การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ 2559 - page 108

107
5. การหาค่
าความเข้
มข้
นต่้
าสุ
ดของสารสกั
ดที่
สามารถยั
บยั้
งเชื้
อทดสอบ (Minimum inhibitory concentrations; MICs) และ
การหาค่
าความเข้
มขั้
นต่้
าสุ
ดของสารสกั
ดที่
สามารถฆ่
าเชื้
อทดสอบได้
(Minimum bactericidal concentration; MBCs) หรื
(Minimum fungicidal concentration; MFCs)
สารสกั
ดที่
ให้
ผลการยั
บยั้
งเชื้
อที่
ความเข้
มข้
น 200
µ
g/ml น้
ามาทดสอบและหาค่
า (MICs) และ (MBCs) ด้
วยวิ
ธี
colorimetric broth microdilution tests เช่
นเดี
ยวกั
บการทดสอบฤทธิ์
เบื้
องต้
นของสารสกั
ดหยาบ โดยเตรี
ยมสารสกั
ดหยาบ
ให้
ได้
ความเข้
มข้
นสุ
ดท้
าย 0.025-128
µ
g/ml และค่
าความเข้
มข้
นต่้
าสุ
ดของสารสกั
ดที่
สามารถยั
บยั้
งเชื้
อทดสอบได้
จะบั
นทึ
เป็
นค่
า MIC จากนั้
น streak เชื้
อจากหลุ
มทดสอบที่
ให้
ผลการยั
บยั้
งทุ
กหลุ
มจาก microtiter plate ลงบนอาหาร NA ส้
าหรั
เชื้
อแบคที
เรี
ย และ SDA ส้
าหรั
บเชื้
อยี
สต์
โดยความเข้
มข้
นต่้
าสุ
ดของสารสกั
ดที่
สามารถฆ่
าเชื้
อทดสอบได้
จะถู
กบั
นทึ
กเป็
นค่
MBC หรื
อ MFC
ผลการวิ
จั
ยและอภิ
ปรายผลงานวิ
จั
1. การแยกราเอนโดไฟท์
จากการแยกราเอนโดไฟท์
จากผั
กตบชวาและจอกหู
หนู
ในเขตพื้
นที่
อุ
ทยานแห่
งชาติ
ทะเลน้
อย จั
งหวั
ดพั
ทลุ
ง ได้
ราเอน
โดไฟท์
ทั้
งหมด 202 ไอโซเลท จากผั
กตบชวา 59 ไอโซเลท และจอกหู
หนู
143 ไอโซเลท คิ
ดเป็
น 59.4% จากชิ้
นตั
วอย่
างทั้
งหมด
340 ชิ้
นตั
วอย่
าง ราเอนโดไฟท์
กระจายอยู่
ตามส่
วนต่
างๆของพื
ช โดยแยกได้
จากแผ่
นใบมากที่
สุ
ด มี
ค่
า isolation rate เท่
ากั
0.15 (% colonization rate, 21.78%) จากผั
กตบชวา และค่
า isolation rate เท่
ากั
บ 0.92 (% colonization rate,
92.17%) จากจอกหนู
หนู
จากข้
อมู
ลข้
างต้
นสามารถใช้
เป็
นฐานข้
อมู
ลในการแยกเชื้
อราเอนโดไฟท์
จากพื
ชน้้
าทั้
งสองชนิ
ด ซึ่
สอดคล้
องกั
บการศึ
กษาของ Supaphon [3] ที่
ศึ
กษาอั
ตราการแยกเชื้
อและการกระจายของราเอนโดไฟท์
จากหญ้
าทะเล พบว่
สามารถแยกเชื้
อราเอนโดไฟท์
ได้
จากส่
วนใบมากกว่
า ส่
วนล้
าต้
น และราก โดยคิ
ดเป็
น % isolation rate ถึ
ง 95.19% จากส่
วน
ใบ 2.88% จากส่
วนราก และ 1.92% จากล้
าต้
น บริ
เวณใบมี
ส่
วนของเนื้
อเยื้
อพื
ชที่
ส้
าคั
ญได้
แก่
pholem และ xylem ซึ่
งใช้
ขนส่
งสารอาหารและน้้
า รวมทั้
งเป็
นบริ
เวณที่
มี
การสั
งเคราะห์
ด้
วยแสงของพื
ชที่
อุ
ดมไปด้
วยสารอาหาร จึ
งเป็
นบริ
เวณที่
เหมาะสม
ต่
อการอาศั
ยของราเอนโดไฟท์
นอกจากนี้
พบว่
าบริ
เวณรากมี
สารอั
ลคาลอยด์
อยู่
จ้
านวนมาก โดยสารดั
งกล่
าวมี
ศั
กยภาพในการ
ฆ่
าหนอนแมลงและราบางชนิ
ด จึ
งอาจเป็
นสาเหตุ
ให้
แยกราเอนโดไฟท์
ได้
น้
อยกว่
าส่
วนอื่
นๆ
2. ผลการจั
ดจ้
าแนกราเอนโดไฟท์
โดยลั
กษณะทางสั
ณฐานวิ
ทยา
การจั
ดจ้
าแนกราเอนโดไฟท์
โดยลั
กษณะทางสั
ณฐานวิ
ทยา พบว่
าสามารถจั
ดกลุ่
มราเอนโดไฟท์
ได้
16 กลุ่
ม (ภาพที่
1
และ2) มี
ราเอนโดไฟท์
เพี
ยง 2 กลุ่
มจากจอกหู
หนู
สามารถจั
ดจ้
าแนกด้
วยลั
กษณะทางสั
ณฐานวิ
ทยา ได้
เป็
Penicillium
sp.
(SalB2) และ
Nigrosposa
sp. (SalA6) ส่
วนราเอนโดไฟท์
อี
ก 14 กลุ่
ม จั
ดเป็
น unidentified fungi เนื่
องจากไม่
สร้
าง
โครงสร้
างสื
บพั
นธุ์
จากผลการจั
ดจ้
าแนกในงานวิ
จั
ยนี้
จะเห็
นได้
ว่
าราเอนโดไฟท์
ส่
วนใหญ่
ไม่
สร้
างโครงสร้
างสื
บพั
นธุ์
จึ
งเป็
อุ
ปสรรคต่
อการจั
ดจ้
าแนกโดยลั
กษณะทางสั
ณฐานวิ
ทยา สอดคล้
องกั
บงานวิ
จั
ยของสายทอง [4] ที่
พบว่
าราเอนโดไฟท์
ที่
แยกได้
ส่
วนใหญ่
เป็
นกลุ่
ม non-sporulating isolates บนอาหาร PDA มากถึ
ง 54.14% โดยราเอนโดไฟท์
แต่
ละสายพั
นธุ์
มี
ความ
ต้
องการสารอาหารต่
างกั
น รวมทั้
งปั
จจั
ยอื่
นๆ เช่
น แสง และความชื้
น ยั
งส่
งผลต่
อการสร้
างโครงสร้
างสื
บพั
นธุ์
ของราเอนโดไฟท์
อี
กด้
วย ราเอนโดไฟท์
บางชนิ
ดไม่
สามารถแยกจากเนื้
อเยื้
อพื
ชที่
อาศั
ยได้
โดยราที่
แยกได้
เป็
นกลุ่
มที่
เจริ
ญเร็
วเท่
านั้
1...,98,99,100,101,102,103,104,105,106,107 109,110,111,112,113,114,115,116,117,118,...300
Powered by FlippingBook