การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 115

114
เขย่าทีไเหมาะสม (0 170 และ 340 รอบต่อนาที ) และผลของพีเอชเริไมต้นทีไเหมาะสม (4 7 และ 9) เก็ บตัวอย่างทุก 24
ชัไวโมง จนครบ 120 ชัไวโมง เพืไอน้าไปวิเคราะห์หาปริมาณน้้าตาล และปริมาณกรดแลคติกทีไ ได้
5. การวิเคราะห์ผล
การวิเคราะห์หาปริ มาณน้้าตาลโดยวิธี Dinitrosalicylic Acid (DNS) ตามวิ ธีการของ Choonut et al. [4] และ
ส้าหรับการวิเคราะห์ปริมาณกรดแลคติกท้าตามวิธีของ Barker and Summerson [5]
ผลการวิจัยและอภิ ปรายผลการวิจัย
1. องค์ประกอบทางเคมีบางประการของน้้ากากส่าหลังกระบวนการผลิตเอทานอล
เอทานอลจากเปลือกสับปะรดทีไ ผ่านการปรับสภาพด้วยความร้อน ทีไมีการเติมเอนไซม์เซลลู เลส และอาหารเลี้ยง
เชื้อ บ่มทีไอุณหภูมิ 35 oC อัตราการเขย่ า 120 รอบต่อนาที [4] เมืไอท้าการหมักครบ 96 ชัไวโมง จะถูกน้ามากลัไนเพืไ อเก็บ
เกีไยวเอทานอล ส่วนของสารละลายทีไเหลือจากการกลัไนจะเรียกว่ า น้้าเสียหรือน้้ากากส่า จากผลการศึกษาพบว่า ในน้้ากาก
ส่าจะประกอบด้วยน้้าตาลฟรุ กโทส น้้าตาลกลูโคส กรดอะซิติก กรดโพรพิ โอนิก และกรดบิ วทิริ ก ซึไงมีความสอดคล้ องกัน
กับการศึกษาของ Mitra et al. [6] และ Eskicioglu et al. [7] ซึไงท้ าการศึกษาองค์ประกอบของน้้ากากส่าจาก
กระบวนการผลิตเอทานอลโดยใช้ข้ าวโพดเป็นวัตถุ ดิบ และเมืไ อน้าน้้ากากส่ามาวิเคราะห์เชิงปริ มาณ พบว่า น้้ากากส่าจะ
ปริมาณของแข็งทั้งหมด 17,307 มิ ลลิกรัมต่ อลิตร ของแข็ งระเหยง่าย 14,400 มิลลิกรัมต่ อลิตร ของแข็ งทั้งหมดทีไละลายได้
9.0 มิลลิกรั มต่อลิตร ค่ าบีโอดี 14,630 มิลลิกรั มต่อลิตร ค่ าซีโอดี 20,900 มิลลิ กรัมต่อลิ ตร ค่า pH อยู่ ในช่วง 4.3-4.8
ปริมาณน้้าตาลรีดิวซ์คงเหลือ 1.484 กรัมต่ อลิตร และปริ มาณเอทานอล 0 เปอร์เซ็ นต์ และเมืไอเปรี ยบเทียบจากการศึกษา
ของ Andalib et al. [8] ได้ศึกษาคุณสมบัติบางประการของน้้ ากากส่าจากอุตสาหกรรมเอทานอล โดยใช้ข้าวโพดเป็น
วัตถุดิบ จะให้ ปริมาณของแข็งทั้ งหมด ของแข็งระเหยง่าย ของแข็งทั้งหมดทีไละลายได้ และค่าซีโอดี สูงกว่าถึงสิบเท่า ซึไ ง
จากข้อมูลนี้ได้แสดงให้เห็นว่า คุณลักษณะของน้้ากากส่าขึ้นอยู่กั บสารตั้งต้นทีไใช้ในกระบวนการผลิต
2. การประยุกต์ใช้น้้ากากส่ าส้าหรับการผลิตกรดแลคติ กด้วยเชื้อ L. plantarum
การทดลองนี้จะศึกษาสภาวะทีไเหมาะสมส้ าหรับการผลิตกรดแลคติก จากน้้ากากส่าหลั งกระบวนการผลิตเอทา
นอล โดยท้าการศึ กษา (ก) ผลความเข้มข้นของน้้ากากส่า (ข) ผลของชนิดของแหล่งไนโตรเจน (ค) ผลของอุณหภูมิ (ง) ผล
ของอัตราการเขย่า และ (จ) ผลของค่าพีเอชเริไมต้ น
(ก) ผลความเข้มข้นของน้้ากากส่าทีไ เหมาะสมส้าหรับการผลิตกรดแลคติก
ผลของความเข้มข้นน้้ากากส่าร้อยละ 50 และ 100 ต่ อการผลิตกรดแลคติก พบว่า จุลินทรีย์จะผลิ ตกรดแลคติก
ได้สูงสุด ทีไ ความเข้มข้นของน้้ ากากส่า 50 เปอร์เซ็นต์ โดยให้ปริ มาณกรดแลคติกสูงสุดเท่ากับ 54.18 มิลลิกรัมต่อลิตร ทีไ 48
ชัไวโมงของการหมัก ในขณะทีไการหมักด้วยน้้ากากส่าความเข้มข้น 100 เปอร์เซ็นต์ จะให้ผลผลิตกรดแลคติกตไ้ากว่า เท่ากับ
26.84 มิลลิกรัมต่ อลิตร หลั งจาก 48 ชัไวโมงของการหมัก (ภาพทีไ 1) จากผลการทดลองปริมาณน้้าตาลเริไมต้ นจะแปรผกผัน
กับปริมาณกรดแลคติก น้้ าตาลเริไมต้น (1,484 มิลลิกรัมต่อลิตร)จะลดลงตั้งแต่ ช่วงแรกของการหมัก เนืไองจากจุลิ นทรีย์มี
การใช้น้้าตาลเพืไอเปลีไยนไปเป็นกรดแลคติก ซึไงสอดคล้ องกับผลผลิตกรดแลคติกทีไ เพิไมขึ้น โดยทีไความเข้มข้นของน้้ ากากส่า
50 เปอร์เซ็ นต์ จะให้ ให้ปริมาณกรดแลคติกสูงกว่าความเข้มข้ นของน้้ากากส่า 100 เปอร์ เซ็ นต์ เนืไองจากน้้ ากากส่าเป็น
แหล่งคาร์บอนทีไมีสารอาหารในปริมาณสูง เมืไอใช้ความเข้มข้น 100 เปอร์เซ็นต์ สารอาหารเหล่านั้นซึไ งมีปริมาณมากเกินพอ
อาจจะยับยั้งการท้ากิจกรรมของจุลิ นทรี ย์ จึ งส่งผลให้ได้ผลผลิ ตกรดแลคติกในปริ มาณตไ้ า แหล่ง คาร์บอนเป็ นธาตุ ทีไมี
ความส้าคัญในการสังเคราะห์เซลล์ และพลั งงาน โดยทัไวไปจุ ลิ นทรีย์ทีไ เจริญในสภาวะทีไไม่ มีอากาศจะใช้ แหล่งคาร์ บอน
ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ในการสังเคราะห์ เซลล์ ส่วนจุลิ นทรีย์ทีไเจริญในสภาวะทีไมีอากาศ จะใช้แหล่งคาร์ บอน ประมาณ
50-55 เปอร์เซ็นต์ในการสังเคราะห์ เซลล์ [9] และเมืไอพิจารณาปริมาณผลผลิ ตกรดแลคติกทีไได้ น้้ากากส่าทีไความเข้มข้น
ร้อยละ 50 จึ งถูกเลือกส้าหรับการศึกษาสภาวะอืไนต่อไป