การประชุมวิชาการและผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 17 2550 - page 227

8
ออกตลาดใหม
ๆ ให
ผู
บริ
โภคกลุ
มเป
าหมายทดลองใช
โดยหวั
งว
าหากใช
แล
วติ
ดใจก็
จะไปซื้
อมา
ใช
เป
นประจํ
าต
อไป การเร
งรั
ดการทดลองโดยวิ
ธี
นี้
ใช
งบประมาณสู
งแต
ได
ผลสํ
าหรั
บสิ
นค
าที่
คุ
ณภาพดี
ถ
าสิ
นค
าคุ
ณภาพไม
ดี
ก็
จะไม
เกิ
ดการซื้
อซ้ํ
าซึ่
งทํ
าให
สิ
นค
าตายเร็
วขึ้
4. การซื้
อซ้ํ
า (Re-purchase)
ขั้
นตอนนี้
เป
นขั้
นตอนสุ
ดท
ายซึ่
งเป
นที่
ใฝ
ฝ
นของนั
กการ
ตลาดทุ
กคน เพราะถ
ามาถึ
งขั้
นตอนนี้
แล
วก็
หมายความว
าสิ
นค
าของเราเริ่
มที่
จะได
ส
วนแบ
งตลาด
แล
ว เมื่
อผู
บริ
โภคซื้
อสิ
นค
าไปทดลองใช
และเกิ
ดความพอใจในตั
วสิ
นค
าจนกลั
บมาซื้
อไปใช
อี
แสดงว
าสิ
นค
านี้
เป
นที่
ต
องใจผู
บริ
โภค ในกรณี
นี้
นั
กการตลาดจะพยายามหาวิ
ธี
ที่
จะผู
กมั
ผู
บริ
โภคในระยะยาวเพราะไม
แน
ว
าในอนาคตผู
บริ
โภคอาจเปลี่
ยนใจจากสิ
นค
าเราไปซื้
อสิ
นค
คู
แข
งก็
ได
สิ่
งที่
นั
กการตลาดทุ
กคนต
องการมาก คื
อ ความภั
กดี
ในตราหรื
อ Brand Loyalty การที่
จะคงไว
ซึ่
งความภั
กดี
ในตรานั
กการตลาดต
องดู
ว
าสิ
นค
าที่
วางตลาดอยู
มี
คุ
ณภาพคงที่
ต
อง
วิ
เคราะห
ว
าความต
องการผู
บริ
โภคอาจเปลี่
ยนแปลงไปและไม
ตรงกั
บคุ
ณประโยชน
ที่
สิ
นค
าของ
เราให
หรื
ออาจจํ
าเป
นต
องทํ
าการส
งเสริ
มการขาย เพื่
อกระตุ
นให
เกิ
ดการซื้
อซ้ํ
า เป
นต
การเช็
คส
วนแบ
งการตลาดสามารถทํ
าได
หลายวิ
ธี
ด
วยกั
น ตั้
งแต
หาตั
วเลขจากภาครั
ฐซึ่
เป
นตั
วเลขที่
ถู
กต
องที่
สุ
ด แต
ป
ญหาคื
อส
วนใหญ
จะไม
ให
ข
อมู
ลเพราะถื
อเป
นความลั
บแต
ถึ
งแม
จะ
ให
บางครั้
งก็
ช
าจนไม
สามารถนํ
ามาใช
ได
เพราะเป
นข
อมู
ลที่
ล
าสมั
ย การหาตั
วเลขจากภาครั
ฐแม
เป
นตั
วเลขจริ
ง แต
นอกจากจะได
ช
าไม
ทั
นกาลแล
วยั
งไม
สามารถบอกสาเหตุ
ที่
ส
วนแบ
งตลาดขึ้
หรื
อลงได
คื
อ ได
มาแต
ตั
วเลขเพี
ยงที่
จะทํ
าให
เรารู
ว
าส
วนแบ
งตลาดมี
เท
าไร แต
ไม
รู
ว
าทํ
าไมจึ
มากหรื
อน
อย ดั
งนั้
นป
จจุ
บั
นวิ
ธี
ที่
นิ
ยมใช
ในการหาส
วนแบ
งการตลาด คื
อ หาจากการทํ
าวิ
จั
ตลาด Research ซึ่
งการหาข
อมู
ลวิ
ธี
นี้
เราสามารถหาข
อมู
ลเพิ่
มเติ
มซึ่
งสามารถบอกมู
ลเหตุ
ของ
การเพิ่
มหรื
อลดส
วนแบ
งตลาดได
ในการหาข
อมู
ลส
วนแบ
งการตลาดโดยทางวิ
จั
ยปกติ
แล
วทางผู
วิ
จั
ยสามารถหาข
อมู
เกี่
ยวกั
บการรั
บรู
สิ
นค
า (Awareness) ทั
ศนคติ
ที่
มี
ต
อสิ
นค
า (Attitude) และรายละเอี
ยดอื่
นๆ ตาม
ขั้
นตอนของสิ
นค
าที่
กล
าวมาแล
วข
างต
น ตั
วอย
างเช
น ถ
าจากการวิ
จั
ยตลาดพบว
าการรั
บรู
เกี่
ยวกั
บตั
วสิ
นค
าของเราต่ํ
า ย
อมส
อให
เห็
นแววว
าส
วนแบ
งการตลาดของเราต่ํ
า และถ
าวิ
เคราะห
ออกมาเป
นเช
นนี้
เราจะสามารถแก
ป
ญหาได
ถู
กต
อง คื
อ ต
องหั
นไปดู
แลเรื่
องโฆษณาโดยเฉพาะ
ด
านสื่
อโฆษณา (Media) ว
าดี
พอหรื
อไม
และทํ
าไมลงทุ
นโฆษณาแล
วการรั
บรู
หรื
อ Awareness
ยั
งต่ํ
าอยู
เป
นต
ในกรณี
ที่
การรั
บรู
เกี่
ยวกั
บสิ
นค
าดี
และเมื่
อถามถึ
งทั
ศนคติ
ของผู
บริ
โภคที่
มี
ต
อสิ
นค
าก็
ไม
มี
ป
ญหาแต
ผู
บริ
โภคบอกว
าที่
ไม
ซื้
อมาใช
ก็
เพราะหาซื้
อไม
มี
หรื
อหาซื้
อยาก เราก็
จะสามารถทราบ
1...,217,218,219,220,221,222,223,224,225,226 228,229,230,231,232,233,234,235,236,237,...702
Powered by FlippingBook