เอกสารการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัย ครั้งที่ 21 / 2554 (Oral) - page 957
8
เป
นพื้
นที่
ในการสื่
อสาร และเป
นการสนทนาผ
านการเขี
ยนที่
ไม
มี
เวลาเป
นเงื่
อนไข ผู
เรี
ยนมี
โอกาสใคร
ครวญเรื่
องราวของ
ตนเองในแง
มุ
มต
าง ๆ ซึ่
งนอกจากประสบการณ
ความรู
มากมายนอกชั้
นเรี
ยนแล
วยั
งได
ฝ
กกระบวนการการคิ
ด การฟ
ง
การพู
ด การอ
าน และการเขี
ยนจนดี
ขึ้
นตามลํ
าดั
บ ได
ฝ
กความเป
นผู
นํ
า กล
าที
่
จะตั
ดสิ
นใจ กล
าคิ
ดและแสดงความคิ
ดเห็
น
ในเรื่
องที่
ถู
กต
องเหมาะสม ได
รู
จั
กการทํ
างานเป
นที
ม เกิ
ดการปรั
บตั
วให
เข
ากั
บเพื่
อนต
างวิ
ชาเอก ต
างคณะ และมิ
ตรภาพที่
หยิ
บยื่
นให
กั
น เป
นต
น เสี
ยงสะท
อนการเปลี่
ยนแปลงจากข
างในจิ
ตใจทํ
าให
ทุ
กคนต
างรู
สึ
กได
ถึ
งคุ
ณค
าของกิ
จกรรมที่
ปฏิ
บั
ติ
ร
วมกั
นมาในกระบวนการวิ
จั
ย
สรุ
ปผลการวิ
จั
ย
การค
นพบความสํ
าเร็
จในการพั
ฒนาความสามารถในการคิ
ดของผู
เรี
ยนเกิ
ดจากการผสมผสานวิ
ธี
การที่
หลากหลาย ทั้
งการจั
ดการความรู
การเรี
ยนรู
ร
วมกั
นด
วยการปฏิ
บั
ติ
การเก็
บรวบรวมข
อมู
ลเชิ
งคุ
ณภาพ และการวิ
จั
ย
ปฏิ
บั
ติ
การเพื่
อพั
ฒนาการเรี
ยนรู
และเปลี่
ยนแปลง ซึ่
งนั
บว
าเป
นทั้
งเครื่
องมื
อและวิ
ธี
การที่
เหมาะสมวิ
ธี
หนึ่
ง เนื่
องจาก การ
ออกแบบการจั
ดการเรี
ยนรู
ผู
วิ
จั
ยใช
บริ
บทชุ
มชนเป
นแหล
งเรี
ยนรู
ของผู
เรี
ยน และใช
โจทย
บู
รณาการที่
มี
ความเกี่
ยวเนื่
อง
และต
อเนื่
อง (Sequence) ทั้
งภาคทฤษฎี
และประสบการณ
จริ
งในภาคปฏิ
บั
ติ
เร
าพลั
งให
เกิ
ดกระบวนการเรี
ยนรู
การคิ
ดใน
แบบต
างๆ อี
กทั้
งผู
เรี
ยนยั
งได
เรี
ยนรู
วิ
ธี
การจั
ดการความรู
จากประสบการณ
ตรงว
า แหล
งความรู
ไม
ได
มี
อยู
เฉพาะในตั
วครู
ในตํ
าราเรี
ยน หรื
อในห
องเรี
ยนเท
านั้
น แต
มี
อยู
ในตั
วคนทุ
กคนและมี
อยู
ในวั
ตถุ
หรื
อชิ้
นงานที่
สร
างสรรค
ด
วยน้ํ
ามื
อของ
มนุ
ษย
ในรู
ปลั
กษณ
ที่
หลากหลาย วิ
ธี
การดั
งกล
าว สามารถนํ
าไปสอดแทรกปรั
บใช
ในการเรี
ยนการสอนภาษาไทยและ
รายวิ
ชาต
างๆ ในระดั
บอุ
ดมศึ
กษาและระดั
บอื่
นๆ ได
อี
กทั้
ง การวิ
จั
ยนี้
ไม
เพี
ยงตอบโจทย
บู
รณาการที่
พั
ฒนาความสามารถ
ในการคิ
ดของผู
เรี
ยนเท
านั้
น แต
ยั
งขยายผลความรู
จากชุ
มชนและสั
งคมสู
มหาวิ
ทยาลั
ย ซึ่
งอาจใช
กระบวนการเรี
ยนรู
ใน
ลั
กษณะการวิ
จั
ยแบบนี้
พั
ฒนาศั
กยภาพผู
เรี
ยนในเรื่
องอื่
นๆ หรื
อด
านอื่
นๆ นอกจากนั้
น การวิ
จั
ยนี้
ยั
งสะท
อนให
เห็
นการ
เปลี่
ยนแปลงการจั
ดการเรี
ยนรู
อย
างน
อยใน 3 ด
านคื
อ เปลี่
ยนแปลงวิ
ธี
คิ
ดของผู
สอนที่
ให
ความสํ
าคั
ญกั
บบริ
บทภายนอก
โดยนํ
าไปสู
การเปลี่
ยนแปลงกระบวนการเรี
ยนการสอนที่
ไม
แปลกแยกจากชุ
มชนและใช
ชุ
มชนเป
นฐานการเรี
ยนรู
เปลี่
ยนแปลงกระบวนการเรี
ยนการสอนที่
ให
ความสํ
าคั
ญกั
บผู
เรี
ยนโดยให
ผู
เรี
ยนมี
ส
วนร
วมในการพั
ฒนาการเรี
ยนรู
ของ
ตนอย
างต
อเนื่
อง และใช
กระบวนการเรี
ยนการสอนเปลี่
ยนแปลงวิ
ธี
คิ
ดของผู
เรี
ยน คื
อ การรู
จั
กที่
จะเรี
ยนรู
จากคนอื่
นอย
าง
อ
อนน
อมถ
อมตน ในขณะเดี
ยวกั
นได
เรี
ยนรู
ตนเองไปด
วย
คํ
าขอบคุ
ณ
งานวิ
จั
ยนี้
ได
รั
บการสนั
บสนุ
นการวิ
จั
ยจากงบประมาณเงิ
นแผ
นดิ
น ประจํ
าป
2552 มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ
ขอขอบคุ
ณ ศาสตราจารย
ชวน เพชรแก
ว ที่
กรุ
ณาให
ความอนุ
เคราะห
เป
นผู
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
ในการอ
านงานวิ
จั
ยเรื่
องนี้
เอกสารอ
างอิ
ง
ประเวศ วะสี
. (2552). ระบบการศึ
กษาที่
แก
ความทุ
กข
ยากของคนทั้
งแผ
นดิ
น. ใน
จิ
ตตป
ญญาศึ
กษา
, (19-66).
กรุ
งเทพฯ : สถาบั
นส
งเสริ
มการจั
ดการความรู
เพื่
อสั
งคม (สคส.).
สํ
านั
กงานเลขาธิ
การสภาการศึ
กษา กระทรวงศึ
กษาธิ
การ. (2552).
สรุ
ปผลการดํ
าเนิ
นงาน 9 ป
ของการปฏิ
รู
ปการศึ
กษา
(พ.ศ.2542 – 2551)
. กรุ
งเทพฯ : วี
.ที
.ซี
. คอมมิ
วนิ
เคชั่
น.
โอฬาร ไชยประวั
ติ
. (2552). การเสวนาเรื่
อง ยุ
ทธศาสตร
การยกคุ
ณภาพ อั
นเนื่
องจากผลการประเมิ
นคุ
ณภาพ
การศึ
กษา. ใน
รายงานสื
บเนื่
องจากการเสวนาวิ
ชาการ เรื่
อง “ผลิ
ดอก ออกผล...9 ป
แห
งการปฏิ
รู
ป
การศึ
กษา
, (33 – 40). (พิ
มพ
ครั้
งที่
3). กรุ
งเทพฯ : สถาบั
นวิ
จั
ยและพั
ฒนาคุ
ณภาพ (สวพ.) และ
สํ
านั
กงานรั
บรองมาตรฐานและประเมิ
นคุ
ณภาพการศึ
กษา (องค
การมหาชน).
1...,947,948,949,950,951,952,953,954,955,956
958,959,960,961,962,963,964,965,966,967,...1102