full2010.pdf - page 1701

1663
เปรี
ยบเที
ยบความคิ
ดเห็
นของนั
กศึ
กษาที่
มี
ต
อผลสั
มฤทธิ์
ทางการเรี
ยน ระหว
างกลุ
มนั
กศึ
กษาที่
มี
ผลการเรี
ยนอยู
ในภาวะรอพิ
นิ
จ และกลุ
มนั
กศึ
กษาที่
มี
ผลการเรี
ยนอยู
ในภาวะปกติ
พบว
า ในภาพรวม
นั
กศึ
กษามี
ความคิ
ดเห็
นไม
แตกต
างกั
น แต
หากพิ
จารณาเป
นรายด
านพบว
1. ด
านการปรั
บตั
วด
านการเรี
ยน พบว
านั
กศึ
กษาทั้
งสองกลุ
มมี
ความคิ
ดเห็
นในภาพรวมไม
แตกต
างกั
น โดยคิ
ดว
าการปรั
บตั
วด
านการเรี
ยนมี
ผลต
อการเรี
ยนในระดั
บมาก แต
หากเปรี
ยบเที
ยบ
ความแตกต
างระหว
างกลุ
ม จะพบว
านั
กศึ
กษามี
ความวิ
ตกกั
งวลและกลั
วความล
มเหลวในเรื่
องการเรี
ยน
มี
ความคิ
ดเห็
นแตกต
างกั
นอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญที่
ระดั
บ .05 โดยนั
กศึ
กษาที่
มี
ผลการเรี
ยนภาวะปกติ
คิ
ดว
ามี
ผลต
อการเรี
ยนในระดั
บปานกลาง ส
วนนั
กศึ
กษาที่
มี
ผลการเรี
ยนภาวะรอพิ
นิ
จ คิ
ดว
ามี
ผลต
อการเรี
ยน
ในระดั
บมาก อาจเป
นเพราะว
าหากไม
ผ
านภาวะรอพิ
นิ
จก็
จะต
องตกออกไปในที่
สุ
ด สํ
าหรั
บข
ออื่
น ๆ
ในป
จจั
ยด
านการปรั
บตั
วด
านการเรี
ยนนั้
น นั
กศึ
กษาทั้
งสองกลุ
มมี
ความคิ
ดเห็
นที่
ไม
แตกต
างกั
2. ด
านแรงจู
งใจใฝ
สั
มฤทธิ์
ทางการเรี
ยน พบว
าในภาพรวมนั
กศึ
กษาทั้
งสองกลุ
มมี
ความ
คิ
ดเห็
นไม
แตกต
างกั
น โดยคิ
ดว
าแรงจู
งใจใฝ
สั
มฤทธิ์
ทางการเรี
ยนมี
ผลต
อการเรี
ยนในระดั
บปานกลาง
แต
หากเปรี
ยบเที
ยบความแตกต
างระหว
างกลุ
ม จะพบว
ามี
ความคิ
ดเห็
นแตกต
างกั
นที่
ระดั
บนั
ยสํ
าคั
.05 ในข
อ เรี
ยนทั
นเพื่
อนๆ ในห
อง และส
งงานได
ทั
นตามเวลาที่
กํ
าหนดเสมอ โดยนั
กศึ
กษาที่
มี
ผลการ
เรี
ยนอยู
ในภาวะปกติ
คิ
ดว
ามี
ผลต
อการเรี
ยนในระดั
บมาก นั
กศึ
กษาจึ
งเข
าเรี
ยนเสมอ เอาใจใส
การเรี
ยน
มี
ความรั
บผิ
ดชอบ รู
จั
กแบ
งเวลาในการเรี
ยนและทํ
ากิ
จกรรม ส
วนนั
กศึ
กษาที่
มี
ผลการเรี
ยนภาวะรอ
พิ
นิ
จ คิ
ดว
ามี
ผลต
อการเรี
ยนในระดั
บปานกลาง มี
แรงจู
งใจใฝ
สั
มฤทธิ์
ทางการเรี
ยนน
อยกว
า ไม
เอาใจ
ใส
การเรี
ยน จึ
งทํ
าให
ไม
สามารถเรี
ยนทั
นเพื่
อน ๆ ในห
อง สอดคล
องกั
บนั
กศึ
กษาแสดงความคิ
ดเห็
และสั
มภาษณ
นั
กศึ
กษาในสาเหตุ
ที่
ทํ
าให
นั
กศึ
กษาส
วนใหญ
อยู
ในสถานภาพรอพิ
นิ
จ คื
อนั
กศึ
กษาขาด
ความหวั
งและแรงจู
งใจในการเรี
ยน ไม
มี
สมาธิ
ในการเรี
ยน ดั
งนั้
น การที่
บุ
คคลจะประสบความสํ
าเร็
ในการศึ
กษาเล
าเรี
ยน หรื
อประสบผลสํ
าเร็
จในการทํ
างานใดก็
ตาม บุ
คคลนั้
นย
อมต
องอาศั
ยกํ
าลั
งใจ
และแรงจู
งใจเป
นสิ่
งสํ
าคั
ญ แรงจู
งใจยั
งเป
นตั
วเสริ
มให
นั
กศึ
กษามี
ความมานะบากบั
นที่
จะเอาชนะ
อุ
ปสรรคและไปให
ถึ
งจุ
ดหมายได
3. ด
านสติ
ป
ญญาของนั
กศึ
กษา
พบว
านั
กศึ
กษาทั้
งสองกลุ
ม มี
ความคิ
ดเห็
นที่
ไม
แตกต
างกั
แต
หากเปรี
ยบเที
ยบความแตกต
างระหว
างกลุ
ม นั
กศึ
กษาที่
มี
ผลการเรี
ยนอยู
ในภาวะปกติ
มี
ความเห็
นว
สติ
ป
ญญามี
ผลต
อผลสั
มฤทธิ์
ทางการเรี
ยนสู
งกว
านั
กศึ
กษาที่
มี
ผลการเรี
ยนในภาวะรอพิ
นิ
4. ด
านความสั
มพั
นธ
กั
บกลุ
มเพื่
อน พบว
าในภาพรวมนั
กศึ
กษาทั้
งสองกลุ
มมี
ความคิ
ดเห็
นไม
แตกต
างกั
น โดยพบว
าเมื่
อมี
ป
ญหาทางการเรี
ยนปรึ
กษาเพื่
อนมากกว
าอาจารย
มี
ผลต
อการเรี
ยนสู
งที่
สุ
5. ด
านความเชื่
อมั่
นในตนเอง
พบว
าในภาพรวมนั
กศึ
กษาทั้
งสองกลุ
มมี
ความคิ
ดเห็
นไม
แตกต
างกั
น โดยพบว
า ชอบทํ
างานด
วยตนเองมากกว
าให
คนอื่
นทํ
าให
มี
ผลต
อการเรี
ยนสู
งที่
สุ
ด ส
วน
ในข
อที่
คิ
ดว
าทํ
างานหลายอย
างได
อย
างดี
แล
ว ไม
มี
ข
อผิ
ดพลาด มี
ผลต
อการเรี
ยนน
อยที่
สุ
1...,1691,1692,1693,1694,1695,1696,1697,1698,1699,1700 1702,1703,1704,1705,1706,1707,1708,1709,1710,1711,...2023
Powered by FlippingBook