บทนํ
า
นํ
?
าเป็
นทรั
พยากรธรรมชาติ
ทีC
มี
ความสํ
าคั
ญและจํ
าเป็
นอย่
างยิ
C
งสํ
าหรั
บการดํ
ารงชี
พของมนุ
ษย์
และสิ
C
งมี
ชี
วิ
ต
อืC
นๆ นั
บวั
นความต้
องการใช้
นํ
?
าของมนุ
ษย์
มี
ปริ
มาณเพิ
C
มขึ
?
นเรืC
อยๆ จนทํ
าให้
ทรั
พยากรทางนํ
?
าเกิ
ดความเสืC
อมโทรมลง นํ
?
า
ทีC
ดี
มี
คุ
ณภาพจึ
งเกิ
ดการขาดแคลน เป็
นผลทํ
าให้
เกิ
ดการแย่
งชิ
งทรั
พยากรนํ
?
าทีC
มี
คุ
ณภาพ และในปั
จจุ
บั
นพบว่
ามนุ
ษย์
ขาด
ความตระหนั
กและขาดความรั
บผิ
ดชอบต่
อสิ
C
งแวดล้
อม จึ
งส่
งผลทํ
าให้
ทรั
พยากรทางนํ
?
าเกิ
ดการปนเปื
?
อนของสารพิ
ษ
ต่
างๆ ซึ
C
งเป็
นปั
ญหานํ
?
าเสี
ยในปั
จจุ
บั
น
ปั
ญหานํ
?
าเสี
ยเป็
นปั
ญหาทีC
สํ
าคั
ญปั
ญหาหนึ
C
งในพื
?
นทีC
ลุ
่
มนํ
?
าทะเลสาบสงขลา อั
นเนืC
องมาจากคุ
ณภาพนํ
?
าบริ
เวณ
ปากคลองต่
างๆ ทีC
ไหลลงสู
่
ทะเลสาบสงขลาอยู
่
ในเกณฑ์
เสืC
อมโทรมถึ
งเสืC
อมโทรมมากทีC
สุ
ด ซึ
C
งคลองสํ
าโรงก็
เป็
นคลอง
สาขาหนึ
C
งทีC
ไหลลงสู
่
ทะเลสาบสงขลาโดยคลองสํ
าโรงเป็
นแหล่
งนํ
?
าวิ
กฤติ
ในพื
?
นทีC
จั
งหวั
ดสงขลา และคลองสํ
าโรงก็
ได้
รั
บ
ผลกระทบจากการทํ
ากิ
จกรรมต่
างๆ ของมนุ
ษย์
ซึ
C
งในอดี
ตคลองสํ
าโรงอุ
ดมไปด้
วยพื
ชพั
นธุ
์
ไม้
ป่
าชายเลน ระบบนิ
เวศน์
มี
ลั
กษณะพิ
เศษคื
อ นํ
?
าจื
ด นํ
?
ากร่
อย และนํ
?
าเค็
ม หมุ
นเวี
ยนผลั
ดเปลีC
ยนกั
นไปตามฤดู
กาล มี
สั
ตว์
นํ
?
าชุ
กชุ
ม อุ
ดมสมบู
รณ์
และชาวบ้
านบริ
เวณริ
มคลองสํ
าโรงได้
ใช้
นํ
?
าแหล่
งนี
?
ในการบริ
โภคและอุ
ปโภค การทํ
าเกษตรกรรมต่
างๆ รวมทั
?
งการใช้
คลองสายนี
?
เป็
นเส้
นทางในการคมนาคม
แต่
ปั
จจุ
บั
นกั
บพบว่
าเมืC
อมี
บ้
านเรื
อนราษฎร โรงงานอุ
ตสาหกรรม และสถาน
ประกอบการด้
านประมงแบบครั
วเรื
อน ก่
อสร้
างอยู
่
ริ
มตลอดแนวความยาวของคลอง จากคลองทีC
เคยกว้
างถึ
ง 45 เมตร
เหลื
อเพี
ยง 7 เมตร ชุ
มชนและโรงงานอุ
ตสาหกรรมบางแห่
งทีC
อาศั
ยอยู
่
ใกล้
ริ
มคลองก็
ได้
ปล่
อยนํ
?
าเสี
ยลงสู
่
คลองสํ
าโรง
โดยตรงโดยมิ
ได้
ทํ
าการบํ
าบั
ด จนทํ
าให้
คลองสํ
าโรงกลายเป็
นแหล่
งรองรั
บนํ
?
าเสี
ยจากชุ
มชนและโรงงานอุ
ตสาหกรรม
ซึ
C
งเป็
นผลทํ
าให้
นํ
?
าทีC
เคยใสสะอาดกลายเป็
นสี
ดํ
า มี
ขยะลอยฟ่
อง ส่
งกลิ
C
นเน่
าเหม็
น ลํ
านํ
?
าตืC
นเขิ
น อี
กทั
?
งยั
งเป็
นแหล่
ง
เพาะพั
นธุ
์
เชื
?
อโรคนานาชนิ
ด จนทํ
าให้
นํ
?
าในคลองสํ
าโรงไม่
สามารถนํ
ามาใช้
ในการบริ
โภคและอุ
ปโภคได้
อี
กต่
อไป
และ
หากยั
งปล่
อยไว้
เช่
นนี
?
อาจมี
แนวโน้
มทีC
จะมี
ปั
ญหารุ
นแรงเกิ
ดขึ
?
นในอนาคต ซึ
C
งอาจจะส่
งผลต่
อคุ
ณภาพชี
วิ
ตของประชาชน
บริ
เวณริ
มคลองสํ
าโรงได้
ดั
งนั
?
นวิ
ธี
การหนึ
C
งทีC
จะแก้
ไขและบํ
ารุ
งรั
กษาลํ
าคลองให้
อยู
่
ในสภาพทีC
เหมาะสมจึ
งต้
องมี
การ
จั
ดการนํ
?
าเสี
ยให้
อยู
่
ในระดั
บทีC
ยอมรั
บได้
ทั
?
งนี
?
ก็
ต้
องขึ
?
นอยู
่
กั
บความร่
วมมื
อของประชาชนและการมี
จิ
ตสํ
านึ
กต่
อ
สิ
C
งแวดล้
อม จากความสํ
าคั
ญของปั
ญหาดั
งกล่
าว ผู
้
วิ
จั
ยจึ
งมี
ความสนใจทีC
จะศึ
กษาการประเมิ
นมู
ลค่
าความเต็
มใจจ่
ายใน
การฟื
?
นฟู
คลองสํ
าโรง โดยนํ
าเครืC
องมื
อทางด้
านเศรษฐศาสตร์
สิ
C
งแวดล้
อม (Contingent Valuation Method: CVM) มาใช้
ในการประเมิ
นมู
ลค่
า
วิ
ธี
การวิ
จั
ย
การศึ
กษาความเต็
มใจจ่
ายในการฟื
?
นฟู
คลองสํ
าโรง จั
งหวั
ดสงขลา
เป็
นแบบการวิ
จั
ยเชิ
งสํ
ารวจ (Survey
research) โดยการสั
มภาษณ์
จากกลุ่
มตั
วอย่
างจํ
านวน 400 คน ทีC
อาศั
ยอยู
่
บริ
เวณคลองสํ
าโรง โดยใช้
แนวคิ
ดประเมิ
น
มู
ลค่
าทางตรง (Direct Method) โดยการสมมติ
สถานการณ์
(Contingent Valuation Method: CVM ) (เต็
มดวง รั
ตน
ทั
ศนี
ย์
, 2533 , อรชา มุ
้
ยเสมา, 2548) ซึ
C
งเป็
นวิ
ธี
ทีC
มี
ความคล่
องตั
วสู
งและสามารถนํ
ามาใช้
กั
บการประเมิ
นมู
ลค่
า
สิ
C
งแวดล้
อมได้
ทุ
กประเภทไม่
ว่
าจะเป็
น มู
ลค่
าทีC
เกิ
ดจากการใช้
(Use Value) มู
ลค่
าจากการมิ
ได้
ใช้
(Non Use Value) และ
มู
ลค่
าสํ
าหรั
บอนาคต (Option Value) ขึ
?
นอยู
่
กั
บลั
กษณะของการตั
?
งคํ
าถามทีC
จะสั
มภาษณ์
ประชาชนเป้
าหมาย (Champ et
al., 2004, Hanley et al., 1994) โดยการสมมติ
สถานการณ์
บนพื
?
นฐานทีC
จะเกิ
ดขึ
?
นจริ
ง (สมมติ
เหตุ
การณ์
การปรั
บปรุ
ง
คุ
ณภาพนํ
?
าออกเป็
น 4 สถานการณ์
ดั
งตาราง 1) ซึ
C
งในการวิ
จั
ยครั
?
งนี
?
เป็
นการถามเพืC
อหาความเต็
มใจจ่
าย (Willingness to
Pay: WTP) โดยคํ
าถามแบบปิ
ด
(Close – Ended) วิ
ธี
Bidding Game Question