คุ
ณภาพการเรี
ยนการสอน 2) การสอนเพื่
อพั
ฒนาทั
กษะการคิ
ด 3) การจั
ดการเรี
ยนรู
้
แบบโครงงาน 4) การจั
ดระบบการ
นิ
เทศภายในสถานศึ
กษา แต่
ที่
แตกต่
างกั
น คื
อ วิ
ธี
การพั
ฒนาของแต่
ละแห่
งอาจจะลั
กษณะที่
ไม่
เหมื
อนกั
น เช่
นโรงเรี
ยนวั
ด
นางเหล้
า จะเน้
นกระบวนการจั
ดการความรู
้
การสร้
างระบบพี่
เลี
้
ยง (Mentoring System) และการสร้
างคลั
งความรู
้
(Knowledge Tank) ส่
วนโรงเรี
ยนบ้
านชะแม จะเน้
นวิ
ธี
การพั
ฒนาแบบนํ
าตนเอง ((SDL : Self Directed Learning) ซึ
่
งเป็
น
วิ
ธี
การที่
ครู
นํ
าชุ
ดฝึ
กอบรม (Training
Package) มาใช้
ส่
วนโรงเรี
ยนสมเด็
จเจ้
าพะโคะ เน้
นวิ
ธี
การเรี
ยนรู
้
ร่
วมกั
น
(Participation) เรี
ยนรู
้
จากการปฏิ
บั
ติ
(Practice) และสํ
าหรั
บโรงเรี
ยนวั
ดพั
งกก(ประชาพิ
ทั
กษ์
) และโรงเรี
ยนวั
ดดี
หลวง จะ
ใช้
รู
ปแบบเดี
ยวกั
น ซึ
่
งเน้
นการแลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู
้
(Sharing) การเรี
ยนรู
้
ร่
วมกั
น (Participatory) และเน้
นประสิ
ทธิ
ภาพและ
ประสิ
ทธิ
ผล (Efficiency and Effectiveness) ส่
วนรู
ปแบบที่
เป็
นภาพรวมของทั
้
ง 5 แห่
ง จะมี
ส่
วนที่
คล้
ายๆกั
น นั
้
นคื
อ เน้
น
การเรี
ยนรู
้
จากการปฏิ
บั
ติ
(Practice) การเรี
ยนรู
้
ร่
วมกั
น (Participation) การแลกเปลี่
ยนเรี
ยนรู
้
(Sharing) ความต่
อเนื่
อง
(Continuity) ซึ
่
งกระบวนการเหล่
านี
้
จะนํ
าไปสู
่
แนวปฏิ
บั
ติ
ที่
ดี
(Good Practice) และแนะสู
่
แนวปฏิ
บั
ติ
ที่
ดี
ที่
สุ
ด (Best
Practice) ซึ
่
งก่
อนที่
จะกํ
าหนดเป็
นรู
ปแบบ ได้
ให้
ผู
้
บริ
หาร ครู
คณะกรรมการสถานศึ
กษา และชุ
มชน ให้
ข้
อมู
ลและร่
วม
แสดงความคิ
ดเห็
น ซึ
่
งเป็
นไปตามหลั
กการของการบริ
หารสถานศึ
กษาโดยใช้
โรงเรี
ยนเป็
นฐาน ที่
อุ
ทั
ย บุ
ญประเสริ
ฐ
(2542) กล่
าวไว้
ว่
า การบริ
หารโดยใช้
โรงเรี
ยนเป็
นฐาน หมายถึ
ง กลยุ
ทธ์
ในการปรั
บปรุ
งการศึ
กษา โดยเปลี่
ยนอํ
านาจ
หน้
าที่
ในการตั
ดสิ
นใจจากส่
วนกลางไปยั
งแต่
ละสถานศึ
กษา โดยให้
คณะกรรมการสถานศึ
กษาที่
เป็
นตั
วแทนจากทุ
กภาค
ส่
วนเข้
ามามี
ส่
วนร่
วมในการตั
ดสิ
นใจการดํ
าเนิ
นกิ
จกรรมต่
างๆ ในสถานศึ
กษา จึ
งทํ
าให้
ข้
อมู
ลที่
ได้
มาจากบริ
บทจริ
งของ
สถานศึ
กษาแต่
ละแห่
ง และสอดคล้
องกั
บหลั
กการสํ
าคั
ญของการบริ
บทสถานศึ
กษาโดยใช้
โรงเรี
ยนเป็
นฐาน ที่
Florida
Department of Education. (1998)
กล่
าวไว้
คื
อ หลั
กการกระจายอํ
านาจ หลั
กการมี
ส่
วนร่
วม หลั
กการคื
นอํ
านาจให้
กั
บ
ประชาชน หลั
กการบริ
หารตนเอง และหลั
กการตรวจสอบและถ่
วงดุ
ล ดั
งนั
้
นในการดํ
าเนิ
นการเพื่
อให้
ได้
มาซึ
่
งรู
ปแบบ
พั
ฒนาดั
งกล่
าว จึ
งเป็
นกระบวนการที่
สอดคล้
องกั
บแนวคิ
ดการบริ
หารสถานศึ
กษาโดยใช้
โรงเรี
ยนเป็
นฐานจริ
งๆ และ
กระบวนการได้
เปิ
ดโอกาสให้
ผู
้
เกี่
ยวที่
ข้
องในการจั
ดการศึ
กษามี
ส่
วนร่
วมในทุ
กขั
้
นตอน ทํ
าให้
ความสั
มพั
นธ์
ระหว่
าง
โรงเรี
ยนกั
บชุ
มชนดี
ขึ
้
น ดั
งนั
้
นบริ
บทของสถานศึ
กษาจะนํ
าไปสู
่
การสร้
างรู
ปแบบที่
ดี
และเหมาะสมกั
บสถานศึ
กษา เกิ
ด
ผลดี
ต่
อการพั
ฒนาครู
และผู
้
บริ
หารสถานศึ
กษาต่
อไป
¦³ÁÈ
¸É
2
ความเป็
นไปได้
และความเหมาะสมของรู
ปแบบการพั
ฒนาครู
และผู
้
บริ
หารสถานศึ
กษา ซึ
่
ง
รู
ปแบบที่
พั
ฒนาขึ
้
นเป็
นรู
ปแบบที่
มาจากแนวคิ
ดของการบริ
หารสถานศึ
กษาโดยใช้
โรงเรี
ยนเป็
นฐานอย่
างแท้
จริ
ง มี
ทั
้
ง
รู
ปแบบที่
เป็
นรายสถานศึ
กษาและรู
ปแบบการพั
ฒนาร่
วม ซึ
่
งได้
นํ
ารู
ปแบบให้
ผู
้
ทรงคุ
ณวุ
ฒิ
จํ
านวน 5 ท่
าน ประเมิ
น
คุ
ณภาพความเป็
นไปได้
และความเหมาะสมของรู
ปแบบ พบว่
า คุ
ณภาพของรู
ปแบบของแต่
ละสถานศึ
กษา และ รู
ปแบบ
การพั
ฒนาร่
วมอยู
่
ในระดั
บมาก ที่
เป็
นเช่
นนี
้
เพราะจุ
ดเด่
นของรู
ปแบบการพั
ฒนาครู
และผู
้
บริ
หารสถานศึ
กษาโดยใช้
โรงเรี
ยนเป็
นฐาน อยู
่
ที่
กระบวนการจั
ดทํ
ารู
ปแบบที่
มาจากความต้
องการของบุ
คลากร และผู
้
ที่
เกี่
ยวข้
องที่
ร่
วมคิ
ดร่
วมทํ
า
สอดคล้
องกั
บความเป็
นบริ
บทของแต่
ละสถานศึ
กษา และประเด็
นการพั
ฒนาครู
และผู
้
บริ
หารสถานศึ
กษาเป็
นประเด็
นที่
สอดคล้
องกั
บนโยบายของระดั
บกระทรวง ระดั
บเขตพื
้
นที่
หมายถึ
ง ครอบคลุ
มการจั
ดการศึ
กษาของชาติ
เพื่
อเพิ่
ม
ผลสั
มฤทธิ
์
ทางการเรี
ยนและคุ
ณภาพของผู
้
เรี
ยน จึ
งนั
บเป็
นรู
ปแบบที่
น่
าสนใจและสถานศึ
กษา สามารถที่
จะนํ
าไปใช้
ได้
จริ
ง สอดคล้
องกั
บงานวิ
จั
ยของ ดิ
เรก วรรณเศี
ยร (2545) ที่
พบว่
า รู
ปแบบจํ
าลองที่
สามารถนํ
าไปใช้
ได้
ดี
ต้
องครอบคลุ
ม
ภารกิ
จการบริ
หารสถานศึ
กษา ครอบคลุ
มนโยบายสถานศึ
กษา และครอบคลุ
มทุ
กหมวดของพระราชบั
ญญั
ติ
การศึ
กษา
บู
รณาการเข้
ากั
บศาสตร์
ทางการบริ
หารการศึ
กษาได้
ลงตั
ว และอี
กทั
้
งกระบวนการในการสร้
างและพั
ฒนารู
ปแบบมี
ความชั
ดเจน น่
าเชื่
อถื
อ ข้
อมู
ลที่
ได้
มาจากสภาพจริ
งที่
เกิ
ดขึ
้
นในสถานศึ
กษา สอดคล้
องกั
บความคิ
ดเห็
น Bardo and
Hartan (1992) ที่
กล่
าวว่
า แบบจํ
าลองที่
ดี
ควรอธิ
บายสภาพหรื
อแนวทางของสถานศึ
กษา และมี
ข้
อมู
ลที่
มาจากบริ
บท
595
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555