18
การวิ
จั
ยกึ่
งทดลอง เพื่
อพิ
สู
จน
ความสํ
าเร็
จของโครงการ
การวิ
จั
ยเชิ
งทดลองเต็
มรู
ปข
างต
นที่
กล
าวมาแล
วนั้
น เป
นการวิ
จั
ยที่
สามารถพิ
สู
จน
ความเป
น
สาเหตุ
และผลได
อย
างน
าเชื่
อถื
อมากที่
สุ
ด แต
อย
างไรก็
ตาม
นั
กวิ
ชาการหลายท
านแย
งว
า การสุ
มคนเข
า
โครงการพั
ฒนาหรื
อเรี
ยกว
า กลุ
มทดลอง และสุ
มคนเข
ากลุ
มควบคุ
มที่
ไม
ได
เข
าโครงการพั
ฒนานั้
น เป
น
การขั
ดกั
บหลั
กสิ
ทธิ
มนุ
ษยชน
โดยเฉพาะอย
างยิ่
งบุ
คคลที่
ไม
ได
ถู
กเลื
อกให
เข
าโครงการ จะสู
ญเสี
ย
โอกาสที่
จะได
รั
บการพั
ฒนา หรื
อในทางการแพทย
คื
อ ป
วยแต
ไม
ได
รั
บยารั
กษาได
และไม
ยุ
ติ
ธรรม
ดั
งนั้
นจึ
ง
มี
ผู
เสนอทางออกโดยการทํ
าวิ
จั
ยกึ
่
งทดลองที่
ควบคุ
มเคร
งครั
ด
นั
กวิ
จั
ยไม
จํ
าเป
นต
องทํ
า
การสุ
มแบบไม
ลํ
าเอี
ยง โดยเมื่
อดํ
าเนิ
นโครงการพั
ฒนาไปสั
กพั
ก นั
กวิ
จั
ยควรไปหาบุ
คคลที่
จะใช
เป
น
กลุ
มควบคุ
ม ซึ่
งมี
ลั
กษณะใกล
เคี
ยงกั
บกลุ
มทดลอง เช
น โครงการพั
ฒนาอยู
อํ
าเภอ ก. ผู
เข
าร
วมโครงการ
เป
นชาย 100 คน ฐานะปานกลาง แต
งงาน อายุ
45-55 ป
นั
กพั
ฒนาอาจไปหาบุ
คคลที่
จะมาเป
นกลุ
ม
ควบคุ
มที่
มี
ลั
กษณะใกล
เคี
ยง คื
อ ชาย 100 คน ฐานะปานกลาง แต
งงาน อายุ
45-55 ป
ซึ่
งอาจอยู
ในอํ
าเภอ
ใกล
เคี
ยงที่
ไม
มี
โครงการพั
ฒนาแบบนั้
นลงในพื้
นที่
เป
นต
น Heinsman และ Shadish (1996) ได
ทํ
าการ
วิ
เคราะห
อภิ
มาน (Meta Analysis) เปรี
ยบเที
ยบผลจากการใช
วิ
ธี
วิ
จั
ยเชิ
งทดลองเต็
มรู
ปแบบที่
มี
การสุ
มคน
เข
ากลุ
มโดยไม
ลํ
าเอี
ยง กั
บการวิ
จั
ยกึ่
งทดลองที่
เลื
อกคนที่
มี
ลั
กษณะใกล
เคี
ยงอย
างเคร
งครั
ดกั
บกลุ
ม
ทดลองมาเป
นกลุ
มควบคุ
ม รวมกว
า 40 เรื่
อง ผลปรากฏว
า ผลการวิ
จั
ยที่
ใช
รู
ปแบบการวิ
จั
ยต
างกั
นนี้
ให
ผลวิ
จั
ยที่
ใกล
เคี
ยงกั
น แต
ต
องมี
การควบคุ
มเคร
งครั
ดจริ
งๆ แสดงว
าใช
แทนกั
นได
ถ
าจํ
าเป
น
นอกจากนี้
ยั
ง
มี
การเสนอให
นั
กวิ
จั
ยใช
รู
ปแบบการวิ
จั
ยที่
เรี
ยกว
า Institutional Cycle
(Campbell
& Stanley, 1966) เช
น ในพื้
นที่
มี
ประชาชนที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ควรจะได
เข
าโครงการ จํ
านวน 500 คน
นั
กพั
ฒนาอาจสุ
มบุ
คคลส
วนหนึ่
งในพื้
นที่
นั้
น เข
าสู
กลุ
มทดลองที่
1 จํ
านวน 100 คน และกลุ
มควบคุ
มที่
1
อี
ก 100 คน โดยกลุ
มทดลองที่
1 ได
เข
าร
วมโครงการก
อน ส
วนกลุ
มควบคุ
มยั
งไม
ได
เข
าร
วมโครงการ
แล
วทํ
าการวิ
จั
ยเชิ
งทดลองประเมิ
นผลโครงการ ซึ่
งเรี
ยกว
า เป
น cycle ที่
1 เมื่
อเสร็
จแล
ว นั
กพั
ฒนาเริ่
ม
cycle ที่
2 ด
วยการนํ
าคน 100 คนใน กลุ
มควบคุ
มที่
1 มาเข
าโครงการ ซึ่
งในตอนนี้
จะกลายเป
นกลุ
ม
ทดลองที่
2 และสุ
มคนอี
ก 100 จาก 300 คนที่
เหลื
อมาเป
นกลุ
มควบคุ
มที่
2 และทํ
าเช
นนี้
เป
น cycle ต
อๆ
ไปจนทุ
กคนได
เข
าร
วมโครงการพั
ฒนาครบถ
วนในที่
สุ
ด ถึ
งรู
ปแบบนี้
จะมี
ข
อดี
ในการลดเรื่
องของการ
ลิ
ดรอนสิ
ทธิ
มนุ
ษยชนในการได
เข
าร
วมโครงการเพื่
อรั
บการพั
ฒนา แต
ก็
มี
ข
อเสี
ยจากวิ
ธี
นี้
คื
อ นั
กพั
ฒนาไม
สามารถติ
ดตามผลเปรี
ยบเที
ยบผู
เข
าร
วมโครงการ กั
บผู
ไม
เข
าร
วมโครงการ ในระยะยาวได
ต
องศึ
กษาผล
ในระยะสั้
นได
เท
านั้
น
การวิ
จั
ยเชิ
งทดลองในผู
เข
าโครงการ เพื่
อเปรี
ยบเที
ยบผลของการจั
ดการพั
ฒนาที่
ต
างกั
น
ถ
านั
กพั
ฒนาต
องการให
ผู
มี
สิ
ทธิ
ทุ
กคนได
เข
าร
วมในโครงการพั
ฒนาเพื่
อความยุ
ติ
ธรรม หรื
อใน
บางครั้
งไม
อาจละเว
นใครจากการเรี
ยนการสอนตามปกติ
ในโรงเรี
ยนได
ต
องให
ทุ
กคนได
รั
บการ
ฝ
กอบรมพั
ฒนาอย
างน
อยในระดั
บพื้
นฐานโดยทั่
วกั
น ต
อมาในโครงการนั้
นมี
นโยบายที่
จะจั
ดฝ
กอบรม