การประชุมวิชาการและผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 17 2550 - page 208

14
การทํ
าวิ
จั
ย และนํ
าผลมาปรั
บปรุ
งจนโครงการประสบความสํ
าเร็
จ และมี
ความยั่
งยื
นมากว
า 40 ป
จาก
เนื้
อหาในหั
วข
อข
างต
น ทํ
าให
เห็
นว
า การวิ
จั
ยในช
วงแรกมั
กใช
การวิ
จั
ยหลั
กที่
เรี
ยกว
การวิ
จั
ยเชิ
งทดลอง
(Experimental Study) เพื่
อประเมิ
นผลต
นแบบโครงการพั
ฒนา การวิ
จั
ยประเภทนี้
เป
นการวิ
จั
ยขั้
นสู
งที่
นั
กพั
ฒนาจะต
องใช
ในการพิ
สู
จน
ความสํ
าเร็
จของโครงการพั
ฒนา
ซึ่
งเป
นสิ่
งแรกที่
นั
กพั
ฒนาจะต
อง
พิ
สู
จน
ให
เห็
นในเชิ
งประจั
กษ
ว
า โครงการพั
ฒนาที่
จั
ดขึ้
นนั้
นได
ผลดี
จริ
ง และผลดี
ที่
เกิ
ดขึ้
นกั
บเด็
กนั้
เกิ
จากการจั
ดการพั
ฒนาในช
วงโครงการนั้
นจริ
ง นอกเหนื
อจากการที่
เด็
กจะพั
ฒนาไปเองตามธรรมชาติ
และตามสถานการณ
เรี
ยนรู
ตามปกติ
ในประเทศไทย นั
กวิ
ชาการในสายสั
งคมศาสตร
โดยเฉพาะอย
างยิ่
งสาขาพฤติ
กรรมศาสตร
และ
สาขาจิ
ตวิ
ทยา ได
ใช
รู
ปแบบการวิ
จั
ยนี้
ในการวิ
จั
ยเพื
อสร
างต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมพั
ฒนา ซึ่
งนั
กวิ
จั
ยใน
สาขาเหล
านี้
จึ
งเรี
ยกรู
ปแบบการวิ
จั
ยนี้
ว
า การวิ
จั
ยเชิ
งทดลองประเมิ
นผลต
นแบบการพั
ฒนา (Evaluative
Experimental Study: EES) (ดวงเดื
อน พั
นธุ
มนาวิ
น, 2547ก) นั
กวิ
จั
ยในสาขาเหล
านี้
ได
ทํ
าการวิ
จั
ยเพื่
สร
างและพิ
สู
จน
ผลการใช
ต
นแบบการพั
ฒนาในด
านต
างๆ เช
น ต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมจิ
ตลั
กษณะแบบ
บู
รณาการในการพั
ฒนาพฤติ
กรรมการดู
แลสุ
ขภาพฟ
นของเด็
กประถม (เมธิ
นี
คุ
ปพิ
ทยานั
นท
, 2546)
ต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมเพื่
อพั
ฒนาเหตุ
ผลเชิ
งจริ
ยธรรมแก
ครู
(โกศล มี
คุ
ณ และ ณรงค
เที
ยมเมฆ, 2545),
ต
นแบบสาส
นชั
กจู
งเด็
กรั
กษากฎระบี
ยบวิ
นั
ย (บุ
ณฑริ
กา ราชอาจ, 2547) ต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมการขั
บขี่
อย
างปลอดภั
ยและมี
มารยาทในเด็
กประถม/มั
ธยม (สกล เที
ยงแท
และ สุ
มิ
ตตรา เจิ
มพั
นธ
, 2546) และ
ต
นแบบชุ
ดฝ
กอบรมจิ
ตและทั
กษะในการป
องกั
นโรคเอดส
ในนั
กศึ
กษาระดั
บปริ
ญญาตรี
(พิ
สมั
ย วิ
บู
ลย
สวั
สดิ์
และคณะ, 2547; เรณุ
มาศ มาอุ
นและคณะ, 2546) เป
นต
น ชุ
ดฝ
กอบรมเหล
านี้
เป
นชุ
ดฝ
กอบรมที่
นั
กพั
ฒนาสามารถนํ
าไปใช
แพร
หลายในวงกว
างได
อย
างมั่
นใจ เพราะผ
านการพิ
สู
จน
จากการวิ
จั
ยเชิ
ทดลองแล
วว
า ได
ผลดี
จริ
ง โดยในการพั
ฒนาในภายหลั
งนั้
น อาจใช
ชุ
ดฝ
กอบรมเหล
านี้
รวมกั
นหลายๆ
ชุ
ด เพื่
อจะให
ได
ผลที่
มากและถาวรด
วย
อย
างไรก็
ตามนั
กพั
ฒนาต
องแสวงหาผู
มี
ความสามารถในการวิ
จั
ยเชิ
งทดลอง เพื่
อที่
จะหาคํ
าตอบ
ให
ได
ว
า การพั
ฒนาที่
ตนจั
ดขึ้
นนั้
น ได
ผลดี
ตามที่
ต
องการจริ
งๆ แต
เป
นที่
น
าเสี
ยดายว
นั
กพั
ฒนา
บางส
วนกลั
วการทํ
าวิ
จั
ย จึ
งไม
ทํ
าการวิ
จั
ยเชิ
งทดลองประเมิ
นผลต
นแบบโครงการพั
ฒนา/ชุ
ดฝ
กอบรม
หรื
อนั
กพั
ฒนาที่
ไปทํ
าวิ
จั
ยเอง แต
ก็
มั
กใช
รู
ปแบบการวิ
จั
ยที่
ไม
ถู
กต
อง
โดยเฉพาะการไม
มี
กลุ
มควบคุ
มใน
การวิ
จั
ยประเมิ
นผลโครงการนั้
จึ
งทํ
าให
ไม
สามารถจะพิ
สู
จน
ความสํ
าเร็
จของการพั
ฒนานั
ผลการวิ
จั
ยจึ
งไม
สามารถใช
ในการปรั
บปรุ
งโครงการให
ดี
ขึ้
นอย
างเต็
มที่
ตลอดจนผลการวิ
จั
ยไม
สามารถ
ชั
กจู
งให
รั
ฐบาลหรื
อผู
ให
ทุ
นเห็
นความสํ
าเร็
จของโครงการได
จึ
งทํ
าให
โครงการพั
ฒนาที่
ดี
หลาย
โครงการอาจต
องยุ
ติ
ลง เพราะถู
กตั
ดงบประมาณ นอกจากนี้
การทํ
าวิ
จั
ยประเมิ
นผลโครงการ มั
กเป
นการ
ทํ
าวิ
จั
ยแบบระยะสั้
น มากกว
าการทํ
าวิ
จั
ยแบบระยะยาว (Longitudinal Study) ทํ
าให
ไม
สามารถพิ
สู
จน
ว
การพั
ฒนาที่
ลงทุ
นไปนั้
น ได
ผลที่
ยั่
งยื
นหรื
อไม
อย
างไร (ดู
ภาพ 6)
1...,198,199,200,201,202,203,204,205,206,207 209,210,211,212,213,214,215,216,217,218,...702
Powered by FlippingBook