เอกสารการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัย ครั้งที่ 21 / 2554 (Oral) - page 54

6
อภิ
ปรายผลการวิ
จั
การที่
สั
งคมในยุ
คปั
จจุ
บั
นเข้
าสู่
กระแสใหม่
ของการเปลี่
ยนแปลงที่
ใช้
ความรู้
และนวั
ตกรรมเป็
นปั
จจั
ยหลั
กใน
การพั
ฒนาการผลิ
ต การสร้
างสั
งคมแห่
งการเรี
ยนรู้
เพื่
อพั
ฒนาทรั
พยากรบุ
คคลที่
มี
คุ
ณภาพและมี
คุ
ณค่
าต่
อองค์
กร ความรู้
ได้
กลายเป็
นปั
จจั
ยสาคั
ญในการบ่
งชี้
ความสาเร็
จในทุ
ก ๆ ด้
าน จึ
งเกิ
ดการปรั
บเปลี่
ยนองค์
กรไปสู่
การเป็
นองค์
กรแห่
งการ
เรี
ยนรู้
เพื่
อสร้
างนวั
ตกรรมและสร้
างองค์
ความรู้
ใหม่
อย่
างต่
อเนื่
อง โดยมุ่
งเน้
นวั
ฒนธรรมการเรี
ยนรู้
ทั้
งในระดั
บพื้
นฐาน
และแบบสร้
างสรรค์
ในองค์
กรเป็
นหลั
กสาคั
ญเพื่
อเพิ่
มประสิ
ทธิ
ภาพและประสิ
ทธิ
ผลของการดาเนิ
นงานทั้
งในระดั
หน่
วยงานย่
อยและภาพรวมของมหาวิ
ทยาลั
ยเอกชน ดั
งนั้
น หน่
วยงานในทุ
กระดั
บของมหาวิ
ทยาลั
ยเอกชนจึ
งควรให้
ความสาคั
ญต่
อการเรี
ยนรู้
และสนั
บสนุ
นรู
ปการเรี
ยนรู้
ของบุ
คลากรในหน่
วยงาน ทั้
งนี้
เพื่
อเพิ่
มศั
กยภาพของบุ
คลากรอั
เป็
นพื้
นฐานในการเพิ่
มผลงานสร้
างสรรค์
ของมหาวิ
ทยาลั
ยเอกชนโดยภาพรวม การพั
ฒนาให้
บุ
คลากรเกิ
ดคุ
ณลั
กษณะที่
สาคั
ญ 5 ประการตามแนวคิ
ดของ Senge (1990) นั
บเป็
นแนวทางหนึ่
งในการพั
ฒนาบุ
คลากรที่
มุ่
งสู่
การสร้
างมหาวิ
ทยาลั
ให้
เป็
นองค์
กรแห่
งการเรี
ยนรู้
ที่
ยั่
งยื
น ดั
งนี้
1) พั
ฒนาให้
อาจารย์
มี
การคิ
ดเชิ
งระบบ (Systems Thinking) โดยเป็
นการคิ
ดที่
ครอบคลุ
มรอบด้
าน และมี
ความ
เป็
นหนึ่
งเดี
ยวที่
ประกอบด้
วยหน่
วยต่
างๆที่
สั
มพั
นธ์
และเชื่
อมติ
ดกั
นทั้
งหมดอย่
างต่
อเนื่
องกั
นและไม่
หยุ
ดนิ่
ง การที่
บุ
คคล
จะมองโลกแบบองค์
รวมได้
นั้
น บุ
คคลจะต้
องมี
การปรั
บเปลี่
ยนระบบความคิ
ด (A Shift of Mind) คื
อ เปลี่
ยนจากการมอง
ตนเองในลั
กษณะที่
แยกออกมาจากโลก เป็
นการมองในลั
กษณะที่
สั
มพั
นธ์
กั
บโลก
2) พั
ฒนาความรอบรู้
เฉพาะตั
วของอาจารย์
(Personal Mastery) ถื
อเป็
นความชานิ
ชานาญในระดั
บพิ
เศษของ
บุ
คคล และขยายความสามารถในการสร้
างสรรค์
ผลงานที่
ต้
องการได้
อย่
างต่
อเนื่
อง โดยที่
บุ
คลากรของมหาวิ
ทยาลั
เอกชนสามารถตระหนั
กถึ
งผลการกระทาซึ่
งมี
ผลสาคั
ญที่
สุ
3) พั
ฒนารู
ปแบบวิ
ธี
การคิ
ด (Mental Models) ให้
ถื
อเป็
นข้
อตกลงเบื้
องต้
นสาหรั
บอาจารย์
ผู้
ปฏิ
บั
ติ
งาน โดยมี
ข้
อสรุ
ปทั่
วไป มี
ภาพลั
กษณ์
ที่
ฝั
งติ
ดแน่
นอยู่
อย่
างลึ
กซึ้
ง มี
วิ
ธี
คิ
ดที่
มี
อิ
ทธิ
พลต่
อความเข้
าใจโลก และมี
วิ
ธี
การปฏิ
บั
ติ
ที่
รู้
ว่
สิ่
งใดควรหรื
อไม่
ควรทา
4) การสร้
างวิ
สั
ยทั
ศน์
ร่
วมกั
น (Building Shared Vision) พั
ฒนา เป็
นความสามารถในการก่
อให้
เกิ
ดภาพรวม
หรื
อเป็
นภาพของอนาคตที่
อาจารย์
ของมหาวิ
ทยาลั
ยเอกชนมุ่
งสร้
างสรรค์
ให้
เกิ
ดขึ้
ทาให้
บุ
คลากรของมหาวิ
ทยาลั
เอกชนแสดงความเป็
นเลิ
ศและเรี
ยนรู้
สิ่
งต่
างๆด้
วยตนเอง
5) การเรี
ยนรู้
ร่
วมกั
นเป็
นที
มของอาจารย้
ผู้
ปฏิ
บั
ติ
งาน (Team Learning) เป็
นการเรี
ยนรู้
ร่
วมกั
นของบุ
คลากรใน
มหาวิ
ทยาลั
ยเอกชนโดยอาศั
ยความรู้
และความคิ
ดของบุ
คลากรในกลุ่
มมาแลกเปลี่
ยนความคิ
ดเห็
นเพื่
อพั
ฒนาความรู้
และ
ความสามารถของที
มให้
เกิ
ดขึ้
น การเรี
ยนรู้
ร่
วมกั
นเป็
นที
มจะเกิ
ดขึ้
นได้
ต่
อเมื่
อมี
การรวมพลั
งของ บุ
คลากรในที
มให้
ได้
มี
โอกาสเรี
ยนรู้
ร่
วมกั
นโดยแลกเปลี่
ยนข้
อมู
ลความคิ
ดเห็
นและประสบการณ์
ซึ่
งกั
นและกั
นอย่
างสม่
าเสมอ จนเกิ
ดเป็
ความคิ
ดร่
วมกั
นของกลุ่
ดั
งนั้
น การสร้
างวั
ฒนธรรมองค์
กรของมหาวิ
ทยาลั
ยเอกชนจึ
งควรต้
องเสริ
มสร้
างให้
คณาจารย์
หรื
อบุ
คลากร
ของมหาวิ
ทยาลั
ยเอกชนมี
วิ
สั
ยทั
ศน์
ร่
วมกั
น สร้
างความสามารถในการก่
อให้
เกิ
ดภาพรวมและต้
องมี
การเรี
ยนรู้
ร่
วมกั
เป็
นที
ม ซึ่
งมั
กเริ่
มต้
นด้
วยการสนทนากั
น ( Dialogue) และคิ
ดร่
วมกั
นอย่
างแท้
จริ
ง การสนทนากั
นเป็
นกิ
จกรรมของการ
สร้
างวั
ฒนธรรมการเรี
ยนรู้
ร่
วมกั
นเป็
นที
มซึ่
งเป็
นสิ่
งสาคั
ญยิ่
ง เพราะว่
าการสร้
างที
มงานระดั
บต่
าง ๆ นั
บเป็
นหน่
วยการ
เรี
ยนรู้
ขั้
นพื้
นฐานขององค์
กร หากคณาจารย์
ไม่
สามารถเรี
ยนรู้
และไม่
มี
บรรยากาศของความมี
ปฏิ
สั
มพั
นธ์
ทางสั
งคมต่
กั
นในที
มปฏิ
บั
ติ
งานก็
จะส่
งผลต่
อการเรี
ยนรู้
และการสร้
างผลการปฏิ
บั
ติ
งานที่
เป็
นเลิ
ศของมหาวิ
ทยาลั
ยเอกชน
1...,44,45,46,47,48,49,50,51,52,53 55,56,57,58,59,60,61,62,63,64,...1102
Powered by FlippingBook