14
การทํ
าวิ
จั
ย และนํ
าผลมาปรั
บปรุ
งจนโครงการประสบความสํ
าเร็
จ และมี
ความยั่
งยื
นมากว
า 40 ป
จาก
เนื้
อหาในหั
วข
อข
างต
น ทํ
าให
เห็
นว
า การวิ
จั
ยในช
วงแรกมั
กใช
การวิ
จั
ยหลั
กที่
เรี
ยกว
า
การวิ
จั
ยเชิ
งทดลอง
(Experimental Study) เพื่
อประเมิ
นผลต
นแบบโครงการพั
ฒนา การวิ
จั
ยประเภทนี้
เป
นการวิ
จั
ยขั้
นสู
งที่
นั
กพั
ฒนาจะต
องใช
ในการพิ
สู
จน
ความสํ
าเร็
จของโครงการพั
ฒนา
ซึ่
งเป
นสิ่
งแรกที่
นั
กพั
ฒนาจะต
อง
พิ
สู
จน
ให
เห็
นในเชิ
งประจั
กษ
ว
า โครงการพั
ฒนาที่
จั
ดขึ้
นนั้
นได
ผลดี
จริ
ง และผลดี
ที่
เกิ
ดขึ้
นกั
บเด็
กนั้
น
เกิ
ด
จากการจั
ดการพั
ฒนาในช
วงโครงการนั้
นจริ
ง นอกเหนื
อจากการที่
เด็
กจะพั
ฒนาไปเองตามธรรมชาติ
และตามสถานการณ
เรี
ยนรู
ตามปกติ
ในประเทศไทย นั
กวิ
ชาการในสายสั
งคมศาสตร
โดยเฉพาะอย
างยิ่
งสาขาพฤติ
กรรมศาสตร
และ
สาขาจิ
ตวิ
ทยา ได
ใช
รู
ปแบบการวิ
จั
ยนี้
ในการวิ
จั
ยเพื
่
อสร
างต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมพั
ฒนา ซึ่
งนั
กวิ
จั
ยใน
สาขาเหล
านี้
จึ
งเรี
ยกรู
ปแบบการวิ
จั
ยนี้
ว
า การวิ
จั
ยเชิ
งทดลองประเมิ
นผลต
นแบบการพั
ฒนา (Evaluative
Experimental Study: EES) (ดวงเดื
อน พั
นธุ
มนาวิ
น, 2547ก) นั
กวิ
จั
ยในสาขาเหล
านี้
ได
ทํ
าการวิ
จั
ยเพื่
อ
สร
างและพิ
สู
จน
ผลการใช
ต
นแบบการพั
ฒนาในด
านต
างๆ เช
น ต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมจิ
ตลั
กษณะแบบ
บู
รณาการในการพั
ฒนาพฤติ
กรรมการดู
แลสุ
ขภาพฟ
นของเด็
กประถม (เมธิ
นี
คุ
ปพิ
ทยานั
นท
, 2546)
ต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมเพื่
อพั
ฒนาเหตุ
ผลเชิ
งจริ
ยธรรมแก
ครู
(โกศล มี
คุ
ณ และ ณรงค
เที
ยมเมฆ, 2545),
ต
นแบบสาส
นชั
กจู
งเด็
กรั
กษากฎระบี
ยบวิ
นั
ย (บุ
ณฑริ
กา ราชอาจ, 2547) ต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมการขั
บขี่
อย
างปลอดภั
ยและมี
มารยาทในเด็
กประถม/มั
ธยม (สกล เที
่
ยงแท
และ สุ
มิ
ตตรา เจิ
มพั
นธ
, 2546) และ
ต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมจิ
ตและทั
กษะในการป
องกั
นโรคเอดส
ในนั
กศึ
กษาระดั
บปริ
ญญาตรี
(พิ
สมั
ย วิ
บู
ลย
สวั
สดิ์
และคณะ, 2547; เรณุ
มาศ มาอุ
นและคณะ, 2546) เป
นต
น ชุ
ดฝ
กอบรมเหล
านี้
เป
นชุ
ดฝ
กอบรมที่
นั
กพั
ฒนาสามารถนํ
าไปใช
แพร
หลายในวงกว
างได
อย
างมั่
นใจ เพราะผ
านการพิ
สู
จน
จากการวิ
จั
ยเชิ
ง
ทดลองแล
วว
า ได
ผลดี
จริ
ง โดยในการพั
ฒนาในภายหลั
งนั้
น อาจใช
ชุ
ดฝ
กอบรมเหล
านี้
รวมกั
นหลายๆ
ชุ
ด เพื่
อจะให
ได
ผลที่
มากและถาวรด
วย
อย
างไรก็
ตามนั
กพั
ฒนาต
องแสวงหาผู
มี
ความสามารถในการวิ
จั
ยเชิ
งทดลอง เพื่
อที่
จะหาคํ
าตอบ
ให
ได
ว
า การพั
ฒนาที่
ตนจั
ดขึ้
นนั้
น ได
ผลดี
ตามที่
ต
องการจริ
งๆ แต
เป
นที่
น
าเสี
ยดายว
า
นั
กพั
ฒนา
บางส
วนกลั
วการทํ
าวิ
จั
ย จึ
งไม
ทํ
าการวิ
จั
ยเชิ
งทดลองประเมิ
นผลต
นแบบโครงการพั
ฒนา/ชุ
ดฝ
กอบรม
หรื
อนั
กพั
ฒนาที่
ไปทํ
าวิ
จั
ยเอง แต
ก็
มั
กใช
รู
ปแบบการวิ
จั
ยที่
ไม
ถู
กต
อง
โดยเฉพาะการไม
มี
กลุ
มควบคุ
มใน
การวิ
จั
ยประเมิ
นผลโครงการนั้
น
จึ
งทํ
าให
ไม
สามารถจะพิ
สู
จน
ความสํ
าเร็
จของการพั
ฒนานั
้
น
ผลการวิ
จั
ยจึ
งไม
สามารถใช
ในการปรั
บปรุ
งโครงการให
ดี
ขึ้
นอย
างเต็
มที่
ตลอดจนผลการวิ
จั
ยไม
สามารถ
ชั
กจู
งให
รั
ฐบาลหรื
อผู
ให
ทุ
นเห็
นความสํ
าเร็
จของโครงการได
จึ
งทํ
าให
โครงการพั
ฒนาที่
ดี
หลาย
โครงการอาจต
องยุ
ติ
ลง เพราะถู
กตั
ดงบประมาณ นอกจากนี้
การทํ
าวิ
จั
ยประเมิ
นผลโครงการ มั
กเป
นการ
ทํ
าวิ
จั
ยแบบระยะสั้
น มากกว
าการทํ
าวิ
จั
ยแบบระยะยาว (Longitudinal Study) ทํ
าให
ไม
สามารถพิ
สู
จน
ว
า
การพั
ฒนาที่
ลงทุ
นไปนั้
น ได
ผลที่
ยั่
งยื
นหรื
อไม
อย
างไร (ดู
ภาพ 6)