าเที
ยมกั
น โดยการจั
ดการดั
งกล
าว
ขั้
นที่
สอง
คื
อ เมื่
อพิ
สู
จน
ว
าผลดี
นี้
แต
เดิ
มยั
งไม
แตกต
างกั
ในกลุ
มทดลอง กั
บกลุ
มควบคุ
ม แต
ผลนี้
มาแตกต
างกั
นหลั
งการจั
ดการพั
ฒนาในกลุ
มทดลองแล
ว แสดง
ว
า การจั
ดการพั
ฒนาเกิ
ดก
อนผลดี
ที่
พบมากในกลุ
มทดลองเกิ
ดตามมาที
หลั
ง ส
วนการไม
มี
การพั
ฒนามา
ก
อนในกลุ
มควบคุ
ม และสิ่
งที่
ตามมา คื
อ ผลดี
มี
ไม
มาก (เท
ากั
บหรื
อมากกว
าในกลุ
มทดลอง) ดั
งนั้
น ตาม
1...,200,201,202,203,204,205,206,207,208,209 211,212,213,214,215,216,217,218,219,220,...702
Powered by FlippingBook